ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1693 เผชิญหน้า
ตอนที่ 1693 เผชิญหน้า
……….
ทันทีที่สิ้นเสียง รอบข้างก็เงียบกริบ
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางกลับหัวเราะขึ้นเสียงเย็น
“อ่า จริงสิ เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว นับว่าข้าเป็นคนช่วยเหลือพวกเจ้าเสียด้วยซ้ำ แทนที่พวกเจ้าจะขอบคุณข้า แต่กลับสร้างปัญหาให้ข้า…ช่างน่าสนใจจริงๆ”
บรรยากาศก็ยิ่งแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น
คาดไม่ถึงว่าในตอนนั้นลั่วเหยี่ยนจะไม่รู้ว่าตนเองควรแสดงสีหน้าอย่างใด สีหน้าของเขาจึงกระอักกระอ่วนและแข็งทื่อ
เขากวาดสายตามองหนานอีอีและคนอื่นๆ ด้วยความรวดเร็ว ภายในใจก็ดำดิ่ง
เขารู้จักหนานอีอีและคนอื่นๆ เป็นอย่างดี
ตอนที่ซั่งกวนเยว่พูดขึ้นเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขากลับดูย่ำแย่ขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้มีสีหน้าตกตะลึง ซึ่งนั่นหมายความว่า…เรื่องนี้เป็นความจริงเก้าในสิบส่วน!
ในที่สุดหนานอีอีก็โต้เถียงออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“ไม่มีใครรู้ว่าคนผู้นั้นถูกเจ้าจัดการจริงหรือไม่? หากพวกเจ้าใช้เล่ห์กลอื่น…”
“การใช้เล่ห์กลได้ ก็เป็นความสามารถของข้าเช่นกันไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดแทรกนางขึ้นด้วยรอยยิ้ม
กระบวนการไม่สำคัญ ผลลัพธ์สิถึงสำคัญที่สุด!
หนานอีอีสำลัก
ลั่วเหยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงคนหนึ่ง…สังหารผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?
จะเป็นไปได้อย่างใด!
ทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ เหมือนว่าเขาจะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย!
หนานซู่ไหวรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากแล้วรีบถามว่า
“นางหนูเยว่เออร์ เจ้าพูดจริงหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“อาจารย์ ข้าเคยหลอกท่านสักครั้งหรือไม่? หรงซิว ท่านพ่อและถวนจื่อ ล้วนสามารถเป็นพยานให้ข้าได้”
หนานซู่ไหวตำหนิขึ้นในใจ เจ้าหลอกลวงข้ามาตั้งกี่ครั้งแล้ว?
แต่คำพูดนี้ไม่สามารถพูดออกไปได้
หรงซิวพยักหน้า
“ทุกสิ่งที่เยว่เออร์พูดเป็นความจริง ที่พวกเรามาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพราะว่าคนผู้นั้นจับตัวใต้เท้าฉู่หนิงเป็นตัวประกัน เดิมทีแล้วเขาต้องการจะสังหารเยว่เออร์ เพียงแต่ว่าเขากลับเป็นฝ่ายถูกสังหารแทนก็เท่านั้น”
เพียงแต่ว่าเขากลับเป็นฝ่ายถูกสังหารแทน…ก็เท่านั้น?
ต่อให้เป็นหนานซู่ไหว เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้มุมปากก็กระตุกขึ้นอย่างอดไม่ได้
ฟังดูสิ!
นี่มันเป็นสิ่งที่มนุษย์พูดกันหรือ!
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงสังหารระดับเทพศักดิ์สิทธิ์…
แต่พวกเจ้ากลับพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างใจเย็นน่ะหรือ!
แม้ว่าเขาจะตกใจแต่หนานซู่ไหวก็สามารถรับได้อย่างรวดเร็ว
…ตั้งแต่ที่เขารับนางหนูเยว่เออร์เป็นศิษย์ เขาก็รู้ดีว่า ไม่ว่าเรื่องใดที่นางกระทำ ไม่มีเรื่องไหนเป็นไปไม่ได้
แม้กระทั่งค่ายกลกระสวยสวรรค์ของสำนักนางก็สามารถซ่อมแซมได้ การสังหารผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง มีอันใดให้น่าประหลาดใจกัน?
ในตอนนี้หนานซู่ไหวได้เจอเรื่องแปลกจนเคยชินแล้ว
ความคิดที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ บางทีการมีลูกศิษย์ที่มุมานะเกินไป ก็เป็นการทดสอบหัวใจอาจารย์จริงๆ
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วยกนิ้วโป้งไปทางฉู่หลิวเยว่พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า
“เยว่เออร์ เจ้าจัดการได้อย่างงดงามจริงๆ! สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของข้าหนานซู่ไหวผู้นี้! กลับไปเจ้าต้องเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์ฟังอย่างชัดเจน ว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่!”
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับ
“เจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าสองศิษย์อาจารย์ดูท่าทางมีความสุข ลั่วเหยี่ยนรู้สึกว่าเส้นฟางที่อยู่ในสมองของเขาตึงขึงมากขึ้น!
ตอนนี้มันเป็นเวลาอันใดกัน คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาพูดคุยเรื่องเหล่านี้?
คนเหล่านี้…จะรังแกกันเกินไปแล้ว!
อีกฝ่ายไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย!
“ทุกอย่างเป็นเพียงคำพูดจากฝ่ายเจ้าเท่านั้น! จะสามารถเชื่อถือได้อย่างใด!”
