ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1670 สงครามแห่งความเป็นความตาย!
ตอนที่ 1670 สงครามแห่งความเป็นความตาย!
……….
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลำแสงบนค่ายกลกระสวยสวรรค์เล็กส่องสว่างขึ้น!
พลังของทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด!
หลังจากนั้นไม่นาน แท่งน้ำแข็งเหล่านั้นก็ถูกลำแสงสีเงินกลืนกิน!
ตามมาด้วยเสียงแตกละเอียดดังขึ้นชัดเจน!
คาดไม่ถึงว่าแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นจะถูกค่ายกลกระสวยสวรรค์เล็กทำลายจนเป็นเสี่ยงๆ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว!
ร่างกายของชายสวมชุดดำโงนเงนจนเกือบจะล้มลงไปที่พื้น
หลังจากการโจมตีในครั้งนี้ แสงสีเลือดที่กระจายทั่วท้องฟ้าก็แทบจะกระจายหายไปจนหมด
เหลือเพียงลำแสงสีเลือดที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าหนึ่งสายเท่านั้น และในตอนนี้มันกำลังสั่นคลอนเหมือนกับจะพังทลาย
ค่ายกลกระสวยสวรรค์เล็กยังคงขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ!
ในที่สุดขอบของค่ายกลก็ชนเข้ากับลำแสงนั้นอย่างแรง!
พลังที่แข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายกำลังดูดกลืนกันและกันอย่างไร้เสียง มีเพียงพื้นที่รอบข้างที่พังทลายลงอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าสงครามในครั้งนี้ดุเดือดมากเพียงใด!
หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ กำลังเดินทางมุ่งไปด้านหน้า
บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าหนทางด้านหน้านั้นอันตรายมากเพียงใด บรรยากาศจึงตึงเครียดเป็นพิเศษ
ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสอูเผิงก็ชะงักฝีเท้า
“ช้าก่อน!”
คนที่ติดตามมาด้านหลังเห็นดังนั้น ก็หยุดฝีเท้าตามไปด้วย
ผู้อาวุโสไป๋ถงเห็นว่าสีหน้าของเขาผิดปกติไป ดังนั้นจึงมองตามสายตาของเขา
“มีอันใดเหรือ?”
เหมือนกับว่า…มีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง?
ผู้อาวุโสอูเผิงกล่าวขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“พวกเจ้าดูบนท้องฟ้านั่นสิ เมื่อครู่นี้ยังปกคลุมด้วยสีเลือดอยู่เลย แต่ในเวลานี้ก็กลับจางหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว”
มีเพียงชั้นเมฆดำที่ซ้อนทับกันอยู่เท่านั้น ซึ่งดำมืดจนน่ากลัว
หลังจากได้รับคำเตือนของเขา พวกเขาทั้งหลายก็เข้าใจได้ในทันที
“นี่…นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”
หนานอวี่สิงขมวดคิ้วขึ้น
ผู้อาวุโสอูเผิงชะงักไปเล็กน้อย ภายในน้ำเสียงมีความทุ้มต่ำและเย็นชาขึ้นหลายส่วน
“หากข้าเดาไม่ผิดแล้วละก็ นภาสีเลือดจะต้องเป็นฝีมือของชายสวมชุดสีดำผู้นั้นแน่นอน แต่คาดไม่ถึงว่าในตอนนี้มันจะจางหายไปแล้ว…น่าแปลกจริงๆ …”
“หมายความว่าการต่อสู้จบลงแล้วหรือ?”
หนานอวี่สิงถามกลับ
นี่มีอะไรให้น่ากังวลใจกัน?
ในเมื่อพวกเขาเดินทางมาทางนี้ หรือว่าตัดสินใจมาเผชิญหน้ากับอันตรายแล้วไม่ใช่หรือ?
แต่ในตอนนี้กลับรู้สึกลังเลขึ้นมา มันไม่สายเกินไปหน่อยหรือ?
ทันใดนั้นเหมือนผู้อาวุโสไป๋ถงนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง สีหน้าจึงแข็งค้างไป
“เจ้าหมายความว่า…พวกของหรงซิวสามารถโต้ตอบได้สำเร็จ จนทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้หรือ?”
ผู้อาวุโสอูเผิงส่ายหน้า
“ข้าเองก็ไม่กล้ามั่นใจ”
ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เขายังไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตาตนเอง
“นี่มันจะเป็นไปได้อย่างใด?”
ฝีมือของชายสวมชุดสีดำคนนั้น พวกเขาก็ได้เปิดหูเปิดตามาแล้ว
ต่อให้หรงซิวและซั่งกวนเยว่ร่วมมือกันก็ไม่มีทางเอาชนะได้!
“ผู้อาวุโสอูเผิง ข้าว่าท่านคิดมากเกินไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์จะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเช่นนั้นเชียวหรือ?”
ผู้อาวุโสอูเผิงขมวดคิ้วขึ้นเป็นปมแล้วพยักหน้า
“ข้าอาจจะคิดมากเกินไปจริงๆ…พวกเราเดินทางต่อกันเถอะ! แต่ว่ายิ่งเข้าใกล้มากเท่าใด ก็จะยิ่งอันตรายมากเท่านั้น พวกเราจำเป็นจะต้องระมัดระวังอย่างมาก”
เมื่อพูดจบ พวกเขาทั้งหลายก็รีบเดินหน้าต่อไป
การต่อสู้ระหว่างลำแสงสีเลือดและค่ายกลกระสวยสวรรค์เล็กยังคงดำเนินต่อไป!
