ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1673 การไต่สวนของหรงซิว!
ตอนที่ 1673 การไต่สวนของหรงซิว!
……….
ในที่สุดคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้ชายคนนี้มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาแล้ว!
เขาหันมองทางหรงซิวด้วยสายตาประหลาดใจและไม่มั่นใจ
“เจ้ารู้อันใดมา?”
ในน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวหลายส่วน
เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวคนที่ชื่อ “มั่วสือเชียน” ที่หลุดออกมาจากปากของหรงซิวเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับของเขาเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่จึงถามอย่างสงสัยว่า
“มั่วสือเชียน…เหตุใดชื่อนี้ถึงฟังแล้วดูคุ้นหูล่ะ?”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น
“หัวหน้าของถ้ำปีศาจทมิฬ ในขณะเดียวกันก็เป็นอดีตนายท่านของเขา”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจขึ้นมาในทันที!
มิน่าล่ะ!
นางเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนหน้านี้จริงๆ!
เพียงแต่เมื่อเวลาหลายปีผ่านไป นางสูญเสียความทรงจำไปเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงคิดไม่ออกในทันที
เมื่อหรงซิวพูดขึ้นเช่นนั้น นางถึงนึกขึ้นมาได้
สีหน้าของชายสวมชุดคลุมสีดำย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
เขาจ้องไปที่หรงซิวตาเขม็ง เพราะกลัวว่าเขาจะพูดเรื่องราวที่น่าตกใจขึ้นมาอีกครั้ง
แต่หลังจากที่หรงซิวถามคำถามนี้จบ เขาก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายอีก แต่เขากลับเดินเข้าไปหาฉู่หลิวเยว่แล้วกุมมือของนางไว้
พลังอันอบอุ่นสายหนึ่งถ่ายเทเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างรวดเร็ว เขาค่อยๆ จัดการพลังปราณดั้งเดิมที่บ้าคลั่งรอบกายของนาง ในขณะเดียวกันก็รักษาบาดแผลให้อย่างอ่อนโยน
“มีข้าอยู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องฝืนเช่นนี้”
น้ำเสียงของหรงซิวทุ้มต่ำและอ่อนโยน
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ก่อนหน้านี้นางฝืนกำลังไปมากจริงๆ
หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดจบลง พละกำลังของนางก็หมดลง ต่อให้มีพลังภายนอกเป็นตัวช่วย แต่ร่างกายของนางก็ยังได้รับความเจ็บปวดทรมานไม่น้อยเช่นกัน
เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้จิตวิญญาณของนางตึงเครียด และไม่กล้าเปิดเผยออกมาแม้แต่ครึ่งส่วน
จนกระทั่งในตอนนี้ เมื่อได้ยินเสียงของหรงซิวที่ดังอยู่ข้างหู นางก็สัมผัสได้ถึงพลังและความร้อนที่อยู่กลางฝ่ามือของเขา ในที่สุดตอนนี้นางก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“สู้สนุกหรือไม่?”
หรงซิวหลุบสายตามองหน้านาง แล้วถามขึ้น
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาทั้งสี่ประสาน
คำบางคำไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด ใช้แค่สายตาก็เพียงพอแล้ว
มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม จากนั้นนางก็พยักหน้า
“อื้อ!”
ความทุกข์ทรมานที่นางได้รับก่อนหน้านี้ ตอนนี้ถือว่าได้ส่งคืนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว
นางอดทนมาเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดก็ได้ระบายออกแล้ว
รู้สึกดีมาก!
เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของนาง ริมฝีปากของหรงซิวก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ต่อไปยกให้เป็นหน้าที่ของข้าเองนะ?”
ฉู่หลิวเยว่ใบหน้าแดงซ่านขึ้นเล็กน้อย ความอ่อนโยนพุ่งขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ แผ่กระจายเข้าไปสู่แขนขาทั้งสี่ ทำให้ร่างกายทั้งร่างของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
บางทีคนอื่นอาจจะรู้สึกแปลกใจ ตั้งแต่ต้นจนจบหรงซิวไม่ได้ลงมือเลยแม้แต่น้อย
แต่นางรู้ดีว่า นั่นคือความตั้งใจของเขา
ผู้ชายคนนี้พัวพันกับนางมาหลายปี และในตอนนี้นางก็สามารถชำระบุญคุณความแค้นทั้งหมดได้แล้ว
ท้ายที่สุดแล้วแค้นนี้นางจะต้องส่งคืนกลับไปด้วยตนเองถึงจะเป็นการดีที่สุด!
หรงซิวกำลังยืนอยู่สถานการณ์ทั้งหมดอยู่ด้านข้าง และ…น่าจะรอจนเหนื่อแล้ว?
