ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1681 ปัญหา
ตอนที่ 1681 ปัญหา
……….
มันเป็นความรู้สึกที่แสนจะบางเบาจนมิอาจสรรหาคำใดมาบรรยายได้
ทว่าตราบที่เบนสายตาขึ้นไปมองแผ่นสีดำอันเข้มข้นนั่น ย่อมบังเกิดความรู้สึกเช่นนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว
ใจของฉู่หลิวเยว่ที่เดิมเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยก็ค่อยๆ สงบลง
ท่ามกลางความมืดมิด ราวกับมีพลังไร้รูปร่างสายหนึ่งคอยปลอบให้นางเบาใจอยู่ก็มิปาน
เมื่อรับรู้ได้ถึงข้อนี้ ฉู่หลิวเยว่พลันหรี่ตาลง
น่าแปลก…
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างแปลกประหลาดเสียนี่กระไร
เดิมทีนางเข้าใกล้กำแพงนี้ด้วยความรู้สึกต่อต้านและกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย
ทว่ามาตอนนี้ ยิ่งเข้าใกล้มันเท่าไร อารมณ์ของนางก็ยิ่งสงบนิ่งขึ้นมากเท่านั้น
กระทั่งในความเลือนรางยังปรากฏความรู้สึกที่แสนจะคุ้นเคยจางๆ ขึ้นมาด้วย
นางเองก็มิรู้ว่าความรู้สึกเช่นนี้มาจากไหนกันแน่ แต่ก็มิได้ปฏิเสธมันอีกต่อไป
หรือว่า…
เป็นเพราะหินพวกนั้นที่เก็บมาเมื่อคราวก่อนหรือ?
อย่างใดเสียพวกมันก็อยู่ที่นี่มาหลายหมื่นปี ก็คงคุ้นเคยกับทุกสิ่งทุกอย่างกับที่นี่มากอยู่แล้ว
แต่ว่า…
ฉู่หลิวเยว่ยังคงรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
นางรู้สึกราวกับว่าตัวเองละเลยเรื่องสำคัญบางอย่างไป หากแต่ผ่านมาระยะหนึ่งแล้วก็นึกไม่ออกว่ามันคือเรื่องใด
ความคิดยุ่งเหยิงวุ่นวายเคลื่อนผ่านในหัวของฉู่หลิวเยว่ไม่หยุดหย่อน
ทว่าฝีเท้าของนางยังคงเคลื่อนต่อโดยไม่หยุดยั้ง
ครู่ต่อมา ฉู่หลิวเยว่ก็รับรู้ได้ว่าความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้าบังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย
ฝีเท้าของนางหยุดชะงัก ก่อนจะยื่นมือออกไปด้านหน้าส่งเดช
ระลอกคลื่นจำนวนหนึ่งแผ่ออกไปเป็นวงเล็กๆ ยามนิ้วของนางจุ่มเข้าไป
“ที่นี่คือค่ายกลรูปแบบหนึ่ง”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยออกไปอย่างมั่นใจ
อีกอย่างแรงกดดันของมันดูจะแข็งแกร่งไม่เบา
เพราะว่าค่ายกลเป็นแบบโปร่งใส ทั้งยังอยู่ในช่วงกลางคืนจึงยากที่จะสังเกตเห็น
นางเองก็เดินจนมาถึงเบื้องหน้าแล้วถึงเพิ่งรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เพียงแต่ว่า…
ค่ายกลนี้ดูจะไม่เป็นภัยอันใดเลยหนา?
หรงซิวดึงมือของนางเอาไว้ ขณะเดียวกันก็สะบัดชายเสื้อคลุม ค่ายกลเบื้องหน้าพลันหายวับไปในพริบตา
เขาเดินไปข้างหน้า เลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
“คงเป็นเพราะกระแสพลังจำนวนมากที่หลงเหลืออยู่ในสุสานสังหารเทพทับซ้อนกัน จึงเกิดการกระเพื่อมของกระแสวุ่นวายสลายสูญ ก่อตัวขึ้นเป็นค่ายกลโดยบังเอิญ มิมีอันใดต้องกังวล”
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะเป็นเชิงเห็นด้วย
ก่อนหน้านี้มิใช่ว่าองค์ไท่จู่ก็ถูกกระแสวุ่นวายสลายสูญกวาดหายไปหรอกหรือ?
