ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1690 ผลแพ้ชนะ
ตอนที่ 1690 ผลแพ้ชนะ
……….
“เยว่เออร์!”
“อาเยว่!”
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้ฉู่หนิงและถวนจื่อรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก พร้อมเตรียมตัวสาวเท้าก้าวขึ้นไป
แต่อย่างใดก็ตามฉู่หลิวเยว่กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วกว่า!
ลำแสงอันเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นในมือของนางอย่างรวดเร็ว!
“กระบี่ชื่อเซียว!”
นางพลิกข้อมือและฟันลงไปที่เชือกโปร่งแสงนั้นโดยตรง!
ฉับ!
เสียงกระทบกันดังกังวาน!
ในตอนนั้นเองก็เกิดประกายไฟขึ้น!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่ดำดิ่ง
กระบี่ชื่อเซียวเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ ตัวเหล็กมีความเหนียวราวกับโคลน และคมกริบเป็นอย่างมาก
เชือกโปร่งแสงเส้นนี้ดูแล้วเหมือนจะอ่อนนุ่ม แต่ความจริงแล้วมันยืดหยุ่นและแข็งแรงเป็นอย่างมาก!
คาดไม่ถึงว่าเมื่อฟันลงไปจะทิ้งเพียงร่องรอยสีขาวจางๆ เท่านั้น!
ลั่วเหยี่ยนแค่นหัวเราะเสียงเย็น
ซั่งกวนเยว่ผู้นี้มีฝีมือจริงๆ แม้กระทั่งอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อก็สามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วดุจสายน้ำ
แต่น่าเสียดาย ที่นางเป็นเพียงผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงเท่านั้น
ฝีมือระดับนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ก็ยังแข็งแกร่งไม่พอจริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็จับปลายเชือกอีกด้านเอาไว้แน่น แล้วออกแรงลากอย่างแรง!
“เถาวัลย์มัดเซียน…รัด!”
เชือกโปร่งแสงนั้นรัดแน่นขึ้นในทันที ทำให้บนข้อเท้าของฉู่หลิวเยว่มีรอยเลือดไหลออกมา!
ด้วยพลังอันแข็งแกร่งนี้ทำให้นางสูญเสียการทรงตัวไปอีกครั้ง!
เงาร่างของหรงซิววูบไหว ในตอนที่เขากำลังจะลงมือก็มีเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า
คนผู้นั้นคือ ผู้อาวุโสอูเผิง!
“หรงซิว วันนี้พวกเราเพียงแค่ต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้กับคุณหนูรอง เมื่อเรื่องนี้จบลงพวกเราก็จะปล่อยนางไป เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เจ้าอยากจะทำให้เรื่องแย่ลงไปอีกหรือ?”
เหมือนกับหรงซิวได้ยินเรื่องน่าขัน ริมฝีปากบางของเขากำลังยกยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
“นั่นคือพระชายาของข้า พวกเจ้าจะทำอันใดนางต่อหน้าข้า แล้วจะให้ข้าทำเป็นมองไม่เห็นหรืออย่างใด? ดูเหมือนว่าสิ่งที่ข้าพูดกับพวกเจ้าไปก่อนหน้านี้ พวกเจ้าทำเป็นหูทวนลมหรือไร”
น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง อีกทั้งยังหนาวเสียดแทงกระดูก!
ผู้อาวุโสอูเผิงชะงักไปเล็กน้อย ทันใดนั้นภายในสมองก็นึกถึงตอนที่เขาพูดถึงท่านประมุขขึ้นมา สีหน้าของอีกฝ่ายคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ความจริงแล้วในจุดนี้เป็นสิ่งที่เขากังวลใจอยู่ตลอด
แต่เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถถอยหลังหลีกทางให้ได้
“พวกเราไม่อยากเป็นปรปักษ์กับพระราชวังเมฆาสวรรค์ สิ่งนี้จะไม่เป็นการดีต่อใครเลย ขอเพียงแค่ซั่งกวนเยว่ยอมขอโทษ เรื่องใหญ่ก็จะได้กลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กจะได้หมดไป เจ้า…”
เขายังพูดไม่ทันจบ หรงซิวก็ยกมือขึ้น!
เปลวเพลิงสีทองกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งมาจากในแววตาของเขา!
