ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1702 ทางตัน
ตอนที่ 1702 ทางตัน
……….
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกมาเช็ดคราบเลือดนั้นอย่างไม่ใส่ใจ
ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ได้ละสายตาไปจากเนื้อเพลงฉินแผ่นนั้นเลย
แม้ว่าจะเจ็บปวด แม้ว่าจะยากลำบาก แต่นางก็รู้ว่านี่คือเส้นทางที่นางเลือก
นางพูดไปแล้วก็จะต้องทำต่อไปให้ได้!
ในที่สุดนางก็อ่านกระดาษที่อยู่ในมือจนจบ
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
นี่ก็ยังไม่ใช่
แต่ใบหน้าของนางไม่มีความผิดหวังเลยแม้แต่น้อย นางขยำกระดาษใบนั้น จากนั้นก็ทิ้งลงไปที่พื้น
ทันทีที่นางอ่านจบ แสงส่องประกายที่อยู่ด้านบนนั้นก็จางหายไป ตอนนี้มันนอนกองอยู่เงียบๆ ซึ่งไม่ได้ต่างอันใดจากขยะเลย
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกมาหยิบกระดาษแผ่นใหม่โดยไม่ลังเล จากนั้นก็อ่านต่อไป
ความจริงแล้วนางพลิกอ่านกระดาษทั้งหมดอย่างคร่าวๆ มาแล้วหนึ่งรอบ
ความหวังเดียวของนางในตอนนี้คือ สามารถอ่านได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นางไม่อยากออกไปแล้วพบว่า เวลาด้านนอกได้ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว
ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในสมองของนางเพียงครู่เดียว จากนั้นนางก็รีบระงับมันลงไปด้วยความรวดเร็ว!
เสียงฉินยังดังอย่างต่อเนื่อง!
การฝึกฝนยังคงไม่จบสิ้น!
…
“พี่ใหญ่? อาลั่วเหยี่ยน? ผู้อาวุโสอูเผิง? ผู้อาวุโสไป๋ถง?”
ภายในพื้นที่คับแคบและดำมืด ขาข้างหนึ่งของหนานอีอีก็อ่อนยวบ นางทรุดตัวคุกเข่า ตระกองกอดตนเองไว้
ความสิ้นหวังในส่วนลึกพวยพุ่งขึ้นมาในใจ แล้วค่อยๆ กลืนกินนางเข้าไป
ไม่มีเสียงตอบรับ
ยังคงไม่มีเสียงตอบรับเลย!
นางจำไม่ได้แล้วว่าตนเองอยู่ที่นี่มานานเท่าไร แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็ไม่สามารถหาทางออกจากที่นี่ไปได้
นางไม่รู้ว่านางตะโกนเรียกผู้อื่นไปแล้วกี่รอบ ลำคอของนางแหบแห้งไปหมดแล้ว แต่นางก็ยังไม่ได้รับคำตอบกลับใดๆ มา
เหมือนว่าที่นี่นอกจากนางแล้ว จะไม่มีคนอื่นอยู่เลย
รอบข้างเงียบสงัดจนน่ากลัว เงียบจนนางสามารถได้ยินเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจเต้นของตนเอง
ซึ่งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
หาก…นางถูกกักขังอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต นางควรจะต้องทำอย่างใด?
นางยังไม่อยากตายนะ!
ในที่สุดหนานอีอีก็อดทนต่อไปไม่ได้แล้ว ก่อนจะสะอึกสะอื้นออกมาเสียงต่ำ
อีกทั้ง ความเคียดแค้นภายในใจของนางที่มีต่อฉู่หลิวเยว่ฝังลึกขึ้นหลายชั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นางคนนั้น นางจะมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างใด?
เดิมทีนางคิดว่าทุกอย่างจะราบรื่น แต่เมื่อมาเจอกับอีกฝ่าย นางก็ดวงซวยอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งในตอนนี้ ชีวิตของนางยังต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว!
ไม่รู้ว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่แบบใด หลังจากที่ถูกกลืนกินมาที่นี่ นางก็ขาดการติดต่อกับคนอื่นทันที
แต่ประเด็นสำคัญกว่านั้น…แม้กระทั่งข้อความขอความช่วยเหลือนางก็ไม่สามารถส่งออกไปได้!
