ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1661 ก้อนหินของนาง
ตอนที่ 1661 ก้อนหินของนาง
……….
ในตอนที่ฝ่ามือสีดำทั้งสองของเขากำลังเคลื่อนตัวเข้ามา และกำลังจะสัมผัสกับร่างกายของฉู่หลิวเยว่ได้สำเร็จ
อย่างใดก็ตามเมื่อมันอยู่ห่างจากฉู่หลิวเยว่เพียงหนึ่งก้าว พวกมันก็หยุดพร้อมกันโดยกะทันหัน และไม่สามารถสาวเท้าขึ้นมาอีกก้าวได้
เหมือนว่าตรงหน้ามีอันใดบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัว จนทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัว
โล่สีดำที่อยู่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่ก็ลอยอยู่อย่างเงียบเชียบ
หากมองไปเพียงแค่ครู่เดียวก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันใดพิเศษ
แต่ในที่สุดฝ่ามือสีดำทั้งสองข้างนั้นกลับหยุดลง และไม่ได้เดินหน้าต่อ
เหมือนว่าชายสวมชุดคลุมสีดำจะสามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงกัดฟันแล้วพูดว่า
“…คาดไม่ถึงว่าเจ้ายังจะมีไพ่ไม้ตายใบนี้อยู่…”
น้ำเสียงนั้นเย็นชาและดุร้าย
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง และยังคงสร้างค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าต่อไป ราวกับไม่ได้ยินอันใดทั้งสิ้น
หรือบางทีนางอาจจะได้ยิน แต่ก็ไม่ได้สนใจ
ตั้งแต่ผ่านสงครามที่เขาหมื่นเมรัย นางก็ได้รู้ว่า โล่สีดำอันนี้เป็นไพ่ไม้ตายในหมู่ไพ่ไม้ตายของนาง แข็งแกร่งยิ่งกว่ากระบี่ชื่อเซียวเสียอีก!
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวในตอนแรก นางก็อาศัยใช้โล่สีดำอันนี้เอาชีวิตรอดมาได้ ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ในตอนนี้เลย?
ชายสวมชุดคลุมสีดำผู้นั้นแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้แข็งแกร่งจนอยู่ระดับผู้ชนะสิบทิศ!
แม้ว่านางจะสู้ไม่ได้ แต่การเอาชีวิตรอดก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น!
…
ภายใต้การปกปักษ์ของโล่สีดำ ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงไม่มีอันใดน่าหวั่นวิตก และการต่อสู้ก็หยุดลงชั่วคราว
ภาพเหตุการณ์เหมือนหยุดนิ่งไป เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านอย่างเชื่องช้า
ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่มีเพียงค่ายกลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่านั้น อีกทั้งยังดูซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
“ดูสิว่าเจ้าจะหลบซ่อนตัวไปได้ถึงเมื่อใด!”
นางสามารถยื้อเวลาซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโล่สีดำเป็นช่วงเวลาหนึ่ง
แต่นางไม่สามารถซ่อนตัวไปได้ตลอดชีวิต!
ส่วนค่ายกลนี้นั้น…
เขาไม่คิดว่า ฉู่หลิวเยว่จะมีความสามารถด้านนี้!
ทั้งสองฝ่ายกำลังเข้าสู่ทางตัน
ฉู่หนิงกวาดสายตามองผู้คนหลายคน จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น
เขาสามารถมองสถานการณ์ปัจจุบันออก แต่กลับรู้สึกว่ามีหลายจุดที่มันแปลกประหลาดอย่างมาก
เหตุใดชายสวมชุดสีดำคนนั้นถึงต้องการหยวนตันของเยว่เออร์?
เยว่เออร์ต้องการต่อกรกับอีกฝ่ายด้วยค่ายกล แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่?
อีกทั้ง… ตั้งแต่ต้นจนจบชายสวมชุดสีดำคนนั้นก็ไม่ได้มองมาทางนี้เลย
เขาไม่ได้มองมาทางหรงซิว หรงซิวก็ยืนมองอยู่ด้านข้างตลอด ไม่ได้ลงมือ
พวกเขา…นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
ในเมื่อไม่สามารถเข้าใจได้ ฉู่หนิงจึงขอยอมแพ้
สองมือของเขากำหมัดแน่น แล้วภาวนาภายในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เยว่เออร์จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน…
…
หลังจากหนานอวี่สิงและคนอื่นๆ เดินทางห่างออกมาสักระยะหนึ่งแล้ว จนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาในที่สุดพวกเขาก็ชะลอความเร็วลง
พวกเขาทั้งสี่คน หนานอวี่สิงและผู้อาวุโสไป๋ถงได้รับบาดเจ็บสาหัส หนานอีอีบาดเจ็บเล็กน้อย
มีเพียงผู้อาวุโสอูเผิงที่สภาพดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย แต่การสูญเสียอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาที่เขาเป็นคนหลอมด้วยตนเองนั้น ก็ส่งผลกระทบต่อเขาไม่น้อยเช่นกัน
พวกเขาทั้งหลายหาที่นั่งเพื่อหยุดพัก จากนั้นค่อยจัดการบาดแผลของตนเอง
หนานอวี่สิงยังดีหน่อยที่ไม่ได้มีการต่อสู้ซึ่งหน้า เพียงแต่ธาตุไฟเข้าแทรกหัวใจเท่านั้น อาการบาดเจ็บภายในจึงรุนแรงกว่าเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้
สถานการณ์ของผู้อาวุโสไป๋ถงเลวร้ายที่สุด
ขาถูกตัดไปข้างหนึ่ง
ต่อให้เขาจะเป็นเซียนหมอ ในตอนนี้ก็สามารถทำได้เพียงห้ามเลือด และรักษาบาดแผลเท่านั้น
ขาของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้กระทั่งจะเย็บกลับให้เป็นเหมือนเดิมก็ยังไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ
สิ่งนี้กระทบต่อการบำเพ็ญเพียรเป็นอย่างมาก
พวกเขาทั้งหลายล้วนตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศเย็นยะเยือกและกดดัน
หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดหนานอีอีก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“ผู้ชายคนนั้น…เป็นใครกันแน่ สุสานสังหารเทพมีคนแบบนี้อาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อใด?”
