ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1662 นางคงจะต้องทรมานมากเลยสินะ
ตอนที่ 1662 นางคงจะต้องทรมานมากเลยสินะ
……….
หลังจากนั้นไม่นานรอบกายของฉู่หลิวเยว่ก็มีก้อนหินกระจายอยู่ทั่วพื้นดิน
วุ่นวายสับสน ดูแล้วไม่เป็นระเบียบ
ชายสวมชุดสีดำกลับมีท่าทีสับสนมากยิ่งขึ้น
เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงมีก้อนหินปรากฏขึ้นมากมายขนาดนี้?
หรือว่าการสร้างค่ายกลของซั่งกวนเยว่ต้องยืมพลังจากก้อนหินเหล่านี้?
ก้อนหินที่ดูอัปลักษณ์และไม่น่ามีอันใดพิเศษเหล่านี้ จะมีดีที่ตรงไหนกัน?
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมันกลับดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก…
พรึ่บ…
คลื่นเสียงอันแผ่วเบาดังขึ้นอย่างกะทันหัน
กระแสเสียงนั้นต่ำมาก ถ้าหากไม่ได้ฟังดีๆ ก็ไม่สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
เพียงแต่สภาพแวดล้อมในตอนนี้เงียบเป็นอย่างยิ่ง และด้วยชายชุดดำที่มุ่งความสนใจไปยังฉู่หลิวเยว่อยู่ตลอด ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดเขาจึงสามารถจับสังเกตกระแสเสียงนี้ได้
ตอนที่เขากำลังรู้สึกสงสัยลำแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากก้อนหินอย่างกะทันหัน แรงกดดันอันมหาศาลแทบจะทำให้หายใจไม่ออก แต่ทันใดนั้นลำแสงสีน้ำเงินฉีกแรงกดดันอันมหาศาลเป็นรูเล็กๆ
ในที่สุดชายที่สวมชุดดำก็ตระหนักอันใดได้บางอย่าง
“นั่นมัน… อาณาเขตเทพเซียน?”
ภายในกระแสเสียงของเขายังมีความไม่อยากจะเชื่อแฝงอยู่
ไม่ใช่เพียงแค่เพราะว่าภายในก้อนหินนั้นมีอาณาเขตเทพเซียนไหลออกมา แต่เพราะว่า… ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเหตุใดถึงรู้สึกคุ้นตาก้อนหินเหล่านี้!
… นั่นไม่ใช่ก้อนหินที่แตกมาจากป้ายหลุมศพของผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงหรือ?
แล้วเหตุใดของสิ่งนี้ถึงมาอยู่รอบกายของฉู่หลิวเยว่ได้?
ชายสวมชุดดำรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี เหมือนว่าตนเองได้มองข้ามเรื่องสำคัญอันใดไป
ขณะที่เขากำลังลังเลและตกใจ อาณาเขตเทพเซียนที่ไหลออกมาจากก้อนหินเหล่านั้นก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าอาณาเขตเทพเซียนจะกระจัดกระจาย ทว่าทุกอันนั้นมีขนาดเล็กมาก พลังก็อ่อนแอ
แต่เพียงเล็กน้อยก็สะสมจนมีขนาดใหญ่
รอบกายของฉู่หลิวเยว่อย่างน้อยมีก้อนหินกระจัดกระจายอยู่ร้อยกว่าก้อน
เมื่อรวมกันแล้วอย่างน้อยก็มีอาณาเขตเทพเซียนร้อยกว่าแห่ง!
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดเลยก็คือ ดูเหมือนว่าอาณาเขตเทพเซียนเหล่านี้จะทำความเข้าใจกันโดยปริยาย
พวกมันมีฉู่หลิวเยว่เป็นศูนย์กลาง โดยพวกมันล้อมรอบตัวนางเป็นระลอกคลื่นอันไร้เสียง จากนั้นแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็ถูกฉีกเป็นรูเล็กรูน้อย
ฉู่หลิวเยว่ได้รับการคุ้มครองจากอาณาเขตเทพเซียนเหล่านี้อย่างเงียบเชียบ
แรงกดดันรอบกายก็ค่อยๆ ลดน้อยถอยลงไป ทำให้ฉู่หลิวเยว่ต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ
หลังจากเห็นก้อนหินและอาณาเขตเทพเซียนเหล่านั้น นางก็รู้สึกตกใจมากเช่นกัน
เพราะว่าเมื่อครู่นี้นางกำลังคิดค้นหาวิธีสร้างค่ายกลให้สำเร็จในเวลาอันสั้นที่สุด เพื่อต่อต้านการโจมตีของชายชุดดำผู้นั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าก้อนหินเหล่านี้จะกระโดดออกมาจากแหวนเฉียนคุนด้วยตนเอง
อีกทั้ง… ยังออกมาปกป้องนางอย่างแข็งขัน?