รอบข้างตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศเหมือนถูกแช่แข็ง
สายตาของทุกผู้คนล้วนจับจ้องไปยังจุดศูนย์กลางแห่งนั้น
พวกเขาล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี ทั้งสองฝ่ายโจมตีด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
จะแพ้หรือชนะ ก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้แล้ว!
ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงแตกร้าวดังขึ้นอย่างชัดเจน
ในตอนนั้นค่ายกลกระสวยสวรรค์เล็กมีรูแตกออกหนึ่งรู!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ดำดิ่งลงเล็กน้อย
นี่เหมือนกับรอยร้าวรอยหนึ่งที่เกิดขึ้นบนสันเขื่อน
แม้ว่าจะเป็นรอยเล็ก แต่ก็ไม่สามารถละเลยได้
เขื่อนยาวพันลี้ยังถูกทำลายโดยรังมด!
พลังรอบข้างยังคงพวยพุ่งอย่างต่อเนื่อง และโจมตีไปที่รูนั้นเพียงที่เดียว!
รูนั้นค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น!
พลังของค่ายกลกระสวยสวรรค์เล็กลดลงอย่างรวดเร็ว!
ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลม ก็จะเห็นว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ลำแสงสีเลือดเป็นฝ่ายได้เปรียบ!
ในสุดท้ายตอนนี้หัวใจของชายสวมชุดคลุมสีดำก็กลับมาสงบอีกครั้ง
เขากำหมัดกรอด แล้วหัวเราะเสียงเย็นขึ้น
“ซั่งกวนเยว่ เจ้านั้นแข็งแกร่งจริง หากให้เวลาเจ้าอีกหลายปี เกรงว่าเจ้าจะสามารถสู้กับข้าได้อย่างสูสี! น่าเสียดาย…เจ้าในตอนนี้ ยังห่างอีกไกล!”
การต่อสู้ครั้งนี้เขาต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน!
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น รอยร้าวบนค่ายกลกระสวยสวรรค์เล็กก็กว้างขึ้น อีกทั้งความเร็วในการโคจรก็ค่อยๆ ลดลงไปด้วย
จนสุดท้ายมันแทบจะหยุดนิ่งโดยสิ้นเชิง
ลำแสงสีเลือดยังคงกัดกร่อนค่ายกลขนาดใหญ่สีเงินอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มหมอกสีดำแผ่ขยายออกมา ตามมาด้วยกลิ่นคาวเหม็นเน่ากระจายไปทั่วบริเวณ ทำให้ผู้คนรู้สึกขยะแขยง
แม้ว่าพลังส่วนใหญ่ของลำแสงสีเลือดนี้จะลดน้อยลงไป แต่หากพูดกันตามตรงแล้ว มันก็ยังมีความได้เปรียบอยู่
“อาเยว่!”
เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น ฉู่หนิงก็เดินหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้ ความกังวลก็เพิ่มมากขึ้น
ถ้าไม่มีม่านพลังของหรงซิว เกรงว่าเขาจะต้องพุ่งตัวขึ้นไปด้านบนอย่างอดไม่ได้แน่นอน
ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตเลยว่า คราบเลือดบนฝ่ามือของเขาจางหายไปอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งลมปราณอันอ่อนโยนก็พวยพุ่งขึ้นจากตันเถียนอย่างกะทันหัน จากนั้นก็กระจายไปสู่แขนขาทั้งสี่ด้วยความเร็ว
จนกระทั่งความอุ่นร้อนแล่นเข้าสู่กลางฝ่ามือ ในที่สุดเขาก็สามารถสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติไป จึงรีบก้มลงมองทันที
เมื่อเห็นดังนั้น รูม่านตาของเขาก็หดเล็กลง
เพราะว่าในตอนนี้บาดแผลมากมายบนฝ่ามือของเขานั้น ได้สมานตัวและเกือบจะหายดีแล้ว!
นี่มัน…
ฉู่หนิงขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม แต่ในส่วนลึกของแววตาเขาไม่มีประกายความตกใจเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
เพียงแต่ช่วงเวลาส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้เขากำลังอยู่ในระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น กอปรกับภายในใจคิดถึงแต่เรื่องเยว่เอ๋อร์ เขาจึงไม่ได้เก็บเรื่องเหล่านี้มาใส่ใจ
แต่ใครจะรู้เล่าว่า ในตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง…
ทันใดนั้นเองเสียงกึกก้องก็ดังขึ้นจากด้านหน้า!
ฉู่หนิงรีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที!
ค่ายกลขนาดใหญ่สีเงินแตกสลายเป็นเสี่ยงแล้ว!
พลังที่บ้าคลั่งจำนวนนับไม่ถ้วนแพร่กระจายออกไปรอบข้าง!
ในตอนนั้นเองลำแสงสีเลือดก็หล่นลงมาจากท้องฟ้า!
เหมือนกับกระบี่โลหิตเล่มหนึ่งที่ฟันไปทางฉู่หลิวเยว่!
ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นไปมอง!
……….