ในที่แห่งนี้ พลังที่หลงเหลือร่องรอยกว่าหมื่นปีแต่ละสายเข้าห้ำหั่นกันไม่หยุด จะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นก็เป็นเรื่องปกติ
อีกอย่าง นางก็ไม่ได้รู้สึกถึงภัยอันตรายอันใดจากค่ายกลนั่นด้วย
นางรีบปัดเรื่องนี้เก็บไว้ก่อน จากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินต่อไป
…
หลังจากที่พวกเขาไปจากที่แห่งนี้แล้ว เวลาประมาณหนึ่งก้านธูปต่อมา ก็มีเงาร่างหลายร่างปรากฏตัวขึ้น ณ ที่ตรงนั้น
เป็นพวกของหนานอวี่สิงนั่นเอง
สีหน้าของพวกเขาล้วนแต่ดูไม่จืดทั้งสิ้น โดยเฉพาะผู้อาวุโสไป๋ถงที่มีสีหน้าซีดขาวเป็นพิเศษ
น่องขาของเขาถูกตัดขาด บัดนี้จึงเหลือขาเพียงข้างเดียวที่ยังใช้เดินอยู่ต่อได้
การเดินทางครานี้ คนที่ลำบากที่สุดคือเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้จะรับยาอายุวัฒนะชั้นเลิศไปแล้ว หากแต่บาดแผลสาหัสเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ขาของเขาก็มิอาจงอกขึ้นมาใหม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้ด้วย
ความลำบากอันยากจะรับไหวจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยเช่นกัน
ผู้อาวุโสอูเผิงมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวว่า
“มิเช่นนั้นพวกเราพักกันก่อนสักหน่อยเถิด”
“ไม่ได้!”
ผู้อาวุโสไป๋ถงรีบปฏิเสธข้อเสนอแนะทันควันด้วยสีหน้ารู้สึกผิดยิ่ง
“พวกเขาเดินทางกันรวดเร็วนัก เป็นเพราะข้าเองที่ทำให้การเดินทางครานี้ของพวกเราตามหลังอยู่มาก หากตอนนี้ยังมาพักอีก เกรงว่าจะล่าช้ายิ่งกว่าเก่า”
ผู้อาวุโสอูเผิงขมวดคิ้ว แต่กลับมิอาจมิยอมรับได้ว่าเรื่องที่เขาพูดมาเป็นความจริง
“นี่พวกเขาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่? มืดค่ำปานนี้แล้ว หรือว่าคิดจะเดินทางต่อไปแบบนี้โดยไม่หยุดพักกัน?”
หนานอวี่สิงเองก็ไม่สบอารมณ์อย่างมาก
แม้บาดแผลของเขาจะเบากว่าของผู้อาวุโสไป๋ถงอยู่บ้าง แต่พอประสบกับความทรมานเช่นนี้เข้าก็ทนไม่ไหวเช่นกัน
เดิมพวกเขายังคงกังวลว่าหากไล่ตามไปใกล้เกิน จะถูกพวกหรงซิวจับได้
หากแต่ภายหลังกลับพบว่าพวกตนคิดมากเกินไป
เพราะจากความเร็วของพวกเขาในตอนนี้ ตามให้ทันโดยไม่พลัดเสียก่อนก็นับว่าลำบากมากแล้ว!
ไหนเลยจะไปสนใจเรื่องอื่นได้อีก?
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เวลาป่านนี้แล้ว คนพวกนั้นยังไม่หยุดกันอีก!
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ใครจะทนไหวได้?
ผู้อาวุโสมองไปทางหนานอีอี
“คุณหนูรอง ท่านสืบหาได้ความอย่างใดบ้าง?”
หนานอีอีเม้มริมฝีปากแน่น
“ของสิ่งนั้น… กำลังเดินทางตามไปกับพวกเขาอยู่จริงๆ”
มาถึงขั้นนี้ก็มั่นใจได้แล้วว่าของสิ่งนั้นอยู่ติดตัวพวกเขาจริงๆ!
แม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่…
หนานอีอีตามร่องรอยมาตลอดทาง มิมีทางดูผิดไปได้
นี่ก็แปลว่าพวกเขาต้องตามพวกหรงซิวให้ทัน แล้วฉวยโอกาสแย่งของกลับมาให้ได้!
หากเป็นพวกเขาในสภาพปกติก็คงไม่ได้มีปัญหาอันใดมาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้…
ต่อให้พวกเขาร่วมมือกัน เกรงว่ายังมิอาจต่อกรพวกหรงซิวได้เลย…
หนานอีอีก้าวฉับๆ อย่างงุ่นง่าน
“หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ก็คงบอกให้ท่านพ่อส่งคนมามากกว่านี้แล้ว… อ๊ะ!”
นางยังมิทันพูดจบก็พลันรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง ราวกับถูกของที่หนักหลายพันชั่งกดทับเข้าที่หัวไหล่!