ฝีมือแข็งแกร่งจนไม่น่าเชื่อ อีกทั้งเขายังบอกว่าอีกว่าที่นั่นเป็นถิ่นของเขา
ในตอนแรกพวกเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายเพียงพูดไปเท่านั้น แต่หลังจากที่เรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว กลับทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่บุคคลที่มาจากภายนอก… สงครามเมื่อหลายหมื่นปีก่อนทำให้จิตวิญญาณและกายเนื้อของผู้แข็งแกร่งระดับเทพดับสูญไปหมดแล้ว อีกทั้งพลังในที่แห่งนี้ก็ยังบ้าคลั่งมาก เดิมทีคนธรรมดาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้เกินหนึ่งปี ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถทนต่อพลังที่รุนแรงเหล่านี้ได้ จนทำให้ร่างกายระเบิดแล้วตายไป…”
หนานอวี่สิงขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม แล้วพูดพึมพำเสียงต่ำ
ผู้อาวุโสอูเผิงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า
“เขาไม่ใช่บุคคลธรรมดา เขาเป็นเพียงวิญญาณสายหนึ่งเท่านั้น”
“แต่เพราะเช่นนั้น ก็ทำให้ยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นว่าเหตุใดเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนั้น?”
หนานอวี่สิงนวดหัวคิ้ว
ผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปหากไม่มีกายเนื้อ พลังในการต่อสู้ก็จะลดลงไปอย่างมาก
แต่ชายชุดดำคนนั้นกลับเป็นข้อยกเว้น
“แล้วยังมีหรงซิวผู้นั้นอีก ก่อนหน้านี้ถ้าเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเขามาก่อน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เมื่อได้มาเจอกันในวันนี้ถึงได้รู้ว่า ฝีมือและความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับนี้เชียว…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หนานอวี่สิงก็กัดฟันกรอดอย่างอดไม่ได้
เคียดแค้น ริษยา ไม่ยินยอม…
ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมาโดยตลอด แต่วันนี้ไม่อยู่ตรงหน้าชายผู้นั้น กลับถูกกลบจนเสียมืดมนไร้แสง
เขาจะรู้สึกดีได้อย่างใด?
ผู้อาวุโสอูเผิงพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“หรงซิวผู้นี้เก็บงำซ่อนประกาย หลังจากกลับไปแล้ว พวกเราจำเป็นจะต้องตรวจสอบให้ดี แล้วอีกอย่าง…ทางด้านของประมุขนั้น…”
หรงซิวสามารถคาดเดาฐานะของพวกเขาออกได้ในทันที เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้จักเขาค่อนข้างดีเลยทีเดียว
อีกทั้งเขายังเรียกชื่อ หนานอีฝาน ออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย…
นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้อาวุโสอูเผิงรู้สึกเป็นกังวลใจ
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง
ถ้าหรงซิวไม่ใช่พวกหมาเห่าไม่กัด เช่นนั้น…
“ดูนั่นสิ! เหมือนว่าทางนั้นจะมีอันใดผิดปกติ”
หนานอีอีหันไปมองแล้วอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ทุกคนรีบหันกลับไปดูอย่างพร้อมเพรียง
บนท้องฟ้าระยะไกลดำมืดคล้ำตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ
เหมือนว่าที่แห่งนั้นจะมีสายฟ้าประกายแวบวาบ
“นั่นมัน…สู้กันแล้วหรือ?”
ทันใดนั้นหนานอวี่สิงก็ตระหนักอันใดขึ้นมาได้บางอย่าง จากนั้นก็หัวเราะขึ้นเสียงเย็น
“ต่อให้พวกเขาจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชายคนนั้น ครั้งนี้… เกรงว่าพวกเขาจะต้องตายตกอยู่ในน้ำมือของชายคนนั้นแล้ว!”
…
เสียงสายฟ้าพายุดังสนั่น
พลังสวรรค์และโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผมของฉู่หลิวเยว่ปลิวไสว
แรงกดดันรอบกายเข้มข้นมากยิ่งขึ้น…
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
แม้ว่าโล่สีดำจะสามารถช่วยป้องกันการโจมตีได้ส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันพลังได้ทั้งหมด
อาณาเขตเทพเซียนของผู้ชายชุดดำคนนั้นน่ากลัวเกินไปจริงๆ …
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่านางจะไม่มีเวลาสร้างค่ายกลแล้ว
พรึ่บ
ทันใดนั้นเองก็มีก้อนหินก้อนหนึ่งหล่นออกมาจากแหวนเฉียนคุนของนาง
ชายชุดดำที่มองเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านี้ก็ชะงักไปในทันที
เหตุใดถึงมีก้อนหินปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันได้ล่ะ?
พรึ่บ
หลังจากนั้นก้อนหินก้อนที่สองก็ตามออกมา
ต่อมาเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ!