ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1660 เร็ว
ตอนที่ 1660 เร็ว
……….
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง
ด้านบนท้องฟ้ามีเมฆดำกำลังรวมตัวอย่างรวดเร็ว
เสียงคำรามดังออกมาจากกลุ่มเมฆทึบ กระแสเสียงดังลั่น!
แววตาของฉู่หลิวเยว่เฉียบคมเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ชายคนนั้น แทบจะไม่มีเวลาหยุดพัก ทันทีที่เขาลงมือฟ้าดินก็เปลี่ยนสี พลังปราณดั้งเดิมสั่นสะเทือน!
แสดงให้เห็นว่าฝีมือของเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด!
“สามารถทำให้มันยอมรับเจ้าเป็นนายได้ นั่นหมายความว่าเจ้ามีฝีมืออยู่หลายส่วน แต่ว่า…เจ้าเป็นเพียงแค่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง เมื่อเจ้าต้องเผชิญหน้ากับข้า ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะบอกเจ้านั้นไร้เดียงสาหรือว่าโง่ดี!”
เสียงของชายสวมชุดคลุมสีดำนั้นเต็มไปด้วยความโกรธอย่างน่าตกใจ
กลุ่มหมอกดำรวมตัวที่กลางฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว!
พลังปราณฟ้าดินที่อยู่โดยรอบก็เริ่มปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มหมอกดำก็ควบแน่นกลายเป็นฝ่ามือสีดำ
ฝ่ามือนี้มีขนาดและลักษณะเหมือนกับฝ่ามือของเขาทุกประการ เพียงแต่ว่าเมื่อทั่วทั้งร่างกายถูกกลุ่มหมอกดำควบแน่น พื้นผิวด้านนอกเหมือนจะมีเส้นเลือดสีแดงเข้ม ดูไปแล้วก็น่ากลัวเป็นอย่างมาก
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดเล็กลง!
มือนี้… คาดไม่ถึงว่าเมื่อดูไปแล้วมือนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับมือที่ถูกสะกดอยู่ในเขาหมื่นเมรัยเลย!
เพียงแต่ว่ามือนี้มีขนาดเล็กกว่ามาก อีกทั้งแรงกดดันก็ยังแตกต่างกันด้วย
หรือว่า…
เขาเป็นคนจากสำนักเดียวกัน หรือว่าอาจจะฝึกปรือวิชาเดียวกัน?
การคาดเดามากมายปรากฏขึ้นในสมองของฉู่หลิวเยว่
“ฝ่ามือเพลิงสงัด!”
ชายสวมชุดสีดำคนนั้นตะโกนขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
พร้อมหันฝ่ามือนั้นมาทางฉู่หลิวเยว่
ความเร็วของมันไม่ได้สูง เพียงแต่ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใด รอบข้างกับแหลกละเอียดเป็นผุยผงอย่างไร้เสียง!
ประเด็นที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ขณะที่มันกำลังเข้าใกล้ฉู่หลิวเยว่มากขึ้นเรื่อยๆ คาดไม่ถึงว่ามันจะกลืนกินพลังโดยรอบอย่างต่อเนื่อง
และแรงกดดันก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ!
ในขณะเดียวกันเงาร่างของชายคนนั้นยังคงโบกสะบัดแขนเสื้อ ประกายแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาอย่างท่วมท้น!
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ทันทีว่าร่างกายของนางหนักขึ้น เหมือนกับมีอันใดบางอย่างกดทับ
ทุกการเคลื่อนไหวของนางเหมือนจะช้าลงและยากลำบากมากขึ้น
อาณาเขตเซียนเทพ!
อาณาเขตเซียนเทพของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องแข็งแกร่งมากกว่าระดับเทพขั้นสูงอยู่แล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ทำได้เพียงยืนรออยู่ตรงนั้น จากนั้นนางก็รู้สึกเหมือนว่าร่างกายของตนเองกำลังระเบิด!
นางต้องการจะเหวี่ยงกระบี่ชื่อเซียวออกไป แต่พบว่าเมื่ออยู่ท่ามกลางอาณาเขตเซียนเทพของฝ่ายตรงข้าม แม้กระทั่งการจะยกกระบี่ของตนเองขึ้นก็เป็นเรื่องยาก
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ เป็นของวิเศษที่ไม่เลวเลย แต่น่าเสียดาย ระดับของเจ้ายังห่างไกลจากข้านัก”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังที่แข็งแกร่ง พลังเสริมใดๆ ก็ไร้ความหมาย!
ฉู่หลิวเยว่ถูกขังอยู่ที่เดิม ฝ่ามือสีดำนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
มุมปากของนางกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ทุกส่วนในร่างกายนางเหมือนจะถูกอันใดบางอย่างบดขยี้!
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและซีดขาวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็โงนเงนสั่นไหว เหมือนว่าจะสามารถล้มลงไปได้ทุกเมื่อ
มือสองข้างที่กำกระบี่แน่นก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
ฉู่หนิงที่อยู่ห่างออกไปก็มองกำลังมองสถานการณ์เหล่านี้ หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น
หากไม่ใช่เพราะหรงซิวที่อยู่ด้านข้างช่วยดูแลอยู่ ป่านนี้เกรงว่าเขาคงจะรับไม่ไหวไปนานแล้ว
ทันใดนั้นฉู่หนิงก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วหันไปมองทางหรงซิว
ในช่วงเวลานี้แล้ว หรงซิวเขา…ยังไม่ลงมืออีกหรือ?