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ ภายในใจของนางรู้สึกสับสนขึ้นมาครู่หนึ่ง
ตัวนางเอกยังไม่มีเวลาอัญเชิญอาณาเขตเทพเซียนของตนเองออกมาได้ แต่…
จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางชายสวมชุดสีดำอีกครั้ง
แม้ว่านางจะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่นางสามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณบนร่างกายของอีกฝ่ายนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งดูดุร้ายและอันตรายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เมื่อคิดถึงตรงนี้ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ก็ยกยิ้มขึ้น
ความช่วยเหลือครั้งใหญ่นี้ ทำให้นางมีโอกาสชนะมากขึ้น
“คาดไม่ถึงว่า… นี่คือสิ่งที่เจ้ามีทั้งหมดแล้วหรือ?”
ชายสวมชุดดำยกมือขึ้นแล้วชี้ไปทางฉู่หลิวเยว่
“ซั่งกวนเยว่ บังอาจยิ่งนัก!”
น้ำเสียงของเขาแหลมขึ้นเล็กน้อย เพราะความตื่นตระหนก แต่เขาก็สามารถระงับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว เหมือนรู้สึกกังวลอันใดบางอย่าง
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วเล็กน้อย
“ขอบคุณที่ชม เจ้าก็รู้จักข้ามานานแล้ว หรือว่าเจ้าเพิ่งรู้หรือว่าข้าเป็นคนอย่างใด?”
ความจริงแล้วก้อนหินเหล่านี้นางไม่ได้เป็นคนเริ่มเก็บมา แต่เป็นเพราะพวกมันยืนกรานจะติดตามนาง นางเองก็ไม่มีทางเลือก จากนั้นจึงเก็บพวกมันเอาไว้ในแหวนเฉียนคุน
เดิมทีนางเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไร แต่ว่าตอนนี้…
เหมือนว่าก้อนหินเหล่านี้จะมีประโยชน์มากเลยทีเดียว?
ชายสวมชุดดำรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก นิ้วที่ชี้มายังฉู่หลิวเยว่ก็ยังสั่นระริก
“เจ้า!”
แต่หลังจากอดทนมาเป็นเวลานาน เขาก็คิดไม่ออกว่าควรจะเถียงอย่างใด
เขารู้ว่าก้อนหินเหล่านี้คืออันใด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดเขาถึงตกใจมากขนาดนี้?
ก่อนหน้านี้พวกมันอยู่ในสถานที่ของตัวเองดีๆ ไม่ใช่หรือ?
หลายหมื่นปีที่ผ่านมาก็ยังเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะผ่านลมฝน หรือฟ้าดินจะเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไร และไม่แยแสสิ่งใด รักษาสถานภาพนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
แต่เหตุใดเมื่อเจอกับซั่งกวนเยว่ พวกมันถึงเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้?
เขาคิดไม่ออก ในขณะเดียวกันภายในใจก็เกิดความกังวลขึ้นมา
การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีการช่วยเหลือของพวกมัน หากต้องการจะสังหารซั่งกวนเยว่ก็เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!
ในตอนแรกเขาเริ่มเพิ่มแรงกดดันของอาณาเขตเทพเซียน และพยายามโจมตีซั่งกวนเยว่อีกครั้ง
แต่อย่างใดก็ตามเมื่อมีอาณาเขตเทพเซียนร้อยแห่งเชื่อมโยงกันก็กลายเป็นเครือข่ายที่ทรงพลังและสามารถปกป้องฉู่หลิวเยว่ได้อย่างแน่นหนา!
หากเขายังต้องการโจมตีฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าจะต้องคิดหาวิธีอื่นแล้ว…
เมื่อมองไปยังอาณาเขตเทพเซียนจำนวนร้อยกว่าแห่งที่ลอยอยู่ ก็ทำให้ชายชุดดำต้องตกอยู่ในความคิดเป็นระยะเวลานาน
…
“นั่นมัน… อาณาเขตเทพเซียนหรือ?”
