ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1703 กอดขาใหญ่
ตอนที่ 1703 กอดขาใหญ่
……….
หนานอีอียังไม่ทันได้ตอบสนอง แต่กลับสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่พุ่งเข้ามา!
จากนั้นร่างกายของนางก็พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่สามารถควบคุมได้!
ตอนนั้นเองความมืดมิดตรงหน้าของนางก็มีลำแสงสีขาวตัดผ่าน!
นางหลับตาลงในทันที
ทันใดนั้นร่างของนางก็ล้มลงกระแทกพื้น!
…
ด้านนอกป่าวิญญาณสีชาด
ท่ามกลางความว่างเปล่า ทันใดนั้นก็มีระลอกคลื่นหลายสายปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเงาร่างหลายเงาก็เดินออกมาจากกึ่งกลาง!
คนแรกสวมชุดคลุมสีม่วงทั้งร่าง ใบหน้าตึงเครียด เขาคือประมุขแห่งตระกูลหนาน…หนานอีฝาน!
ด้านหลังของเขามีผู้อาวุโสสี่คนติดตามมา
ทันทีที่มาถึง หนานอีฝานก็กวาดสายตาโดยรอบอย่างรวดเร็ว พร้อมเลิกคิ้วกระบี่ขึ้น
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณของหนานอีอีและคนอื่นๆ
หลังจากมองดูอยู่สักพัก เขาก็สาวเท้ามุ่งหน้าไปสถานที่แห่งหนึ่งของป่าวิญญาณสีชาด
“พวกเขาน่าจะเดินทางจากจุดนี้เพื่อเข้าไปในป่าวิญญาณสีชาด”
ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านหลังรีบติดตามมา
เพราะพวกเขารู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงหนานอวี่สิงและหนานอีอี ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าพูดอันใดต่อหน้าหนานอีฝานมากนัก
อีกฝ่ายพูดอันใด เขาก็คล้อยตามนั้น
พวกเขาหลายคนรีบพุ่งตัวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
อย่างใดก็ตามตอนที่หนานอีฝานและคนอื่นๆ กำลังจะเดินเข้าไป ทันใดนั้นเองด้านหลังของเขาก็มีระลอกคลื่นหนึ่งปรากฏขึ้น!
พวกเขารีบหันกลับไปมองทันที ขณะเดียวกันก็ตั้งแง่ระมัดระวัง…ในเวลานี้ยังจะมีใครมาที่สุสานสังหารเทพอีก?
อีกทั้งพวกเขายังเลือกมาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันด้วย!
รอยแตกร้าวสีดำของมิติถูกฉีกออกในทันที!
จากนั้นเงาร่างทั้งสองก็เดินออกมา คนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งตามหลัง!
หลังจากที่เห็นใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว หนานอีฝานก็ชะงักไปเล็กน้อย
นี่มัน…
ประมุขอี้เจากับผู้อาวุโสอี้อวี่ ผู้อาวุโสลำดับที่ห้าแห่งเผ่าหงส์ทองคำไม่ใช่หรือ?
เผ่าหงส์ทองคำแทบจะไม่ติดต่อกับพวกมนุษย์ไม่ใช่หรือ แต่ที่หนานอีฝานสามารถรู้เห็นฐานะของอีกฝ่ายได้ทันทีตั้งแต่สบตา นั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้เคยมีวาสนาพบหน้าพวกเขามาก่อน
แม้ว่าจะได้เจอกันเพียงครู่เดียว แต่เขาก็ยังจำได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เขาจึงนึกออกได้ในทันที
หนานอีฝานถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็มีคำถามเพิ่มขึ้นมาแทน
เหตุใดพวกเขาถึงมาที่แห่งนี้ได้?
ไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสอี้อวี่เลย น้อยครั้งมากที่อี้เจาจะออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
คาดไม่ถึงว่าวันนี้…เขาจะมาปรากฏตัวที่ด้านนอกของป่าวิญญาณสีชาดแห่งสุสานสังหารเทพ ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็ทำให้ผู้คนคิดไม่ตกเลย
แต่ไม่ว่าในใจของเขาจะรู้สึกสงสัยมากเท่าใด ก็ยังต้องรักษาใบหน้าเอาไว้เช่นเดิม
หนานอีฝานรีบปรับสีหน้าของตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสาวเท้าก้าวขึ้นไปหนึ่งก้าว พร้อมประสานมือด้วยความเคารพ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ฮ่าๆ นี่มันประมุขอี้เจาไม่ใช่หรือ? ลมอันใดหอบท่านมาถึงที่นี่ได้?”
