ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1672 ความจริง
ตอนที่ 1672 ความจริง
……….
ในเดียวกันนั้นเองหมวกที่อยู่บนศีรษะของเขาก็ถูกฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง!
ตอนที่เขากำลังล้มลงพื้น เขาก็รีบเอาแขนเสื้อมาปิดบังใบหน้าตนเองในทันที!
แต่สายตาของคนที่อยู่บริเวณนี้กลับเฉียบแหลมเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะปิดบังมันเอาไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง
มันคือใบหน้าของชายหนุ่มอายุราวสามสิบกว่าปี
หน้าตาธรรมดา องคาพยพทั้งห้าล้วนไม่โดดเด่น เมื่ออยู่ในกลุ่มคนแล้วก็ไม่ได้ดูสะดุดตา
แต่ว่า…
ดวงตาของเขาทั้งสองข้างกลับดำขลับ
เมื่อมองเพียงแค่ครู่เดียว ก็เห็นว่ามันเป็นหลุมดำว่างเปล่า ดูแล้วอันตรายเป็นอย่างมาก
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้รับการโจมตีอย่างต่อเนื่องและรุนแรง ร่างกายของเขาซึ่งดูเหมือนภาพมายามากยิ่งขึ้น ลมปราณก็อ่อนแรงลง
กระบองจรัสฟ้าก็หักเป็นสองท่อน ครึ่งหนึ่งหล่นอยู่บนพื้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งยังอยู่ในมือของเขา
รอยตัดเรียบเนียน คมกริบ
เห็นได้ชัดว่าเพลงกระบี่เมื่อครู่นี้ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เพราะฝีมือของฉู่หลิวเยว่แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย เพียงแต่จิตวิญญาณในการต่อสู้ของอาณาเขตเทพเซียนภายในก้อนหินเหล่านั้น แข็งแกร่งมากเกินไปจริงๆ!
การฟันแค่ครั้งเดียว ก็สามารถสังหารเขาได้แล้ว!
ฉู่หลิวเยว่เดินสาวเท้าไปด้านหน้า
ชายสวมชุดสีดำตัวสั่นสะท้านไปในทันที เขาอยากจะสาวเท้าไปด้านหลัง แต่กลับพบว่าร่างกายของตนเองเหมือนถูกตะปูตรึงเอาไว้อยู่ที่เดิม ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้!
เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และหันมองรอบข้างอย่างตื่นตระหนก
บนดินแดนรกร้างอันไร้ที่สิ้นสุด ทุกอย่างว่างเปล่า มีเพียงความเงียบสงัด
และมีเพียงแค่เศษป้ายหลุมศพที่แตกหัก ที่ตั้งตระหง่าน ไม่เคลื่อนไหว
ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
เช่นเดียวกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้ สุสานกลุ่มแห่งนี้ คาดไม่ถึงว่ามันจะตัดความสัมพันธ์กับเขาไป และทิ้งเขาลงอย่างสิ้นเชิง!
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้!
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…
เขาคิดไม่ออก ช่วงเวลาก่อนหน้านี้พวกเขายังดีๆ อยู่เลย
เขาสามารถยืมพลังจากที่แห่งนี้และใช้มันเพื่อตนเองได้
ดังนั้นเขาจึงกล้าพูดว่า ที่แห่งนี้คือถิ่นของเขา
แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง!
รองเท้าคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของเขา
ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ทันใดนั้นเขาก็หยุดการกระทำทุกอย่าง
เหมือนอากาศถูกแช่แข็งไป
ลำแสงของกระบี่สว่างวาบแหวกความว่างเปล่า ก่อนจะแทงลงมาโดยตรง!
ฟิ้ว!
ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่ระหว่างคิ้วของเขา!
ระยะห่างนั้นห่างกันเพียงหนึ่งนิ้วเท่านั้น!
ขอเพียงแค่ฉู่หลิวเยว่ยินยอม นางก็สามารถเอาชีวิตเขาได้โดยตรง!
แต่นางก็ไม่ได้ลงมือทันที
ถ้าฆ่าเลยทันที ก็จะน่าเสียดาย
“เจ้ากำลังมองหาอันใด?”
ฉู่หลิวเยว่เอียงคอแล้วถามขึ้นเสียงเรียบ
นางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในตอนที่เริ่มต้นผู้ชายคนนี้ก็มองซ้ายแลขวาอยู่ตลอด เหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนกับ…กำลังรอคอยอะไร
ชายสวมชุดสีดำมองกระบองจรัสฟ้าที่หักคามือของตนเอง ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา และโยนส่วนที่เหลือทิ้งออกไป
“…เจ้าไม่รู้หรือว่าข้ากำลังหาอันใดอยู่?”
ภายในน้ำเสียงนั้นไม่มีความประชดประชัน
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตามองเล็กน้อย
แต่นางยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป ผู้ชายคนนั้นก็หลับตาลง
“ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ในเมื่อวันนี้ข้าแพ้ให้เจ้า ถ้าเช่นนั้น…เจ้าจะฆ่าจะแกงก็เชิญทำตามใจเจ้าได้เลย!”
เขาไม่เคยคิดที่จะร้องขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิต
เพราะว่าในตอนนี้เขารู้ดียิ่งกว่าใคร การมีชีวิตอยู่จะเจ็บปวดทรมานมากกว่าตาย
พูดได้เพียงแค่ว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาประเมินซั่งกวนเยว่ต่ำเกินไป
เมื่อเห็นว่าเขาขอความตาย ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก ริมฝีปากซีดขาวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา พร้อมพูดด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“หลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้าลงมือโจมตีข้าหลายต่อหลายครั้ง ในตอนนี้เจ้ามาขอความตาย มันจะมีเรื่องดีๆ เช่นนั้นที่ไหนกัน”
หัวใจของชายสวมชุดสีดำจมดิ่ง เขาเบิกตากว้างขึ้นมาในทันที!
“เจ้าคิดจะทำอันใด!”
เขารู้จักนางค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่จิตใจดี หากเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของนาง นางจะต้องมีวิธีการที่ทำให้เขาอยู่ไม่สู้ตายอย่างแน่นอน!
ฉู่หลิวเยว่เชิดปลายคางขึ้น
“ข้าไม่ทำอันใดหรอก แต่ข้าเป็นคนที่ตอบแทนมารยาทด้วยมารยาท ก่อนหน้านี้เจ้าเคยส่ง ‘ของขวัญ’ เหล่านั้นมาให้แก่ข้า ดูเหมือนว่ามันต้องใช้ความพยายามมากเลยทีเดียว ดังนั้นข้าจึงอยากจะส่งของขวัญมอบคืนให้”
“ข้าจะถามคำถามกับเจ้าสองสามข้อ หากคำตอบของเจ้าสามารถทำให้ข้าพอใจได้ ในตอนจบข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข เป็นอย่างไรเล่า?”
ชายสวมชุดคลุมสีดำสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เปลวเพลิงที่อยู่ภายในใจก็ยังคงโหมกระหน่ำ
เขาหัวเราะขึ้นเสียงเย็น
“หากเจ้าถามเสร็จแล้ว แล้วยังรู้สึกไม่พอใจล่ะ มันจะเป็นไร?”
ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่ขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นก็ต้องโทษที่เจ้าโชคร้ายแล้ว”
ไร้ยางอาย!
ชายสวมชุดสีดำคาดเดาเอาไว้ตั้งนานแล้วว่านางจะต้องทำเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ตอบตกลงนางตั้งแต่แรก
เขาหลับตาลงอีกครั้ง เหมือนตั้งใจว่าจะไม่ตอบคำถามใดๆ กับนางทั้งสิ้น
ฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่ได้สนใจ นางเก็บโล่สีดำลง แล้วหยิบป้ายไม้สีดำออกมา
นางลองโยนออกมาชั่งน้ำหนักในมือ แล้วถามด้วยความสนใจว่า
“สำหรับถ้ำปีศาจทมิฬแล้วของสิ่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ว่าเจ้าออกจากพรรคมาแล้ว สำหรับเจ้าแล้วของสิ่งนี้คงจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วสินะ?”
ชายสวมชุดดำคนนั้นปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ท่าทีก็แข็งกร้าว
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขา พร้อมยื่นป้ายไม้สีดำให้กับถวนจื่อ
“ถวนจื่อ เจ้าทำลายสิ่งนี้ซะมันขวางหูขวางตาข้า”
“ได้เลย!”
ถวนจื่อตอบรับทันที จากนั้นก็รับป้ายไม้แผ่นนั้นไป
มืออีกข้างหนึ่งของนางไม่ได้รับบาดเจ็บ ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ป้ายไม้แผ่นนั้นกลายเป็นผุยผงในทันที!
ชายที่สวมชุดคลุมสีดำไม่แม้แต่จะขยับเปลือกตา
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าขึ้นลง
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับถ้ำปีศาจทมิฬจริงๆ อีกทั้ง…ข้าก็ค้นพบวิธีที่เจ้าเก็บจิตวิญญาณแล้ว หากข้าเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ น่าจะเป็นเสื้อคลุมตัวนี้สินะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้นชายที่สวมชุดคลุมสีดำก็เบิกตาโพล่งขึ้นมาทันที!
“เจ้า!”
ในตอนนี้เขาก็เห็นว่า สีหน้าของฉู่หลิวเยว่นั้นเหมือนกับยืนยันอะไรบางอย่างได้แล้ว เขาจึงดึงสติกลับมา แล้วกัดฟันกรอด
“เจ้าโกหกข้า?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตาหยี
“ข้าเพียงลองคาดเดาดูเท่านั้น ใครจะรู้เล่าว่าเจ้าจะยอมรับเร็วขนาดนี้?”
ไม่มีกายเนื้อ วิญญาณนี้จึงจำเป็นจะต้องหาอะไรมาสิงสถิตถึงจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างราบรื่นและยาวนาน
เช่นเดียวกับองค์ปฐมกษัตริย์ในตอนนั้น จิตวิญญาณหลายสายถูกแยกออกจากกัน พวกมันถูกบรรจุเอาไว้ในจี้หยกและกระบี่หลงหยวน
แต่ผู้ชายคนนี้ กลับกล้าเอาป้ายไม้สีดำมาเป็นเหยื่อล่อ นั่นก็หมายความว่าป้ายไม้นั้นไม่ได้มีความสำคัญต่อเขาเลย
คนของถ้ำปีศาจทมิฬ ยิ่งระดับสูงมากเท่าไร ก็จะมีความผูกพันกับป้ายไม้นั้นมากเท่านั้น
และดูจากฝีมือของชายคนนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบหนีจากพันธนาการนี้อย่างง่ายดาย
เขาน่าจะใช้กลวิธีบางอย่าง…
ไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่มีทางมั่นใจได้ขนาดนี้แน่นอน
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตาสำรวจตัวเขาอยู่ครู่หนึ่ง
ชายสวมชุดสีดำหลบสายตาของนาง
หลังจากนั้นไม่ว่าฉู่หลิวเยว่จะพูดอะไร เขาก็ปฏิเสธที่เปิดปาก
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
แต่ในตอนนั้นเองหรงซิวก็พูดขึ้นมาว่า
“เรื่องที่เจ้าหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ มั่วสือเชียนคงยังไม่รู้สินะ?”
……….