เกรงว่าตอนนี้ความหวังเดียวของนางก็คือท่านพ่อแล้ว!
แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น แม้กระทั่งนางเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถยืนหยัดต่อไปได้หรือไม่
นางร้องไห้มาได้สักพักหนึ่ง หนานอีอีก็รู้สึกเหนื่อยล้า จากนั้นก็นั่งลงที่พื้น
นางเพิ่งได้นั่งลง แต่นางก็สัมผัสได้ว่าที่ด้านล่างเหมือนมีอันใดบางอย่างอยู่
นางตกใจเป็นอย่างมาก กรีดร้องเสียงแหลมแล้วกระโดดตัวสะดุ้งโหยง!
“กรี๊ด…”
เมื่อเสียงกรีดร้องหวีดแหลมดังขึ้นในพื้นที่อันเงียบสงัดทำให้เกิดเสียงสะท้อน จึงทำให้น่ากลัวมากขึ้นเป็นพิเศษ
หนานอีอีรีบปิดปากของตนเองทันที พร้อมเบิกตากว้างมองพื้นอย่างตื่นตระหนก
หลังจากมองเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าสิ่งนั้นคืออันใด นางก็สูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอด และเบิกตากว้างขึ้นทันที
คาดไม่ถึงว่า…มันจะเป็นกระดูกท่อนหนึ่ง!
เพราะว่าโครงกระดูกส่วนใหญ่ถูกฝังอยู่ในพื้น อีกทั้งส่วนที่เผยออกมาก็เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เหมือนว่าตรงกลางจะถูกหักไป ดังนั้นหนานอีอีจึงไม่สามารถระบุได้ว่ากระดูกส่วนนี้เป็นส่วนใด
มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถมั่นใจได้ นี่จะต้องเป็นโครงกระดูกของผู้บำเพ็ญเพียรสักคนอย่างแน่นอน
อีกทั้ง…
โครงกระดูกนี้ขาวแวววาว แค่มองก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้จะต้องมีระดับพลังไม่ต่ำต้อย
แต่หนานอีอีในตอนนี้จะสนใจเรื่องเหล่านั้นที่ไหนกัน?
นางจ้องมองโครงกระดูกนั้นตาเขม็ง ภายในใจสับสน ความคิดในสมองว้าวุ่นจนกลายเป็นแค่ก้อนแป้งเปียก
ที่แห่งนี้จะมีโครงกระดูกได้อย่างใด?
แล้วก่อนหน้านี้เหตุใดนางถึงไม่ได้สังเกตมาก่อนเลย!
และไม่รู้ว่าโครงกระดูกนี้เป็นของใครกันแน่ ก่อนหน้านี้นางเดินทางอยู่ในสุสานสังหารเทพเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นโครงกระดูกสีขาวแบบนี้เลยแม้แต่ครึ่งท่อน เหตุใดตอนนี้ถึง…
ช้าก่อน!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในที่สุดสมองของหนานอีอีก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันที
ไม่ถูกต้อง!
ที่แห่งนี้จะต้องมีปัญหาแน่นอน!
ก่อนหน้านี้นางกับพี่ใหญ่เดินทางในสุสานสังหารเทพทั้งวันทั้งคืน อีกทั้งเดินทางมาไกลขนาดนี้ นอกจากป้ายหลุมศพที่แตกหัก ก็ไม่มีอย่างอื่นอยู่เลย
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบโครงกระดูกภายในสุสานสังหารเทพ!
แต่…เหตุใดมันถึงปรากฏขึ้นที่นี่ล่ะ?
นางจ้องโครงกระดูกนั้นอยู่สักพัก ในที่สุดก็เดินไปด้านหน้าสองก้าวอย่างอดไม่ได้
ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนแรงและแหบพร่าดังกระทบโสตประสาทของนาง
“ปล่อยข้าออกมา ข้าสามารถพาเจ้าออกจากที่นี่ได้”
หัวใจของหนานอีอีเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง
นางรีบเดินถอยหลังไปสองก้าว ท่าทางเหมือนกับเห็นผี แล้วจ้องไปที่โครงกระดูกนั้นตาเขม็ง
นางมั่นใจว่า เสียงเมื่อครู่นี้ที่นางได้ยินมันดังมาจากด้านล่าง!
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร!”