“เจ้าพูดผิดไปเล็กน้อยนะ”
พลังปราณดั้งเดิมภายในร่างกายของหรงซิวปะทุขึ้น แรงกดดันอันน่าหวาดกลัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
“ตั้งแต่วินาทีแรกที่พวกเจ้าแตะต้องนาง พวกเจ้าก็เป็นปรปักษ์ของพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว!”
เปรี้ยง!
พลังที่รุนแรงสายหนึ่งพุ่งตรงไปหาผู้อาวุโสอูเผิงในทันที!
“หรงซิว! เจ้า…”
ผู้อาวุโสอูเผิงคิดไม่ถึงว่าหรงซิวจะลงมือทันทีเช่นนี้ เขาสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างหวุดหวิด แต่บริเวณไหล่ของเขาก็ยังทิ้งรอยไหม้ยาวเอาไว้สายหนึ่งอีกด้วย!
ความเจ็บปวดที่ถูกแผดเผาทำให้ผู้อาวุโสอูเผิงรู้สึกตกใจระคนโมโหมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หรงซิวรู้หรือไม่ว่าที่เขาทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างใด?
เพียงเพื่อซั่งกวนเยว่คนเดียว เขากล้าจะเป็นศัตรูกับพวกเราจริงๆ น่ะหรือ?
พวกเขาไม่ได้จะเอาชีวิตของซั่งกวนเยว่เสียหน่อย!
ความคิดมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในสมองของผู้อาวุโสอูเผิง แต่เขาก็ไม่กล้าผ่อนคลายอีกแล้ว เขารีบโคจรพลังปราณดั้งเดิมในร่างกายของตนเอง และกัดฟันสู้กับหรงซิว!
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบว่ามีอันใดผิดปกติ
…การต่อสู้ของหรงซิวนั้น เหตุใดถึงดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเล่า?
พวกเขาทั้งสองคนเพิ่งแลกเปลี่ยนกันได้ไม่กี่กระบวนท่า ผู้อาวุโสอูเผิงก็รู้สึกว่าไม่สามารถต้านรับไหวแล้ว
หรือว่าก่อนหน้านี้หรงซิวได้ปิดบังฝีมือที่แท้จริงเอาไว้?
เห็นได้ชัดว่าลมปราณนี้แข็งแกร่งกว่าระดับเทพขั้นสูงไม่น้อย!
แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ หรงซิวลงมือโหดเหี้ยม แต่ละกระบวนท่าหมายจะเอาชีวิต ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ฟุ่มเฟือย และไม่เหลือทางหนีรอดให้กับเขา
นี่คือประสบการณ์ที่ผ่านการต่อสู้บนความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงได้มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และกลิ่นคาวเลือดเช่นนี้ได้!
ผู้อาวุโสอูเผิงก็นับว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย ฝีมือก็ไม่ได้อ่อนด้อย
แต่อย่างใดก็ตามเวลาส่วนใหญ่ของเขานั้นหมดไปกับการหลอมอาวุธ ไม่ได้ศึกษาการสู้รบของจอมยุทธ์อย่างละเอียด
ดังนั้นในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหรงซิวเขาก็ตกเป็นรองอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่งฉู่หนิงก็อยากจะพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างอดรนทนไม่ได้!
ผู้อาวุโสไป๋ถงที่เห็นดังนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมาอย่างเสียไม่ได้
“จอมยุทธ์ระดับหนึ่ง?”
เขาไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่?
สิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่ายิ่งกว่ามด คาดไม่ถึงว่าจะมีความกล้าเช่นนี้?
เขาไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปแล้วหรือ
ผู้อาวุโสไป๋ถงสะบัดแขนเสื้อ!
ทันใดนั้นเปลวเพลิงกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือของเขา!
แล้วลอยเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
ตู้มๆ !
ตอนที่เปลวเพลิงอยู่ห่างจากฉู่หนิงหนึ่งก้าว มันก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงทันที! กลายเป็นประกายไฟขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน!
“ไม่เจียมตัวเอง…ได้ตายในเงื้อมมือของข้าเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นเกียรติ…อันใดกัน!”
