ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1699 หนึ่งในหมื่น
ตอนที่ 1699 หนึ่งในหมื่น
……….
หัวใจของฉู่หลิวเยว่แข็งทื่อ และตื่นตัวขึ้นมาในทันที!
เสียงฉินนี้น่ากลัวขนาดไหนนางรู้ดี
ในตอนนั้น นางที่อยู่ด้านนอกกำแพงได้ยินแล้วยังอาเจียนออกมาเป็นเลือด แล้วยิ่งตอนนี้ล่ะ?
ระยะห่างของทั้งสองคนอยู่ใกล้กันขนาดนี้ มีสิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้คือ อดทนยอมรับมัน!
ยิ่งไปกว่านั้นจากที่ผู้อาวุโสอาจิ่งพูด ถ้านางต้องการผสานหนังสือเพลงฉินทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันแล้ว ต้องเข้าใจในบทเพลงนี้
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และสงบสติของตนเองลง
จากนั้นท่ามกลางเสียงฉินที่ดังสนั่น นางจึงยกมือขึ้นและคว้าหนังสือเล่มนั้นเอาไว้
แต่เมื่อปลายนิ้วของนางเพิ่งจะสัมผัสด้านข้างของหนังสือโปร่งใส มันก็บินลอยออกไปในทันที!
พรึ่บ!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมองในทันที จากนั้นนางก็เห็นว่ากระดาษโปร่งใสจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า!
…คาดไม่ถึงว่าหนังสือเล่มนั้นจะกระจายออกไปเช่นนี้!
แต่ในตอนนั้นเองนางก็เห็นว่าแผ่นกระดาษที่โปร่งแสงมีแสงสว่างจางๆ แผ่กระจายออกมาด้วย!
พวกมันปลิวกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ จนแทบจะอยู่ทั่วทุกมุมของพื้นที่แห่งนี้
ฉู่หลิวเยว่หันไปมอง ทั่วบริเวณมีแสงส่องประกาย และแสงนั้นก็สว่างเจิดจ้าอย่างมาก!
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในทันที
“ความจริงแล้วหนังสือเพลงฉินเล่มนี้ มีเพียงกระดาษสามหน้าเท่านั้น แต่ภายในหนังสือเล่มนั้นจะมีแผ่นจริงอยู่เพียงแผ่นเดียว ที่เหลือเป็นของปลอม หากเจ้าต้องการรวบรวมเนื้อเพลงฉินสองส่วนให้สมบูรณ์ ขั้นแรกเจ้าจะต้องหาเนื้อเพลงที่แท้จริงหนึ่งแผ่นจากหนึ่งหมื่นออกมาให้ได้เสียก่อน”
น้ำเสียงของอาจิ่งยังคงผ่อนคลาย แต่เมื่อกระทบเข้ากับโสตประสาทของฉู่หลิวเยว่นางกลับรู้สึกตกใจเหมือนมีฟ้าผ่ากลางศีรษะ! นางตกใจจนแทบจะเป็นบ้า!
ภายในกระดาษนับหมื่นใบ มีเพียงของจริงแค่ใบเดียว?
แล้วแบบนี้นางจะต้องหาไปถึงเมื่อใด
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ…นางจะรู้ได้อย่างใดว่าใบไหนของจริงใบไหนของปลอม!
“อ่า ความจริงแล้วเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้ามีเนื้อเพลงฉินแผ่นนั้นอยู่ อีกทั้งมันก็ยอมรับเจ้าเป็นเจ้านายแล้ว หากจะให้หาแผ่นที่สอง ก็เป็นเรื่องง่ายอย่างมาก เพียงแต่ว่าเนื้อเพลงฉินเหล่านั้นมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก ดังนั้นเจ้าจะต้องดูให้ดี”
“เนื้อเพลงฉินเหล่านี้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นของปลอม แต่การอ่านทีละแผ่นก็จำเป็นต้องใช้สมาธิและพลังปราณดั้งเดิมจำนวนมาก ด้วยฝีมือของเจ้าในตอนนี้…สามวันน่าจะอ่านจบหนึ่งแผ่น”
นั่นเหตุผลว่าเหตุใดเขาถึงบอกว่าต้องใช้เวลาร้อยกว่าปี
หนังตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกอย่างรุนแรง
สามวันหนึ่งแผ่น…แต่ที่แห่งนี้มีกระดาษหมื่นกว่าใบ!
