ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1654 ใจดีช่วยเหลือ
ตอนที่ 1654 ใจดีช่วยเหลือ
……….
กร๊อบ!
ท่ามกลางความมืดมิด เสียงสิ่งของแตกกระจายดังขึ้นจากระยะไกล
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างขึ้นมา!
ทันใดนั้นเองในดวงตาของนางก็เหมือนมีดวงดาวระยิบระยับแพรวพราว!
แรงกดดันที่ยากจะพรรณนาแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของนาง!
… ปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชา!
…
ริมฝีปากบางของหรงซิวยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เขารู้อยู่แล้วว่านางจะต้องทำสำเร็จ
สำหรับคนทั่วไปแล้วเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องยากราวกับขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า
แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่ที่เคยซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์มาก่อน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะ
อย่างใดก็ตามภาพเหตุการณ์นี้ กลับทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้าง
“ละ… ลมปราณเช่นนี้ …”
หนานอีอีเป็นปรมาจารย์แห่งค่ายกล อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ไม่เลว ดังนั้นจึงรู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ
นางเบิกตากว้างขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
แม่นางคนนั้นอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น เหตุใดถึงสามารถทะลวงด่านเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาได้เล่า?
ต่อให้เป็นนาง ตอนนี้นางอายุยี่สิบสี่ปีแล้วยังไม่สามารถแตะธรณีประตูของปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาได้เลย!
นางคว้าแขนเสื้อของหนานอวี่สิงที่อยู่ด้านข้างอย่างอดไม่ได้
“พี่ใหญ่ ความรู้สึกของข้าผิดพลาดไปใช่หรือไม่?”
สีหน้าของหนานอวี่สิงย่ำแย่เป็นอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ปรมาจารย์ด้านค่ายกล แต่ก็ได้พบเจอปรมาจารย์ด้านค่ายกลมาเป็นจำนวนไม่น้อย
แม่นางคนนั้น สามารถทะลวงด่านปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาได้จริงๆ!
หากเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง แม้กระทั่งเขาก็คงยังไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาที่อายุน้อยขนาดนี้อยู่!
และดูเหมือนว่านางใช้เวลาทะลวงด่านไม่ถึงหนึ่งวัน!
“… นางจะต้องใช้ทางลัดอันใดบางอย่างแน่นอน!”
หนานอวี่สิงกัดฟันพูด
หนานอีอีที่ได้ยินดังนั้น ความหวังสุดท้ายที่อยู่ในใจก็ถูกทำลายลงไป
ใช้ทางลัด… มันจะเป็นไปได้อย่างใด?
บางทีเหล่าจอมยุทธ์ก็มีวิธีการอันใดบางอย่าง ที่สามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งของตนเองภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้
แต่ว่าปรมาจารย์ค่ายกลนั้นไม่มีทางทำได้เลย!
นางทะลวงด่านได้สำเร็จแล้วนั่นคือเรื่องจริง!
ร่างของหนานอีอีโงนเงนจนเกือบจะล้มลงไปที่พื้น
ภาพทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้านางนี้มันโจมตีนางอย่างรุนแรงมากเกินไป
ประการแรกเป็นเพราะผู้อาวุโสไป๋ถงและผู้อาวุโสอูเผิงถูกหรงซิวจัดการได้อยู่หมัด ต่อมาก็เป็นเพราะแม่นางคนนั้นสามารถทะลวงด่านปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาได้…
หากเป็นก่อนหน้านี้นางยังคงมีความภาคภูมิใจเกี่ยวกับความสามารถในด้านนี้อยู่บ้าง และคิดว่าตนเองยังมีความโดดเด่นมากกว่าอีกฝ่าย แต่ว่าในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายไปหมดแล้ว
ผู้อาวุโสอูเผิงเพิ่งจะช่วยรักษาบาดแผลให้กับผู้อาวุโสไป๋ถงเสร็จเรียบร้อย แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว เขาก็เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาลึกล้ำ
เมื่อถึงในเวลานี้ ถ้าเขายังดูแคลนหรงซิวและภรรยา นั่นคงเป็นเรื่องที่โง่อย่างถึงที่สุดแล้ว!
