ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1704 เบาะแส
ตอนที่ 1704 เบาะแส
อี้เจาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็สาวเท้าเดินต่อไปด้านหน้า โดยไม่ได้พูดอันใด
ผู้อาวุโสอี้อวี่สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้ จึงเข้าใจว่านี่คือการตอบรับโดยปริยาย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยติดต่อกับเหล่ามนุษย์ แต่ครั้งนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ
สิ่งที่หนานอีฝานพูดนั้นก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล สุสานสังหารเทพกว้างใหญ่ขนาดนี้ หากต้องการจะค้นหา
ถวนจื่อให้ได้โดยเร็ว มันไม่น่าจะง่ายดายขนาดนั้น
หากทั้งสองฝ่ายจะเข้าไปหาคนในสุสานสังหารเทพพร้อมกันแล้วละก็ ไม่น่าว่ามันอาจจะเร็วขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ผู้อาวุโสอี้อวี่ยิ้มออกมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เชิญ…ประมุขหนาน”
ดวงตาของหนานอีฝานเปล่งประกายขึ้นในทันที
ตอบรับแล้วอย่างนั้นหรือ?
เดิมทีเขาแค่จะลองหยั่งเชิงดู คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงเช่นนี้!
ความหวาดวิตกก่อนหน้านี้ของหนานอีฝานก็พลันมลายหายไปทันที
ตระกูลหนานเป็นตระกูลขนาดใหญ่ ฝีมือก็ทรงพลัง
แต่เมื่อเทียบกับเผ่าหงส์ทองคำแล้ว เขาก็ยังต้องก้มหัวให้อีกฝ่าย
ตอนนี้เขาสามารถร่วมเดินทางกับอี้เจาได้ นับว่ามีมิตรภาพต่อกันแล้ว
ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่จะมีใครบ้างที่สามารถทำเช่นนี้ได้?
“ดี! ดียิ่ง!”
หนานอีฝานรีบตอบตกลงและติดตามไปในทันที
เดิมทีเขายังอยากจะไปชวนอี้เจาคุยสักสองสามประโยค แต่อย่างใดก็ตามกลับมีผู้อาวุโสอี้อวี่คั่นอยู่ตรงกลาง ดังนั้นจึงยากที่จะพูดคุย
อีกทั้งแรงกดดันบนร่างของอี้เจาก็เหนือกว่าคนทั่วไป โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้
สีหน้าของหนานอีฝานตึงเครียด ท่าทางของเขาใช่ว่าจะอารมณ์ไม่ดีมาก เมื่อครุ่นคิดพิจารณาไปแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็มีความคิดพอที่จะไม่เข้าไปรบกวนอีกฝ่าย และเดินติดตามไปเงียบๆ
ภายในป่าวิญญาณสีชาดไม่สามารถโคจรพลังปราณดั้งเดิมได้ พวกเขาจึงต้องเดินไปทีละย่างก้าวอย่างอดทน
ขณะที่เดินหนานอีฝานก็มีความคิดปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่อี้เจาเดินทางมาที่นี่ พวกเขากำลังตามหาใครอยู่กันแน่?
แม้ว่าพวกเขาจะปิดบังหลบซ่อนไว้เป็นอย่างดี แต่ความกังวลและเป็นห่วงที่อยู่ระหว่างคิ้วของพวกเขานั้น ก็ถูกหนานอีฝานมองออก
นี่ไม่ใช่การตามหาศัตรูคู่แค้น
ดูไปแล้วเหมือนเขากำลังตามหาบุคคลสำคัญสักคน…
หนานอีฝานยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น
คนที่สามารถทำให้อี้เจาตื่นตกใจเป็นห่วงได้ บนโลกนี้คงมีอยู่ไม่กี่คนละมั้ง?
น่าจะต้องเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในเผ่าหงส์ทองคำ
ภายในใจของหนานอีฝานยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกตกใจ นอกจากความรู้สึกเหล่านี้แล้วยังแฝงไปด้วยการรอคอยอีกสายหนึ่งด้วย
ไม่แน่ว่าหนานอีอีจะได้พบกับเผ่าหงส์ทองคำเข้าแล้ว?
หากเผชิญอันตรายพร้อมกัน ผ่านความลำบากด้วยกัน บางทีความสัมพันธ์อาจจะก้าวหน้าขึ้นอีกหนึ่งขั้นก็ได้
เมื่อหนานอีฝานคิดได้ดังนั้น หัวใจก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย
แต่เขาไม่เคยคิดถึงเลยว่าหนานอีอีจะไปล่วงเกินอีกฝ่ายหรือไม่
…คิดมากน่ะ ต่อให้นางจะมองฐานะของอีกฝ่ายไม่ออก แต่ก็ยังมีผู้อาวุโสอูเผิงและคนอื่นๆ อยู่ เขาจะต้องสามารถมองฐานะของอีกฝ่ายออกได้ในทันทีแน่นอน
พวกเขายังไม่ทันทำให้เผ่าหงส์ทองคำพอใจ แล้วจะไปเป็นปรปักษ์กับอีกฝ่ายได้อย่างใด?