เพราะว่าความหวาดกลัว ทำให้น้ำเสียงของนางสั่นสะท้านอย่างมาก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เจ้ารู้เพียงแค่ว่าข้าสามารถช่วยเจ้าออกจากที่แห่งนี้ได้ก็พอแล้ว ข้อตกลงนี้เจ้าจะทำหรือไม่ทำ?”
น้ำเสียงนี้ราบเรียบจนน่ากลัว แต่กลับมีพลังให้ผู้คนคล้อยตามโดยไม่รู้ตัว
หนานอีอีพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเองลง
“ข้า ถ้าข้าช่วยเจ้าแล้ว เจ้าจะรับประกันหรือไม่ว่าหลังจากออกไปแล้ว เจ้าจะไม่ทำร้ายข้า?”
เหมือนว่าน้ำเสียงนั้นจะหัวเราะหนึ่งเสียง
“เจ้าไม่มีค่าพอให้ข้าลงมือด้วยตนเอง”
จากน้ำเสียงนั้น เหมือนว่าเขาจะไม่เห็นหนานอีอีอยู่ในสายตาเลย
หนานอีอีรู้สึกโกรธและโมโหเป็นอย่างมาก แต่ไม่กล้าแสดงอารมณ์
เพราะเมื่อครุ่นคิดแล้ว คนผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“ในเมื่อเจ้าไม่เห็นค่าอยู่ในสายตา แล้วเหตุใดต้องขอร้องให้ช่วยเหลือด้วย?”
อีกฝ่ายเงียบไปสักพักหนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า
“นั่นก็เป็นเพราะว่า…เจ้าช่วยข้าได้ เจ้าสามารถหยิบสิ่งที่ห้อยคอของเจ้าอยู่มาใช้การได้”
หัวใจของหนานอีอีเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง และเอามือกุมสร้อยที่อยู่บนคอโดยไม่รู้ตัว
ของสิ่งนี้มีเพียงพี่ใหญ่และท่านพ่อเท่านั้นที่รู้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถมองออกได้ในทันที?
เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่านางกำลังลังเลอยู่ เขาจึงพูดต่อว่า
“เจ้าก็รู้ว่า หากไม่มีการช่วยเหลือจากข้า ต่อให้เจ้าติดอยู่ที่นี่ร้อยปี เจ้าก็ไม่สามารถออกไปได้แน่นอน”
ในที่สุดคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้หนานอีอีตัดสินใจได้
นางกัดฟันกรอด
“ได้! ข้าจะช่วยเจ้า! แต่ว่าเจ้าต้องสัญญามาก่อน และเจ้าจะต้องรักษาสัญญาให้ดี!”
เมื่อพูดจบนางก็ถอดสร้อยคล้องคอออกมา
เมื่อดูอย่างผิวเผินแล้วสร้อยเส้นนี้ก็ดูเหมือนเป็นสร้อยเงินธรรมดา หากมองอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าสร้อยนี้ตกแต่งด้วยหินทับทิมขนาดเล็กเท่าเล็บมือ
สีแดงสดใส และบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
ต่อให้คนธรรมดาทั่วไปมอง ก็จะคิดว่านี่เป็นเพียงจี้ทับทิมธรรมดาเท่านั้น
หนานอีอีวางทับทิมเม็ดนั้นลงบนกลางฝ่ามือ จากนั้นก็หลับตาลง
หลังจากผ่านไปสักพักก็มีสัญลักษณ์ปรากฏขึ้นที่กลางระหว่างคิ้วของนาง
ดาบสั้นเล่มหนึ่งลอยออกมาจากจี้ทับทิมอย่างกะทันหัน!
ทั่วทั้งร่างเป็นสีหิมะสว่าง แหลมคมอย่างยิ่ง!
หนานอีอีกำกระบี่สั้นแล้วแทงลงที่พื้นอย่างแรง!
บนพื้นมีร่องรอยลึก รอยหนึ่งปรากฏขึ้น!
แต่หนานอีอีก็ยังไม่หยุดการกระทำ
หลังจากผ่านไปสักพัก พื้นที่บริเวณโดยรอบโครงกระดูกขาวก็ถูกคลายออกจนหมด
พรึ่บ!
โครงกระดูกขาวพุ่งตัวขึ้นมาทันที!
……….