ไม่มีใครรู้ว่านางจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า นี่เป็นเพียงแค่ “ก้าวแรก” เท่านั้น!
เมื่อเผชิญหน้ากับความเงียบ อาจิ่งจึงครุ่นคิดแล้วพูดปลอบใจว่า
“ไม่เป็นไรหรอก อ่านไปนานๆ ก็จะรู้สึกคุ้นเคย และความเร็วในการอ่านก็จะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน”
ดูจากสถานะและนิสัยของเขาแล้ว สามารถทำให้เขาพูดปลอบใจเช่นนี้ได้ ถึงเป็นเรื่องที่ยากมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉู่หลิวเยว่เป็นผู้สืบทอดเนื้อเพลงฉินนี้เพียงคนเดียว เขาไม่มีความอดทนมอบให้ขนาดนี้แน่นอน
แต่เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านี้ไม่ใช่คำพูดปลอบใจฉู่หลิวเยว่
นางหลับตาลงแล้วนวดขมับของตนเอง หลังจากเงียบไปสักพัก ในที่สุดนางก็ยอมรับความจริง
ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้หันหลังกลับไปก็คงไม่ได้
เช่นนั้น…ก็หวังว่านางจะทำสำเร็จได้โดยเร็ว!
จากนั้นนางก็ใช้ความคิดดึงกระดาษแผ่นนั้นที่เป็นของนางเองกลับเข้าสู่ในร่างกาย
อาจจะเป็นเพราะว่ามันสามารถสัมผัสได้ถึงเนื้อเพลงฉินแผ่นที่สอง ครั้งนี้มันจึงไม่ได้กลับคืนสู่สภาพไข่มุกธารา ยังคงอยู่ในสภาพกระดาษเช่นเดิม และลอยอยู่ในตันเถียนของนางอย่างนิ่งเงียบ
ลำแสงสว่างแว๊บๆ คลื่นพลังพวยพุ่ง!
ฉู่หลิวเยว่ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็ยื่นมือไปด้านหน้า
กระดาษโปร่งใสแผ่นหนึ่งร่วงหล่นที่กลางฝ่ามือของนาง
แผ่นที่หนึ่ง!
ในขณะเดียวกัน เสียงฉินนั้นก็ดังขึ้นกระทบโสตประสาทของนางอย่างชัดเจน!
พร้อมกับจิตสังหารเข้มข้น!
…
เทือกเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปหมื่นลี้ ทิวเขาทอดยาวต่อกัน ล้อมรอบด้วยเมฆหมอก
พลังแห่งสวรรค์และโลกหนาแน่น ทำให้มีกลิ่นอายของความเป็นเซียนเพิ่มขึ้นหลายส่วน
โดยเฉพาะยอดเขาสูงชันที่สุดที่อยู่ตรงกลาง ภูเขาสูงชันตั้งตระหง่าน เมื่อมองไปแล้วก็เหมือนกับแดนสวรรค์จริงๆ
บนภูเขามีบันไดทอดยาวจากชั้นล่างไปถึงส่วนยอด
บริเวณเป็นยอดเขามีซุ้มประตูที่สร้างจากหิน
แผ่นไม้อันหนึ่งแขวนอยู่ด้านบน
…ยอดเขาอู๋โก้ว!
ที่แห่งนี้คือ สิบแปดยอดเขาตระกูลหนาน ซึ่งเป็นที่อาศัยของผู้อาวุโสสูงสุด!
คนสำคัญแทบจะทั้งหมดของตระกูลหนานมารวมตัวอยู่ที่นี่
คนธรรมดาทั่วไปไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้ที่แห่งนี้ด้วยซ้ำ อย่าพูดถึงเรื่องที่จะได้ขึ้นไปด้านบนเลย
บนยอดเขาอู๋โก้ว มีบ้านเรือนจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งผู้อาวุโสของตระกูลหนานก็อาศัยอยู่ที่นี่ทั้งหมด
บนยอดเขาสูงสุดมีอาคารที่งดงามตระการตาอยู่หลังหนึ่ง
คนผู้นี้คือประมุขของตระกูลหนาน…หนานอีฝาน!