เมื่อเปรียบเทียบ “ความกระตือรือร้น” ของทั้งสองฝ่ายแล้ว ท่าทางของอี้เจาดูเหมือนจะเย็นชากว่ามาก
เขาเหลือบสายตามมามองหนานอีฝานเพียงเล็กน้อย ก็จะถอนสายตากลับไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเขาไม่เห็นใครยืนอยู่ตรงนั้นเลย เขาหันหน้ากลับไปแล้วพูดกับผู้อาวุโสอี้อวี่ว่า
“พวกนางน่าจะเข้าไปจากทางนี้”
ผู้อาวุโสอี้อวี่พยักหน้า
ลมปราณของถวนจื่อ พวกเขาไม่มีทางจำผิดแน่นอน
เพียงแต่ว่า…เหตุใดถึงมาเจอคนของตระกูลหนานที่นี่ได้?
เขาเหลือบสายตาหันไปมอง แต่ไม่ได้ตอบรับคำพูดของหนานอีฝาน
…ล้อเล่นน่า ท่านประมุขไม่เคยไว้หน้าพวกมนุษย์อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้เกิดเรื่องกับถวนจื่อ ยิ่งต้องรีบเร่งทำเวลามากกว่าเดิม
เขายังจะมีแก่ใจมาทักทายหนานอีฝานอยู่หรือไง?
เมื่อเห็นท่าทีของอี้เจาและอี้อวี่ หนานอีฝานก็มีสีหน้าย่ำแย่อย่างมาก
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งค้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้ว เขาก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้
หลายปีผ่านมาขนาดนี้ อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลสองชนิด ต่อให้ดวงตาไม่ได้งอกกลางศีรษะ แต่ท่าทางของเขาก็หยิ่งผยองอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทางเช่นนี้ก็ต้องยอมรับ
หนานอีฝานมีฐานะสูงส่ง ฝีมือก็แข็งแกร่ง
หลายปีที่ผ่านมานี้เขาแทบจะไม่ต้องมองสีหน้าของคนอื่น
แต่ในตอนนี้ เขาต้องการจะสานสัมพันธ์ไมตรีกับผู้อื่น แต่กลับถูกรังเกียจ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง
หากเป็นคนอื่น ไม่แน่ว่าคนพูดนั้นอาจจะนอนกองอยู่ที่พื้นแล้ว
แต่เผอิญว่าอีกฝ่ายคืออี้เจา
ที่ไม่สามารถยั่วโมโหได้
หนานอีฝานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และทำเป็นเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น ก่อนจะถามต่อว่า
“ประมุขอี้เจา ก็มาตามหาคนเหมือนกันหรือ?”
คำพูดนี้ดึงดูดความสนใจของอี้เจาได้แล้ว
เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เหมือนกัน?”
ท่าทางของหนานอีฝานตึงเครียด และพูดอันใดไม่ออกไปชั่วขณะ คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดคำว่า “เหมือนกัน” ออกไป
แต่เมื่อพิจารณาถึงฐานะของอีกฝ่าย และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามใดๆ
ต่อให้พวกเขารู้แล้วอย่างใดเล่า?
หรือว่าอี้เจาจะเข้าไปยุ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกมนุษย์?
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก หนานอีฝานก็พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ลูกสาวของใครได้เดินทางมาที่สุสานสังหารเทพ แต่วันนี้ข่าวคราวของนางก็เงียบหายไป ข้าจึงรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากและรีบมาตามหาด้วยตนเอง”
เขาพูดถึงเพียงแค่หนานอีอี แต่ไม่ได้กล่าวถึงหนานอวี่สิงและคนอื่นๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก หากข่าวของหนานอวี่สิงแพร่กระจายออกไป เกรงว่าตระกูลหนานคงจะต้องวุ่นวายแล้ว
ไม่อย่างใดก็ตามทุกคนก็รู้ว่าเขารักและเอ็นดูหนานอีอีที่เป็นบุตรสาวอย่างมาก ดังนั้นการที่จะมาตามหานางถึงที่นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
ในแววตาผู้อาวุโสอี้อวี่มีประกายความเข้าใจ แต่ไม่ได้ตอบรับอันใด
หนานอีฝานยังคงถามต่อว่า
“ไม่ทราบว่าท่านทั้งสอง…ต้องการมาตามหาใครหรือ? สุสานสังหารเทพกว้างใหญ่ขนาดนี้ อีกทั้งยังอันตรายอย่างมาก หากพวกเราร่วมมือกัน ไม่แน่ว่าอาจจะหาพวกเขาพบได้เร็วขึ้นก็ได้นะขอรับ?”