หนานอวี่สิงสาวเท้าเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว แล้วพูดว่า
“ผู้อาวุโสอูเผิง จะเก็บสองคนนี้ไว้ไม่ได้เด็ดขาด”
ผู้อาวุโสอูเผิงขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม แววตามีความสับสน
เขารู้อย่างแน่นอนว่าหากปล่อยทั้งสองคนนี้ออกไป พวกเขาจะต้องเดือดร้อนไม่จบไม่สิ้นอย่างแน่นอน
แต่ว่า…
หนานอวี่สิงและผู้อาวุโสไป๋ถงได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝีมือของหนานอีอีก็อ่อนด้อยกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
ต่อให้เขาทุ่มเต็มกำลัง ก็ไม่แน่จะสามารถจัดการอีกฝ่ายก่อนที่พวกเขาจะส่งข้อความออกไป
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความลำบากได้อย่างแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้นสถานการณ์ต้องย่ำแย่มากกว่านี้แน่นอน
แต่ประเด็นสำคัญกว่านั้นก็คือ พวกเขามาสุสานสังหารเทพในครั้งนี้เพื่อตามหาของสิ่งนั้น
ตอนนี้ยังไม่ทันได้หาของเจอ ก็บาดเจ็บและเหนื่อยล้ากันไปหมดแล้ว
หากจะต้องเสียเวลาเพราะเรื่องนี้ เช่นนั้น… ก็จะมีแต่ขาดทุนไม่มีกำไร
ผู้อาวุโสอูเผิงหลุบสายตาลงต่ำ แล้วหันมองทางผู้อาวุโสไป๋ถง
“ไป๋ถง เจ้ามีความเห็นว่าอย่างใด?”
ผู้อาวุโสไป๋ถงใบหน้าซีดขาว สีหน้าเคียดแค้น
ไม่ว่าใครที่ถูกตัดขาเช่นนี้ ก็ไม่มีทางที่จะยอมรับได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้นเป็นคนอย่างผู้อาวุโสไป๋ถงด้วยแล้ว?
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตนเองได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานขนาดนี้ สุดท้ายแล้วชีวิตต้องมาพังด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง!
ดังนั้นเขาจึงต้องการแก้แค้นมากกว่าใคร!
แต่ว่า…
เขาก็เข้าใจความคิดของผู้อาวุโสอูเผิง
เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดผู้อาวุโสไป๋ถงก็กัดฟันพูดว่า
“พวกเรากลับกันก่อน…”
“ผู้อาวุโสไป๋ถง!”
หนานอวี่สิงพูดแทรกขึ้นอย่างกะทันหัน เขานึกว่าตนเองได้ยินผิดไป
เขาถูกตัดขาไปแล้วข้างหนึ่ง! คาดไม่ถึงว่าตอนนี้จะบอกให้ช่างมัน?
ผู้อาวุโสไป๋ถงหลับตาลง
ใช่ว่าเขาจะไม่อยากแก้แค้น
แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ การจากไปก่อนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!
รอให้ได้ของสิ่งนั้นมา เมื่อทำภารกิจที่ท่านประมุขมอบหมายได้สำเร็จ พวกเขาก็จะมีเวลาและโอกาสที่ตามหาสองคนนี้มากขึ้นไม่ใช่หรือ?
หมัดของหนานอวี่สิงค่อยๆ กำแน่นขึ้น
ในตอนแรก เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายสร้างความอัปยศก็ส่งให้กับน้องสาวของเขา จากนั้นเขาจึงอยากจะสร้างความวุ่นวายให้อีกฝ่าย และมอบบทเรียนให้กับพวกเขา
แต่ว่าในตอนนี้… พวกเขาผลัดกันถูกอีกฝ่ายลงมือ และได้รับความอัปยศมากขึ้น
หนานอวี่สิงที่อยู่สูงส่งมาโดยตลอดก็ไม่สามารถรับได้
เขาจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง
…
ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์หลังจากทะลวงด่านได้เรียบร้อยแล้ว
นางเพิ่งจะลุกขึ้นยืน หรงซิวก็เดินเข้ามา
“ยินดีด้วยนะเยว่เออร์”
ความเย็นชาราวกับหิมะบริเวณระหว่างดวงตาค่อยๆ ละลายหายไป แทนที่ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น
ฉู่หลิวเยว่ก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์
“โชคดีที่ได้รับคำชี้แนะจากเจ้า”
ถ้านางไม่ได้เล่นหมากกับหรงซิว นางก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะสามารถทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้ง และเข้าสู่การทะลวงด่านได้
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น และก้มหน้าเล็กน้อย แล้วมองตานางอย่างจริงจัง พร้อมถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“เช่นนั้น… มีรางวัลให้ข้าหรือไม่?”