ฉู่หนิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และถามขึ้นเสียงต่ำ
หรงซิวพยักหน้าเบาๆ
“นี่เป็นสิ่งที่พวกเราพบอย่างบังเอิญเมื่อวานนี้ เหมือนว่าพวกมันมีโชคชะตากับเยว่เออร์ และเยว่เออร์ก็ไม่สามารถต้านทานได้ ดังนั้นจึงต้องพาพวกมันมาด้วย คิดไม่ถึงว่ามันจะมีประโยชน์ขึ้นมาในช่วงวิกฤต”
ฉู่หนิงไม่ได้พูดอันใด
หรงซิวเหลือบสายตาไปมองเล็กน้อย และเห็นว่าเขายังคงจ้องอาณาเขตเทพเซียนเหล่านั้นตาเขม็ง พร้อมขมวดคิ้วแน่น เขาน่าจะกำลังเป็นห่วงฉู่หลิวเยว่อยู่ ดังนั้นจึงพูดขึ้นมาอีกว่า
“ท่านวางใจเถอะ แม้ว่าอาณาเขตเทพเซียนเหล่านั้นจะไม่ได้แข็งแกร่ง แต่เมื่อรวมตัวกันแล้ว กลับสามารถแสดงพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเยว่เออร์ก็มีอาณาเขตเทพเซียนของตนเอง ดังนั้น…”
“นางเองก็มี…อาณาเขตเทพเซียน…หรือ?”
“ใช่แล้วขอรับ ก่อนหน้านี้เยว่เออร์ได้ทะลวงด่านเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง”
ด้วยสถานการณ์พิเศษเช่นตอนนี้ หรงซิวไม่มีเวลาอธิบายให้ละเอียด อีกทั้งอาณาเขตเทพเซียนของนางไม่ใช่ว่าเพิ่งมีในตอนนี้ แต่นางมีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
ภายในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาณาเขตเทพเซียนของนางก็ถูกสะกดไว้ในเขาเฝิงหมิน
“…ที่แท้ก็เป็นอาณาเขตเทพเซียน…”
แม้ว่าฉู่หนิงจะสามารถเข้าใจอันใดได้บางอย่าง แต่ใบหน้ายังดูสับสนเล็กน้อย
เขาหลุบตาลงต่ำแล้วมองมือทั้งสองข้างของตนเอง
คราบเลือดเปรอะเปื้อน บาดแผลมากมาย
แต่ในสายตาของเขาแล้ว เหมือนเขากำลังมองสิ่งของอย่างอื่นโดยมองทะลุมือทั้งสองข้าง
เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไปครู่หนึ่ง หรงซิวก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“ใต้เท้าฉู่หนิง เป็นอันใดไปหรือ?”
ฉู่หนิงถอนสายตากลับมา แล้วส่ายหน้า
“ไม่มีอันใด… เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าหลังจากแยกกับเยว่เออร์ในครั้งนี้ เยว่เออร์ได้เปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว…”
ตอนที่แยกจากกันครั้งที่แล้ว นางเพิ่งจะอยู่ในระดับใดกันนะ?
แต่ว่าตอนนี้คาดไม่ถึงว่านางจะก้าวหน้าจนอยู่ในระดับนี้แล้ว
หรงซิวกำลังจะพูดขึ้น แต่ก็ได้ยินเสียงของฉู่หนิงที่ต่ำลงหลายส่วนอย่างกะทันกัน
“นางคงจะทรมานมากสินะ?”
เขาถามขึ้นอย่างระมัดระวัง แต่กลับไม่สามารถปกปิดความโศกเศร้าและเสียใจได้
คำพูดของหรงซิวติดค้างอยู่ในลำคอ
เขามองไปทางฉู่หนิง แววตาดำมืดลงเล็กน้อย
ทุกคนมองแต่ด้านที่สว่างเจิดจ้าของนาง
มีเพียงคนที่รักนางจริงเท่านั้น ถึงจะมองเห็นว่านางลำบากและพยายามมากเพียงใด
หลังจากผ่านไปสักพัก หรงซิวก็ค่อยๆ กำหมัดแน่นแล้วพูดขึ้นว่า
“ท่านวางใจเถอะ มีข้าอยู่ ข้าจะปกป้องนางและทำให้นางมีความสุข”