หรงซิวยืนมองการต่อสู้อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าจดจ่อ
เพียงแต่ในแววตาไม่มีความกังวลหรือตกใจเลย
เหมือนว่า…เขากำลังรออันใดบางอย่าง
…
ฝ่ามือสีดำนั้นมาถึงตรงหน้านางแล้ว ตอนนั้นมันกำลังจะปะทะเข้ากับร่างกายของฉู่หลิวเยว่!
แต่ในตอนนั้นเอง!
ในที่สุดกระบี่ชื่อเซียวที่อยู่ในมือของนางก็ขยับแล้ว!
พลังดั้งเดิมอันไร้ขอบเขตพุ่งกระจายออกมาจากภายในไข่มุกธารา!
ลมปราณของฉู่หลิวเยว่เพิ่มขึ้นสูงอีกครั้ง!
กระบี่เล่มหนึ่งถูกเหวี่ยงออกมา!
พรึ่บ!
คมกระบี่สว่างราวหิมะและแหลมคมอย่างยิ่งพุ่งเข้าใส่กลางฝ่ามือสีดำนั้นอย่างรุนแรง!
ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน!
อย่างใดก็ตามเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
วินาทีถัดมา ฝ่ามือที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนก็ก่อร่างขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นฝ่ามือสองอันที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ!
แต่ที่น่ากลัวที่สุด พลังและลมปราณเหล่านั้นเหมือนว่าจะไม่ได้ถูกแบ่งส่วนและลดลงเลย!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่จมดิ่ง!
จากนั้นฝ่ามือทั้งสองก็ขนาบข้างฉู่หลิวเยว่ทั้งซ้ายและขวา!
ความรู้สึกที่ถูกพัวพันกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว!
“ฝ่ามือเพลิงสงัดสามารถกลืนกินพลังโจมตีทุกชนิดได้ นอกจากเจ้าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน ถึงจะสามารถทำลายมันได้ ไม่อย่างนั้น… ขอเพียงเจ้าลงมือมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น”
ชายสวมชุดสีดำหัวเราะขึ้นมา
“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะสู้ต่อหรือไม่?”
ยิ่งนางต่อสู้มากเท่าไร ผลลัพธ์ก็จะยิ่งแย่มากเท่านั้น!
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองฝ่ามือทั้งสองตาเขม็ง ภายในใจมีความคิดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
ระดับพลังและฝีมือของเขาห่างไกลกับนางมากจริงๆ
หากระดับเทพขั้นสูงต้องการจะต่อสู้กับระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเหมือนกับตั๊กแตนห้ามรถ[1]
ดูเหมือนว่านางจะต้องหาวิธีอื่นแล้ว…
ฉู่หลิวเยว่คิดหาวิธี จากนั้นนางก็เสียบกระบี่ชื่อเซียวลงกับพื้นอย่างแรง!
ในเมื่อสู้ไม่ได้…
ก็ไม่ต้องสู้
เมื่อเห็นว่านางหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน ทำให้ชายชุดดำต้องชะงักไป
นี่นางจะยอมแพ้หรือ?
เหมือนว่าจะไม่ใช่…
ตู้ม!
ฉู่หลิวเยว่หยิบโล่สีดำออกมาขวางกั้นไว้ด้านหน้า!
โล่สีดำดูเก่าและผุพังเป็นอย่างมาก ไม่สะดุดตาเลยแม้แต่น้อย
แต่อย่างใดก็ตามเมื่อเขาเห็นโล่สีดำอันนั้น มือที่อยู่ในแขนเสื้อก็กำแน่นขึ้นในทันที!
ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้สังเกตถึงความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ หลังจากหยิบโล่มาตั้งไว้ด้านหน้าแล้ว นางก็นั่งขัดสมาธิลงทันที
สายตาจ้องมองไปยังชายที่สวมชุดดำอยู่ตรงข้ามนาง จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง
มือทั้งสองข้างยกขึ้น ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาในทันที!
“ค่ายกล?”
ในที่สุดชายที่สวมชุดดำถึงได้รู้ว่าฉู่หลิวเยว่กำลังคิดจะทำอันใด
ความแข็งแกร่งทางด้านการต่อสู้นางไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ดังนั้นจึงคิดจะใช้ค่ายกลมาแทน?
“หึ”
หลังจากที่รู้แผนการของฉู่หลิวเยว่แล้ว ปฏิกิริยาแรกของชายสวมชุดดำคือหัวเราะออกมา
หรือว่านางคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้?
ปรมาจารย์ด้านค่ายกลสามารถใช้พลังเกินกว่าระดับของตนเองได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็มีข้อจำกัด
ยิ่งไปกว่านั้นหากต้องการจะแสดงพลังระดับดังกล่าว จำเป็นจะต้องสร้างค่ายกลที่มีรูปแบบลึกซึ้ง
แต่ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่จะมีเวลา…
“อันใดกัน?”
ความคิดนั้นเพิ่งปรากฏเข้ามาในสมองของเขา แต่วินาทีถัดมา เขาก็มองเห็นว่าด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่มีค่ายกลปรากฏขึ้น
แม้ว่าค่ายกลนั้นจะมีขนาดเล็ก แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมานั้น กลับไม่อาจดูเบาได้เลย!
หากแสดงออกมาแล้ว มันจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
ชายสวมชุดคลุมสีดำรู้สึกตกใจขึ้นมา
เหตุใดนางถึงสร้างค่ายกลได้เร็วขนาดนี้?
[1]ตั๊กแตนห้ามรถ หมายถึง คนที่ทำอันใดไม่ดูกำลังและความสามารถตัวเอง ทำอันใดเกินตัวจนเดือดร้อนนั่นเอง
……….