เขาอายุประมาณสี่สิบกว่า แม้ว่าบนใบหน้าจะมีร่องรอยแห่งกาลเวลา แต่ก็ยังเห็นความหล่อเหลาในวัยเยาว์ของเขาได้หลายส่วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาสวมชุดคลุมสีม่วงทั้งร่าง อีกทั้งความสง่างามของเขา ทำให้เขาดูสูงส่งมากยิ่งขึ้น
เขายืนอยู่ด้านนอกนี้ พร้อมเอามือไพล่หลังพร้อมทอดสายตามองออกไป เหมือนกับกำลังรอคอยอันใดบางอย่าง
“ท่านประมุข คุณชายใหญ่และคุณหนูรองยังไม่ส่งข่าวคราวใดๆ กลับมาเลย เกรงว่าวันนี้รอต่อไปก็ไม่มีผล ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนดีหรือไม่?”
ด้านหลังของหนานอีฝาน มีชายชราผู้หนึ่งที่เป็นบ่าวรับใช้พูดเกลี้ยกล่อมอยู่
“เข้าใจแล้ว”หนานอีฝานพยักหน้า
“ครั้งนี้พวกเขาเดินทางไปนานมาก ข้ายังคงรู้สึกคิดถึงนังหนูอีอีอยู่เล็กน้อย”
หากนับไปแล้ว ก่อนหน้านี้อีอีไม่เคยต้องจากเขาไปนานขนาดนี้มาก่อนเลย
“ไม่รู้ว่า…ทางด้านนั้นราบรื่นดีหรือไม่?”
ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก เขาจึงอดเป็นห่วงไม่ได้
บ่าวชราผู้นั้นยิ้มออกมา แววตาเหมือนผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย
“มีคุณชายใหญ่และผู้อาวุโสทั้งสองอยู่ ท่านประมุขไม่จำเป็นต้องกังวล ยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูรองยังฉลาดมีไหวพริบ สำหรับคุณหนูรองแล้วภารกิจที่ท่านมอบหมายให้มันก็เป็นเรื่องง่ายดายไม่ใช่หรือ? ท่านได้โปรดวางใจเถอะ”
เมื่อได้ยินเขาพูดดังนี้แล้ว ใบหน้าของหนานอีฝานก็เผยรอยยิ้มภาคภูมิใจออกมาหลายส่วน
เขามีลูกสาวเพียงคนเดียว ใบหน้างดงาม พรสวรรค์ล้ำเลิศ ดังนั้นเขาจึงรักและเอ็นดูนางมาก
หายากมากที่เขาจะบังคับหนานอีอีอย่างเช่นครั้งนี้
แต่ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เพื่อผลประโยชน์ของนางเอง
แม้ว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะไม่พอใจเขา แต่หลายปีผ่านไป หลังจากที่นางโตขึ้น นางน่าจะเข้าใจถึงความเพียรพยายามของเขา
“ข้าหวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น!”
หนานอีฝานพูดขึ้น และถอนสายตากลับมาก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้อง
แต่เมื่อเขาเพิ่งเดินออกไปเพียงหนึ่งก้าว ทันใดนั้นเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง สีหน้าจึงเปลี่ยนไปในทันที!
บ่าวชราที่อยู่ด้านข้างก็สามารถจับความผิดปกติได้ในทันที แล้วถามขึ้นว่า
“ท่านประมุข เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
เขาติดตามหนานอีฝานมาหลายปี น้อยครั้งมากที่จะเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเช่นนี้
สองมือของหนานอีฝานกำหมัดกรอด ในแววตาเหมือนมีระลอกคลื่นลูกใหญ่
“เหตุใดลมปราณของท่านจึงหายไปอย่างกะทันหันล่ะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง สีหน้าของบ่าวชราก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างใด?”
หนานอีฝานรีบผลักประตูเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว! ชายชราผู้นั้นติดตามไปในทันที และรีบลงกลอนประตู
หลังจากเข้ามาด้านในแล้ว หนานอีฝานก็หยิบจี้หยกแผ่นหนึ่งออกมา
ในนั้นมีประกายแสงทั้งสี่ลอยละล่องอยู่