ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1689 ลงมือ
ตอนที่ 1689 ลงมือ
……….
เงียบงัน
คำพูดของฉู่หลิวเยว่ทำให้อีกฝ่ายสับสน
รวมถึงลั่วเหยี่ยนด้วย
ไม่มีใครคาดคิดว่าฉู่หลิวเยว่จะใจกล้าพูดจาแบบนี้ออกมาอย่างน่าไม่อาย!
ท่าทางของนางแข็งกร้าว สายตาเย็นชา แม้ว่าริมฝีปากจะโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่กลับเหมือนประกายกระบี่ที่คมกริบ อีกทั้งยังมีจิตสังหารที่เฉียบคมจนสามารถฉีกทุกอย่างออกจากกันได้!
เมื่อหนานอีอีมองมา หัวใจของนางก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง!
ความหวาดกลัวพวยพุ่งออกจากก้นบึ้งหัวใจอย่างไม่สามารถอธิบายได้!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเผชิญหน้ากับซั่งกวนเยว่แล้วเกิดความหวาดกลัวเช่นนี้
แต่ก่อนหน้านี้ความรู้สึกไม่ได้เด่นชัดและรุนแรงขนาดนี้
เมื่อสบสายตากับดวงตาคู่นั้น ความคิดบางอย่างก็ชัดเจนขึ้นมาในสมองของนางทันที
“หากไปเร่งรัดซั่งกวนเยว่ นางก็สามารถฆ่าเขาได้จริงๆ!”
เดิมทีหนานอีอีอยากจะพูดประชดประชันอีกสองสามประโยค แต่ในตอนนี้คำพูดเหล่านั้นกลับหายไปแล้ว
ขาของนางอ่อนยวบเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะว่าลั่วเหยี่ยนยืนอยู่ด้านข้าง เกรงว่านางจะเดินถอยหลังลงไปเองอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว
ลั่วเหยี่ยนที่มองดูสถานการณ์ทุกอย่างก็ต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“นางรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างใด?”
เห็นได้ชัดว่า เขากำลังซักถามหนานอีอีและคนอื่นๆ
คนที่รู้เรื่องว่าพวกเขาจะมาหาของในที่แห่งนั้นมีไม่มาก
เหตุใดตอนนี้ซั่งกวนเยว่ที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขาเลย ไม่สิ ควรจะพูดว่าซั่งกวนเยว่ที่มีความสัมพันธ์ในฐานะศัตรู ถึงได้รู้เรื่องนี้ทั้งหมด!
ทันใดนั้นหนานอวี่สิงก็เหงื่อท่วมตัว
เขารีบพูดขึ้นมาว่า
“ท่านอาลั่วเหยี่ยน คือว่า… พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผยเรื่องนี้ แต่ตอนที่พวกเราคุยกันเป็นการส่วนตัว กลับโดนพวกเขาแอบฟัง…”
สายตาของลั่วเหยี่ยนเย็นชายิ่งขึ้นกว่าเดิม
นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าการทำพลาดเสียอีก!
โดนแอบฟัง?
นี่พวกเขาจะใจกล้าเกินไปหน่อยแล้วหรือไม่!
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไม่มีความระมัดระวังเลย?
ผู้อาวุโสไป๋ถงเดินออกมาแล้วพูดอย่างลำบากใจว่า
“ลั่วเหยี่ยน ความจริง… ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณชายใหญ่และคุณหนูรอง มันเป็นความประมาทของข้าและอูเผิง…”
เขาไม่มีอันใดที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ความจริงแล้วพวกเขาก็ระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
ในวันนั้นที่หรงซิวปรากฏกายอยู่ในระยะประชิด แต่รอบข้างกลับไม่มีความผันผวนเลยแม้แต่น้อย!
เรื่องนี้ก็ไม่สามารถโทษพวกเขาได้
แต่คำพูดเหล่านี้ พวกเขาไม่สามารถพูดออกไปได้ เพราะมันช่างน่าขายหน้าจริงๆ
แล้วอีกอย่าง ให้พูดในตอนนี้มันจะไปมีประโยชน์อันใด?
ผู้อาวุโสอูเผิงจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง
“เจ้ารู้จริงๆ หรือว่าพวกเรากำลังหาสิ่งใดอยู่?”
ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การคาดเดา แต่ในตอนนี้นางสามารถมั่นใจได้แล้ว
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น
นางเพียงแค่หลอกล่อพวกเขาเท่านั้น เพราะนางสามารถมองออกว่า สิ่งที่พวกเขาตามหามีความสำคัญต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก
แต่นางกลับรู้ไม่แน่ชัดว่าของสิ่งนั้นคืออันใด?
เรื่องของตัวเองนางก็ยุ่งเป็นอย่างมากแล้ว จะมีเวลาไปใส่ใจพวกเขาได้อย่างใด?
เมื่อได้ยินดังนั้น หนานอีอีก็ได้สติกลับคืนมา ก่อนจะยกมือชี้นิ้วไปทางฉู่หลิวเยว่
“นางไม่เพียงแค่รู้ แต่นางยังมีของสิ่งนั้นอยู่กับตัวด้วย!”
เสียงของนางหวีดแหลม ทำให้คนฟังรู้สึกแสบหู
แต่ประโยคนั้นกลับทำให้บรรยากาศดูอึมครึมและเย็นยะเยือกมากยิ่งขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ลมปราณของคนเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน!
รัศมีที่อันตรายแผ่เข้าปกคลุมทันที!
…
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเจ้ากำลังตามหาอันใดอยู่ ส่วนที่พวกเจ้าพูดว่า ข้ามีของสิ่งนั้นอยู่บนตัวมันเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้นมาหนึ่งเสียง จากนั้นก็ชี้ไปที่ก้อนหินที่ตกกระจายอยู่รอบกายของนาง
“ข้าขอพูดอย่างไม่ปิดบัง หลังจากที่ข้ามาถึงสุสานสังหารเทพ ของสิ่งเดียวที่ข้าได้รับมาก็คือก้อนหินเหล่านี้ หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่พวกเจ้าต้องการล่ะ?”
“เจ้าเล่ห์!”
ในตอนนี้หนานอีอีมีความมั่นใจอย่างมาก น้ำเสียงดูสูงขึ้นหลายระดับ
“ข้าไม่มีทางสัมผัสลมปราณของสิ่งนั้นผิดพลาดแน่นอน! มันอยู่ในร่างกายของเจ้า! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ? ข้าก็ว่าเหตุใดข้าถึงบังเอิญพบพวกเจ้าอยู่ตลอดทาง ที่แท้… พวกเจ้าก็ต้องการแย่งของสิ่งนั้นมาจากพวกเราตั้งแต่แรกแล้วสินะ!”
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
นางไม่หาเรื่อง แต่เรื่องกลับเข้ามาหานางตลอด!
เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันช่างน่ารำคาญเสียจริง!
อย่างใดก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนานอีอี นางกลับไม่สังเกตถึงลมปราณที่เปลี่ยนแปลงไปเลย และยังคงถามเองตอบเองอยู่เรื่อยมา
“ท่านอาลั่วเหยี่ยน! เขาไม่เพียงทำร้ายข้า แต่ยังแย่งของสิ่งนั้นไปจากข้า ครั้งนี้ท่านจะต้องช่วยข้า อย่าปล่อยนางไปง่ายๆ…”
ตึง!
เสียงฉินสายหนึ่งที่เต็มไปด้วยจิตสังหารก็พุ่งออกมาจากผนังสีดำอย่างกะทันหัน!
ก้อนหินที่กระจายตัวอยู่บนพื้นก็เริ่มเคลื่อนไหวในทันที!
พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่โดยรอบเริ่มโคจรอย่างบ้าคลั่ง!
ทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เสียงของหนานอีอีหยุดชะงักไปอย่างกะทันหัน พร้อมหันมองสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างด้วยสายตาประหลาดใจ!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตาเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่ไม่ละลายมาพันปี เย็นยะเยือกจนทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน!
นางพูดขึ้นทีละคำว่า
“พูดพอหรือยัง?”