ในที่สุดเขาก็อดทนต่อไปไม่ไหว และตำหนิขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
เสียงนั้นก็ได้เตือนสติหนานซู่ไหวว่าที่แห่งนี้ยังมีผู้อื่นอยู่
เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“สิ่งที่พวกเจ้าพูดมาเมื่อครู่นี้ไม่มีความจริงเลย? แล้วเหตุใดพวกเราถึงจะต้องเชื่อพวกเจ้าด้วย?”
คำพูดนี้ทำให้การเจรจาของพวกเขาทั้งสองเข้าสู่ทางตันอีกครั้ง
…
หนานอีอีกัดริมฝีปากแน่น
นางคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องมันจะมาถึงขนาดนี้
นางเพียงต้องการจัดการซั่งกวนเยว่เท่านั้นเองไม่ใช่หรือ?
เหตุใดถึงยากลำบากขนาดนี้?
ตอนนี้แค้นยังไม่ทันได้แก้ อีกทั้งยังดึงอาลั่วเหยี่ยนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแล้วด้วยซ้ำ
นางไม่โง่
เหมือนว่าท่านอาลั่วเหยี่ยนจะหวาดกลัวชายชราที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันผู้นี้มาก
ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางระงับอารมณ์โมโหของตนเอง และพูดออกมาด้วยท่าทางเกรงใจเช่นนั้นแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำข้อตกลงกันได้
หนานอีอีเหลือบสายตามองลั่วเหยี่ยนอย่างรวดเร็ว
จากประสบการณ์ของนาง เรื่องนี้ไม่สามารถเป็นไปตามอย่างที่นางหวังได้แน่นอน…
แต่นางไม่ยินยอม!
หนานอีอียื่นมือออกมา แล้วจับที่แขนเสื้อของลั่วเหยี่ยนและกดน้ำเสียงให้ทุ้มต่ำ
“ท่านอาลั่วเหยี่ยน…ของสิ่งนั้นยังอยู่ที่ตัวนาง…”
ลั่วเหยี่ยนตกใจอย่างมาก แล้วหันกลับมามองหน้านาง
“จริงหรือ?”
หนานอีอีเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้าขึ้นลง
“ข้าจะเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นได้อย่างใด? ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสอูเผิงเคยใช้แผ่นจานซิงหลัวตรวจสอบมาก่อนแล้ว ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นหลังจากที่พวกเราจากมาแล้วก็คงไม่กลับไปอีก…”
แววตาของลั่วเหยี่ยนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็หันมามองฉู่หลิวเยว่
เดิมทีเขาอยากจะพูดคุยกับนางอย่างสันติ ท้ายที่สุดแล้วหนานซู่ไหวก็ไม่ใช่คนที่สามารถยั่วโทสะได้
แต่…หากเป็นจริงดั่งที่หนานอีอีพูด เกรงว่าเรื่องคงจะต้องพิจารณากันอีกครั้ง…
…
แม้ว่าน้ำเสียงของหนานอีอีจะเบามาก แต่คนที่อยู่ที่แห่งนี้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ทุกคนสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน
ในแววตาของฉู่หลิวเยว่มีความเหนื่อยล้าและหมดความอดทนอยู่หลายส่วน
พวกเขาไม่รู้สึกรำคาญ แต่นางรำคาญแล้ว
“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังมองหาอันใดอยู่ แต่ข้าไม่มีของสิ่งนั้น ตอนนี้พวกเจ้าจะขอโทษ หรือว่าจะสู้ก็เลือกมาสักอย่าง!”
เมื่อมีหนานซู่ไหวอยู่ โอกาสชนะของพวกเขาก็มากขึ้น ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกกลัวหากจะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้น
หนานซู่ไหวขมวดคิ้วขึ้น
“นางหนูเยว่เออร์ พวกเขากำลังพูดอันใดน่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
หากนางรู้ นางจะมาเล่นทายปริศนากับพวกเขาอยู่เหตุใด
หลังจากผ่านไปสักพัก ลั่วเหยี่ยนก็สาวเท้าขึ้นมาด้านหน้า
“ข้ามีข้อเสนอ ซั่งกวนเยว่ หากเจ้ายอมให้ข้าค้นตัว และเมื่อของสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในตัวเจ้า ข้าจะทำการขอโทษเจ้าในทันที อีกทั้งยังจะมอบของขวัญให้หนึ่งอย่างเพื่อแทนคำขอโทษ แต่ถ้าเจ้าไม่ยินยอม เช่นนั้น…เกรงว่าเรื่องในวันนี้จะต้องใช้เวลาอีกนานแล้ว”
คำพูดนี้ส่วนหนึ่งเป็นการขอความคิดเห็น อีกส่วนเป็นการข่มขู่
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น ภายในใจมีความไม่ยินดีปรากฏ
สีหน้าของหนานซู่ไหวเย็นลงหลายส่วน
“ลั่วเหยี่ยน…”
“ตกลง”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หลังจากนั้นครุ่นคิดถึงข้อเสนอนี้อย่างละเอียดแล้ว นางก็รู้สึกว่าตนเองไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
อีกทั้งพวกเขายังมีอาจารย์อยู่ พวกเขาต้องมีโอกาสชนะมากกว่าแน่นอน
แต่ภูมิหลังของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา หากต้องฉีกหน้าอีกฝ่ายจริงๆ เกรงว่าเรื่องนี้จะจัดการอย่างยากลำบาก
หากสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย มันจะต้องเป็นเรื่องที่ดีมากแน่นอน
นางเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว
“เชิญเจ้าค่ะ…”
……….