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า
“อย่าเพิ่งให้เขาตายนะ”
หรงซิวกุมหน้าผากอย่างจนปัญญา มุมปากกดยิ้มลึกขึ้น
“เข้าใจแล้ว”
นอกจากตอนที่ทั้งสองคนรู้จักกันแรกๆ ตอนนั้นเขาช่วยนางฆ่าคนไปหนึ่งคน และนั่นทำให้นางไม่พอใจมาก เขาก็ไม่เคยทำ ‘ผิดพลาด’ เช่นเดิมอีก
และนี่เป็นเหตุผลที่ว่า ต่อให้เขามีโอกาสฆ่าคนผู้นี้อยู่หลายครั้งแต่เขาก็ไม่ยอมลงมือเลย
ในตอนนี้ฉู่หนิงก็เดินติดตามขึ้นมาด้วย
“เยว่เอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
แม้ว่าตอนนี้ผลแพ้ชนะจะถูกตัดสินไปแล้ว แต่เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดเมื่อครู่นี้ เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่
เมื่อมองใบหน้าที่ซีดขาวของนาง หัวใจก็ยังรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
หรงซิวปล่อยมือของฉู่หลิวเยว่
“เจ้าไปอยู่กับใต้เท้าฉู่หนิงเถอะ ข้าจะเป็นคนไต่สวนเขาเอง”
ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าสองพ่อลูกจะได้พบหน้ากัน พวกเขาจำเป็นจะต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมองทางหรงซิว
ผู้ชายคนนี้…มักจะคาดเดาได้อยู่เสมอว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเขาจึงสามารถดูแลเอาใจใส่นางได้อย่างเหมาะสม
นางพยักหน้า แล้วเบนสายตาออกมามองทางฉู่หนิง
“ท่านพ่อ!”
ด้วยน้ำเสียงนั้นทำให้ฉู่หนิงรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา
เขากวาดสายตาสำรวจฉู่หลิวเยว่อย่างระมัดระวัง
คนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขามีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกไป แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นใบหน้าที่เคยโหยหามาเป็นเวลานาน คำพูดเหล่านั้นก็พลันพูดไม่ออกอย่างกะทันหัน
หลังจากผ่านไปสักพัก ฉู่หนิงก็พูดขึ้นมาว่า
“ดี ดีมาก! เยว่เอ๋อร์…เยว่เอ๋อร์โตขึ้นแล้ว…”
ใบหน้านี้ยังเป็นใบหน้าที่เขาคุ้นเคยในความทรงจำ แต่ครั้งนี้กลับมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
รัศมีแห่งความเยาว์วัยที่อยู่ระหว่างคิ้วจางหายไป
แทนที่ด้วยจิตวิญญาณแห่งผู้กล้าที่ทำให้ผู้คนยอมรับ
อีกทั้งบนร่างกายของนางยังมีรัศมีแห่งความสง่างามสูงส่งที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วย
รัศมีของนางส่องประกายออกมาจากในกระดูก ขอเพียงแค่นางยืนอยู่ตรงนั้น ก็ทำให้ผู้คนยอมจำนนอย่างไม่รู้ตัว
ฉู่หนิงมองนางตาไม่กะพริบ
เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก แต่…มันไม่เหมือนกับคนที่อยู่ในความทรงจำ
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจ แต่กลับไม่กล้าก้าวเดินขึ้นมาด้านหน้า ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ก็แดงก่ำขึ้นมาในทันที
“ท่านพ่อ เยว่เอ๋อร์ทำให้ท่านลำบากแล้ว”
เมื่อเห็นว่าในดวงตาของนางมีหยาดน้ำตา ความคิดวุ่นวายสับสนที่อยู่ภายในใจของฉู่หนิงก็ลอยหายไปในกลีบเมฆทันที เหลือเพียงความเจ็บปวดใจเท่านั้น
เขายื่นมือออกไปช่วยนางเช็ดน้ำตา
“ไม่เลย เยว่เอ๋อร์ของพวกเราดีที่สุด! อย่าร้องนะ เยว่เอ๋อร์ ไม่ต้องร้องไห้ พ่อปวดใจไปหมดแล้ว”
ความจริงแล้ว น้อยครั้งมากที่ฉู่หลิวเยว่จะร้องไห้ แม้ว่าดวงตาจะแดงก่ำ แต่นางก็อดทนเอาไว้
แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ นางก็กลั้นมันเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาจึงไหลรินลงมา
แต่หลังจากนั้นไม่นานนางก็รีบกลั้นน้ำตาของตนเองเอาไว้
หากยังมีชีวิตอยู่ก็ยังสามารถได้พบกันอีก นี่ถือว่าเป็นพรของมนุษย์แล้ว
ยังไม่ทันได้มีความสุข อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องอื่นเลย?
และในที่สุดครั้งนี้พวกเขาก็ทำลายอุปสรรคภายในใจที่มองไม่เห็นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนลงแล้ว
ถวนจื่อดึงชายเสื้อของฉู่หลิวเยว่ พร้อมเงยหน้าขึ้นมองนาง จากนั้นก็หันไปมองทางฉู่หนิง ปากเล็กๆ ก็แย้มเป็นรอยยิ้มขึ้นมา
ส่วนทางด้านข้างนั้น หรงซิวกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของชายสวมชุดคลุมสีดำนั้น
ชายคนนั้นมีความตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ
หรงซิวเลิกคิ้วกระบี่ขึ้น พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“หากเขารู้ว่า เจ้ากำลังแย่งของสิ่งนั้นกับเขาอยู่ เจ้าคิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหรือ?”
……….