หนานอีอีสบเข้ากับสายตาของนาง ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนว่ามีมือที่ไร้รูปร่างมาบีบคอของนางอย่างใดอย่างนั้น!
ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้นางหายใจลำบากมากยิ่งขึ้น! เลือดทั่วร่างกายถูกแช่แข็งในทันที!
ไม่เคยมีครั้งไหนที่นางสามารถสัมผัสกับแรงคุกคามจนถึงแก่ความความตายเช่นนี้มาก่อน!
ลั่วเหยี่ยนดึงนางไปอยู่ด้านหลัง ส่วนตนเองก็สาวเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว พลังปราณดั้งเดิมรอบกายพวยพุ่ง!
ผิดปกติ!
ซั่งกวนเยว่ผู้นี้มีอันใดบางอย่างผิดปกติ ผนังสีดำที่อยู่ด้านหลังของนางก็… ผิดปกติ!
เหตุใดด้านในถึงมีเสียงฉินที่ดูน่าอันตรายดังขึ้นอย่างกะทันหันได้ล่ะ?
ฉู่หนิงและหรงซิวรีบมองหน้ากันในทันที
นั่นคือเสียงฉิน… ที่นางพูดถึงก่อนหน้านี้หรือ?
“เยว่เออร์”
หรงซิวกุมมือของนางเอาไว้
เสียงที่เย็นชาและทุ้มต่ำสะท้อนเข้าที่ข้างหูของนาง จึงสามารถดึงสตินางกลับมาได้ในทันที
แววตาที่เย็นชาและไม่แยแสของนางจางหายไปอย่างไร้เสียง ตอนที่นางเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว
นางสามารถปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีเพียงหรงซิวที่ยืนอยู่ข้างกายของนางเท่านั้นที่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจน
ในขณะเดียวกันนั้นเองเสียงฉินก็หยุดลง ก้อนหินที่อยู่รอบข้างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
แม้กระทั่งพลังรอบข้างที่พวยพุ่งก็ค่อยๆ สงบลง
เหมือนกับว่าการเคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่อุปทานหมู่เท่านั้น
หัวคิ้วของหรงซิวขยับขึ้นเล็กน้อย
ในตอนที่เขากำลังจะพูดขึ้น แรงกดดันสายหนึ่งอันยิ่งใหญ่มหาศาลก็ลดต่ำลงในทันที
ในขณะเดียวกันเสียงคำรามของฟ้าร้องก็แหวกอากาศที่ว่างเปล่า!
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมอง แต่ลั่วเหยี่ยนฉวยโอกาสนี้ลงมือทันที!
ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา!
เขาสะบัดแขนเสื้อ เปลวเพลิงสีทองกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมก่อร่างเป็นม่านพลังที่ด้านหน้าของพวกเขาสองคน!
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามลั่วเหยี่ยนก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมาย!
การที่หรงซิวลงมือ มันอยู่ในการคาดเดาของเขาตั้งนานแล้ว
ดังนั้นเมื่อเขาเริ่มลงมือ ก็ไม่มีการยั้งมือแม้แต่น้อย!
ฟิ้ว!
พลังปราณดั้งเดิมของลั่วเหยี่ยนกลายเป็นลูกธนูแทงทะลุม่านพลังของหรงซิวได้โดยตรง!
จากนั้นก็พุ่งตรงต่อไปยังกลางหน้าผากของฉู่หลิวเยว่!
จิตสังหารเข้มข้น!
จากนั้นหรงซิวก็ลงมือคว้าลูกธนูดอกนั้นเอาไว้แน่น!
พวกเขายังไม่ทันได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ว่ามีอันใดบางอย่างกำลังพันรอบขาของนางอยู่!
นางก้มหน้าลงไปมอง เชือกเส้นหนึ่งที่โปร่งแสงและมีขนาดเท่านิ้วโป้งปรากฏขึ้นและพันรอบขาของนางตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ จนตอนนี้ได้รัดข้อเท้าของนางจนแน่นแล้ว!
หัวใจของนางจมดิ่ง!
ลั่วเหยี่ยนกระชากแขนอย่างรุนแรง!
ร่างของฉู่หลิวเยว่ถูกลากออกไปอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้!
……….