ตอนนี้ระยะห่างของทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก
ตอนที่เขาพูดนั้น ลมหายใจอุ่นร้อนและกลิ่มหอมเย็นๆ ก็โอบล้อมร่างกายของฉู่หลิวเยว่อย่างเงียบเชียบ
ฉู่หลิวเยว่ยื่นนิ้วชี้ออกมา ก่อนจะจิ้มไปที่หน้าอกของเขาเบาๆ แล้วเอนไปด้านหลังเล็กน้อย ริมฝีปากแดงเม้มขึ้นเล็กน้อย
“ยังมีคนอยู่นะ ฝ่าบาทยับยั้งชั่งใจหน่อยเสียจะดีกว่า”
ขณะที่พูดนางก็หมุนตัวออกมาแล้วเดินไปทางคนเหล่านั้น ก่อนจะกล่าวทักทาย
“ทุกท่าน ช่างบังเอิญเสียจริง พวกเราได้เจอกันอีกแล้ว?”
…
บังเอิญ?
บังเอิญกับผีน่ะสิ!
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ ความโกรธที่พวกเขาระงับอยู่ภายในใจของหนานอวี่สิงและคนอื่นๆ ก็พวยพุ่งขึ้นมาในทันที!
แม่นางคนนี้จะต้องตั้งใจอย่างแน่นอน!
ตนเองสามารถทะลวงด่านปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาได้แล้ว ก็คงไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว!
“เจ้า!”
หนานอวี่สิงโมโหขึ้นมา
“รนหาที่ตาย!”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ ด้วยความประหลาดใจ เหมือนว่ายังไม่ได้ตระหนักว่ามันเกิดอันใดขึ้นที่นี่
“ไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้…”
“หนานอวี่สิง”
หรงซิวกล่าวเตือน
การจะพูดคุยกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจ
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอหนึ่งเสียง
“ไม่ทราบว่าคุณชายหนานกำลังพูดถึงเรื่องอันใดหรือ?”
เสแสร้งแกล้งโง่!
หนานอวี่สิงโมโหจนหัวเราะออกมา
“เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าผู้ชายที่อยู่ข้างกายของเจ้าทำอันใดเอาไว้? เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ!”
ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่อยู่ในป่าวิญญาณสีชาด เด็กน้อยคนนั้น ก็เป็นคนที่นางอัญเชิญออกมา!
เมื่อนับดูแล้วทั้งสองคนนี้ล้วนติดค้างเขาอยู่
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองหรงซิว มือข้างหนึ่งก็ลูบคางราวกับกำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่างอยู่
“สามีข้า… หรือว่าเขาจะไม่ได้ช่วยเหลือพวกท่านอยู่หรอกหรือ?”
หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉู่หลิวเยว่จะพูดจาเช่นนี้ออกมาได้
ตอนนี้พวกเขามีสภาพจนตรอกอย่างถึงที่สุด บาดแผลเต็มร่างกาย นางก็ไม่คิดว่านี่เป็นฝีมือของหรงซิวหรอกหรือ?
คาดไม่ถึงว่านางจะกล้าโกหกออกมาหน้าด้านๆ!
“อ่า! ดี! ดีมาก! ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า คงไม่สามารถพูดจาดีๆ …กับพวกเจ้าได้แล้ว!”
ฟางเส้นสุดท้ายที่อยู่ภายในสมองของหนานอวี่สิงขาดผึงในทันที
เขาสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นก็มีอันใดบางอย่างพุ่งตรงไปยังฉู่หลิวเยว่ด้วยความรวดเร็ว!