เสียงร้องอุทานต่ำของนางทำให้คนทั้งหลายตื่นตัวระวังภัยขึ้นมาทันใด
“อีอี!”
“คุณหนูรอง!”
หนานอีอีกัดฟัน พยายามหยัดยืนขึ้นอย่างยากลำบาก ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนก
ระลอกคลื่นจำนวนหนึ่งกระเพื่อมขึ้นมาเบาๆ ราวกับสร้างกรงขังขนาดใหญ่ขังนางเอาไว้ด้านใน!
ไม่!
ไม่ใช่แค่นาง!
พวกผู้อาวุโสอูเผิงเองก็ถูกขังอยู่ในอาณาเขตนี้เช่นกัน!
“นี่มัน…”
“ค่ายกล!”
ผู้อาวุโสอูเผิงแผดเสียงเข้ม ขณะเดียวกันก็สะบัดชายเสื้อคลุมหวังจะเอาตัวหนานอีอีออกมา
ทว่าความว่างเปล่าที่อยู่โดยรอบกลับยิ่งหนักอึ้งมากกว่าเก่า ทุกการกระทำล้วนทำได้ยากลำบากหาสิ่งใดเปรียบ
ทันทีที่เขาขยับตัว ทั่วทั้งสี่ทิศพลันราวกับมีมือที่มองไม่เห็นจำนวนนับไม่ถ้วนคอยฉุดรั้งเขาไว้ให้อยู่ที่เดิมอย่างบ้าคลั่ง
ในใจของผู้อาวุโสอูเผิงรู้สึกย่ำแย่นัก รีบถ่ายโอนพลังปราณดั้งเดิมภายในร่างออกมา แต่กลับไร้ผล
หนานอวี่สิงและผู้อาวุโสไป๋ถงเองก็ตกอยู่ใต้ค่ายกลนั้นตามไปติดๆ
คนทั้งหลายจึงติดอยู่ในค่ายกลอันแปลกประหลาดด้วยประการฉะนี้! ทุกๆ ฝีเท้าที่ก้าวเดินล้วนยากเย็นนัก
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดกัน!?”
หนานอวี่สิงทั้งร้อนใจทั้งตื่นตระหนก
เมื่อครู่ตอนพวกหรงซิวเพิ่งเดินผ่านทางนี้มา แต่ทุกอย่างกลับดูปกติ มิได้ปรากฏสถานการณ์เช่นนี้แม้แต่น้อย!
ผู้อาวุโสอูเผิงขบกรามแน่นพลางเอ่ย
“พลังแห่งสวรรค์และโลกบริเวณนี้วุ่นวายนัก ถึงก่อให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าพวกเราจะออกไปไม่ได้เลยสักพัก”
กระทั่งเขายังหลุดออกไปไม่ได้หรือ?
หนานอวี่สิงใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“เช่นนั้นเหตุใดพวกหรงซิวถึงได้ไม่เป็นไรกันเลยเล่า?”
พวกเขาเห็นกันเต็มสองตาเลยว่าเจ้าพวกนั้นเดินผ่านที่นี่ไป!
ผู้อาวุโสอูเผิงมีสีหน้ามืดครึ้มลง หัวคิ้วเองก็ขมวดจนยับย่น
เหตุใดเขาถึงจะไม่รู้เล่าว่านี่เป็นเพราะเหตุใดกัน?
ตลอดการเดินทางครานี้ เขาเดินนำหน้าสุดมาตลอด ย่อมมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดเช่นกัน
ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดแปลกอันใด
ใครจะรู้ได้เล่าว่าที่นี่จะยังมีปัญหาใหญ่ถึงเพียงนี้อยู่?
เขาเงยศีรษะขึ้นมองพลางลอบกัดฟันของตน
“สถานการณ์นี้มิได้มีภัยอันตรายใด แต่มันถ่วงความเร็วของพวกเราเอาไว้เยอะมากนัก ครานี้… เกรงว่าจะไล่ตามพวกเขาไปไม่ทันแล้ว”
“นี่จะเป็นไปได้อย่างใด?”
หนานอวี่สิงร้อนใจขึ้นมาโดยพลัน
“อย่าลืมสิว่ายังมีความเป็นไปได้ที่ของสิ่งนั้นยังอยู่ในมือของพวกเขาหนา!”
……….
านิยายที่ถูกล็อกด้วยเหรียญระบบจะใช้เหรียญปลดล็อกตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ
• เมื่อเหรียญทองหมด สามารถเติมเงินแล้วอ่านต่อได้เลย ไม่สะดุด
• ……….จะเป็นการตั้งค่ารายเรื่อง และปิดโหมด อัตโนมัติเมื่อออกจากหน้าการอ่านนิยายเรื่องนั้น