ถูกต้อง เขาก็แค่อยากร่วมมือกับอี้เจาและผู้อาวุโสอี้อวี่
แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีจำนวนคนน้อยกว่า แต่ต้องแข็งแกร่งกว่าอย่างแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้นหากใช้โอกาสนี้เพื่อสานสัมพันธ์กับเผ่าหงส์ทองคำนั่น นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก
เขาวาดฝันเอาไว้อย่างสวยงาม แต่อี้เจาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
แม้กระทั่งสายตาก็ยังไม่เหลือบมองมา ใบหน้ามีเพียงความเย็นชาและเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็สาวเท้าเดินเข้าไปในป่าวิญญาณสีชาด
หนานอีฝานโดนปฏิเสธจนทำตัวไม่ถูก ยากจะรักษาความสงบบนใบหน้าไว้ได้
อี้เจามีชื่อเสียงฉาวโฉ่และขึ้นชื่อเรื่องมีนิสัยเย่อหยิ่ง ต่อให้หน้าอกของเขามีไฟสุมทรวง แต่เขาก็ไม่กล้าทำอันใด
แล้วอีกอย่างที่สำคัญกว่านั้น เขาจำเป็นจะต้องตามหาหนานอีอีและคนอื่นๆ
ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านหลังของพวกเขาต่างมองหน้ากันไปมา แม้กระทั่งจะหายใจเสียงดังก็ยังไม่กล้า
หนานอีฝานกำหมัดแน่น พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เอาล่ะ พวกเราก็ต้องรีบทำเวลาแล้ว”
เมื่อพูดจบ เขาก็สาวเท้าแล้วเดินไปด้านหน้า
ขณะที่เดินไป พวกเขาก็สัมผัสได้ว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไป
สีหน้าของหนานอีฝานแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ ฝีเท้าก็ดูลังเลมากขึ้น
ทิศทางนี้…เหตุใดเหมือนกับทิศทางของอี้เจาเลยล่ะ?
แทบจะในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสอี้อวี่ก็หันหน้ากลับมามอง แววตาที่มองหนานอีฝานคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ประมุขหนาน ถ้าท่านอยากจะตามหาคนก็ตามหาไปเถอะ เหตุใดต้องติดตามพวกเรามาด้วย?”
หนานอีฝานมีสีหน้าย่ำแย่เป็นอย่างมาก เขากัดฟันแล้วพูดอธิบายว่า
“ผู้อาวุโสอี้อวี่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว! พวกเราไม่ได้มีเจตนาจะตามท่าน เพียงแต่ว่า…ลูกสาวของข้าก็เดินทางเข้าสุสานสังหารเทพทางนี้เช่นกัน ดังนั้น…”
ดูจากสีหน้าของเขาแล้วเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก ผู้อาวุโสอี้อวี่เหลือบสายตามองอี้เจาอย่างลังเล
ป่าวิญญาณสีชาดกว้างใหญ่ขนาดนี้ เข้าทางไหนไม่เข้า แต่จำเป็นจะต้องมาเข้าทางเดียวกันหรือ?
เรื่องนี้มัน…จะบังเอิญขนาดนี้เชียวหรือ?
เมื่อหนานอีฝานเห็นปฏิกิริยาตอบรับของพวกเขาจึงสามารถเข้าใจอันใดบางอย่างได้ในทันที
“ประมุขอี้เจา ไม่แน่ว่าคนที่พวกท่านกำลังตามหาจะเดินทางไปพร้อมกับหนานอีอีก็เป็นได้?”
สีหน้าของเขามีความตื่นเต้นปรากฏขึ้นมา
“ดูเหมือนว่า…พวกเราเดินทางไปด้วยกัน น่าจะสะดวกกว่าจริงๆ ท่านมีความเห็นว่าอย่างใด?”
……….