ผู้อาวุโสไป๋ถงพูดได้ครึ่งหนึ่ง เสียงของเขาก็ต้องหยุดลงอย่างกะทันหัน
ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย
ประกายไฟจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังลุกโชนอยู่ แต่เหมือนถูกพลังอันใดบางอย่างผลักออก ทันใดนั้นมันก็กระจายออกไปรอบข้าง!
เดิมทีฉู่หนิงผู้นั้นควรจะไม่มีลมหายใจแล้ว แต่เขายังยืนอยู่ที่เดิม อีกทั้งยังไร้รอยขีดข่วน!
รอบกายของเขามีลำแสงสีฟ้าสายหนึ่งกำลังลอยอยู่เบาๆ
นั่นมัน…
“อาณาเขตเทพเซียน?”
เพราะว่าความตกใจ น้ำเสียงของผู้อาวุโสไป๋ถงจึงหวีดแหลมขึ้น
หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ ที่สามารถสังเกตเห็นถึงความเคลื่อนไหวทางนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสีกันไปทันที
“จอมยุทธ์ระดับหนึ่งจะมีอาณาเขตเทพเซียนได้อย่างใด?”
เดิมทีหนานอวี่สิงกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการรับชมความสนุกสนาน เขาวางแผนไว้ว่าจะฉวยโอกาสนี้ระบายความโกรธแค้นที่มีในใจออกให้หมด
คิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทิศทางที่คาดเดาไม่ได้
หรงซิวสามารถสู้กับผู้อาวุโสอูเผิงได้อย่างสูสี ความจริงแล้วในจุดนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาสามารถคาดเดาได้
อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสไป๋ถงก่อนหน้านี้ก็เป็นฝีมือของเขา
แต่ชายวัยกลางคนคนนั้นสวมเสื้อผ้าซอมซ่อ ทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด ดูแล้วธรรมดาอย่างมาก เหตุใดเขาถึงมีอาณาเขตเทพเซียนได้เล่า?
ลมปราณบนร่างกายของเขา… เป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่งจริงๆ ไม่ผิดแน่!
“หรือว่าจะเป็น… ร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะ!”
ลั่วเหยี่ยนเบนสายตากลับมามองฉู่หนิง จากนั้นก็สามารถคาดเดาได้อย่างรวดเร็ว
บนโลกใบนี้คนที่เป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่งแต่สามารถใช้อาณาเขตเทพเซียนได้ ก็เกรงว่าจะต้องมีร่างศักดิ์สิทธิ์ที่มีลักษณะพิเศษ
แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่น่าหวาดกลัว แต่ก็นับว่า… พวกเขาทั้งหลายเป็นคนที่มีฝีมือไม่น้อย
มิน่าล่ะพวกเขาถึงสามารถยึดครองสุสานสังหารเทพจนถึงตอนนี้ได้ อีกทั้งยังทำให้ผู้อาวุโสอูเผิงและคนอื่นๆ ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ตึง!
เสียงกระแทกที่รุนแรงดังขึ้นอีกครั้ง
ลั่วเหยี่ยนถอนสายตากลับมา จากนั้นก็เห็นว่าฉู่หลิวเยว่ยังคงพยายามใช้กระบี่ชื่อเซียวฟันเถาวัลย์มัดเซียนให้ขาด
เขาหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ สายตาที่มองฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยความดูแคลนและเฉยเมยอย่างไม่ปิดบัง
“ไร้เดียงสาเสียจริง”
สำหรับเขาแล้วการกระทำของฉู่หลิวเยว่เป็นการดิ้นรนขัดขืนที่เปล่าประโยชน์
เขาสะบัดมือข้างหนึ่ง แล้วดึงเถาวัลย์มัดเซียนกลับมาอย่างแรง!
ร่างกายครึ่งหนึ่งของฉู่หลิวเยว่ รวมถึงกระบี่ที่อยู่ในมือนางด้วยก็ถูกเถาวัลย์มัดเซียนที่โปร่งแสงรัดอย่างแน่นหนา!
นางขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของทั่วไป ในตอนนี้นางรู้สึกว่าพลังปราณดั้งเดิมรอบกายถูกเถาวัลย์มัดเซียนเส้นนั้นปิดกั้น!
ลั่วเหยี่ยนยกมือขึ้น และกำมือกลางอากาศ
ลำคอของฉู่หลิวเยว่ก็ถูกบีบรัดจนแน่น!
……….