แต่สิ่งต่างๆ บนโลกยากคาดเดา
ในตอนนี้หนานอีฝานไม่สามารถคิดได้ แต่หลังจากนี้จะมีความจริงอันโหดร้ายแบบใดที่เข้ามาทักทายเขาเอง
…
ทันใดนั้นอี้เจาก็ชะงักฝีเท้าแล้วมองตรงไปด้านหน้า
หนานอีฝานก็หยุดฝีเท้าด้วยเช่นกัน ก่อนจะเงยหน้ามองตามสายตาของเขา
เมื่อหันไปมอง ภาพนั้นก็ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
บริเวณกลางป่าตรงหน้าที่อยู่ไม่ไกล ร่องรอยชัดเจน เหมือนว่าที่แห่งนี้เคยมีการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก่อน
แต่การมาต่อสู้ภายในป่าวิญญาณสีชาดแห่งนี้ ไม่เท่ากับมาหาเรื่องตายกันหรือ?
ทันใดนั้นเองผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างก็ร้องขึ้นอย่างตกใจว่า
“ท่านประมุข! นั่น…เหมือนว่าจะเป็นเสื้อของคุณชายใหญ่!”
หนานอีฝานรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปมองให้ชัดๆ
ตอนที่เขาเห็นว่าบนพื้นเต็มไปด้วยเศษเสื้อที่กระจัดกระจาย อีกทั้งยังมีคราบเลือดที่เปรอะเปื้อน ภายในสมองของหนานอีฝานก็มีเสียงดัง “ตู้ม” ขึ้น!
จริงด้วย เป็นเสื้อของหนานอวี่สิงจริงๆ!
เขาลงมือต่อสู้ที่นี่หรือ?
เขาก็รู้ดีว่าที่ป่าวิญญาณสีชาดไม่สามารถโคจรพลังปราณดั้งเดิมได้ แล้วเหตุใดเขายังจะต้องหาเรื่องใส่ตัวอีกเล่า?
เศษใบไม้สีแดงเข้มที่กระจัดกระจายอยู่ด้านข้าง ทำลายความคิดสายสุดท้ายของหนานอีฝาน
ทั่วทั้งป่าวิญญาณสีชาดไม่มีใบไม้สีแดงร่วงหล่นเลย
แต่มีเพียงแค่ที่นี่ที่เดียว!
จะต้องเกิดอันใด ขึ้นกับที่แห่งนี้แน่นอน!
“ท่านประมุขอย่าเพิ่งใจร้อน ไม่แน่ว่าเลือดเหล่านี้อาจจะไม่ใช่ของคุณชายใหญ่? คุณชายใหญ่มีฝีมือแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้อาวุโสอูเผิงและคนอื่นๆ ติดตามมาด้วย เขาจะต้องไม่เป็นอันใดแน่นอน!”
หนานอีฝานกำหมัดกรอด
ต่อให้หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ ไม่เป็นอันใด แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน
นี่ไม่รู้ว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดถึงเกิดเรื่องราวเช่นนี้ได้…
ผู้อาวุโสอี้อวี่ลูบคางตัวเอง
“ท่านประมุขในคราบเลือดเหล่านี้ไม่มีลมปราณของถวนจื่อ”
อี้เจาพยักหน้า
สำหรับมนุษย์แล้วป่าวิญญาณสีชาดเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมาก แต่มันไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อ
ถวนจื่อเลย
หากนางได้รับบาดเจ็บที่นี่สิถึงจะเป็นเรื่องแปลก
น่าจะเป็นเพราะหลังจากเข้าไปในสุสานสังหารเทพแล้ว ถึงจะได้เจอเรื่องยุ่งยากขึ้น
อี้เจากวาดสายตามองภาพที่ยุ่งเหยิงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นก็สาวเท้าเดินต่อไป
เรื่องที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เขาก็จะไม่ให้ความสนใจมากเกินจำเป็น
หนานอีฝานกำหมัดกรอด ในที่สุดก็เบนสายตาออกมา และเดินติดตามไป
คนไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุด ยังคงเป็นการเข้าไปในสุสานสังหารเทพ และติดตามร่องรอยของพวกเขา!
ความจริงนั้นแล้วสถานที่ที่พบคราบเลือดแห่งนั้นก็อยู่ใกล้กับเขตชายแดนป่าวิญญาณสีชาดมากแล้ว
แค่เดินทางต่อไปเล็กน้อย ก็จะถึงทางออกแล้ว
แต่น่าเสียดายที่หนานอวี่สิงก็ยังคงเกิดเรื่อง…
ในใจของหนานอีฝานหดหู่ ใบหน้าดำคล้ำ
หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดทุกคนก็เดินออกจากป่าวิญญาณสีชาดด้วยความเงียบ
ทันใดนั้นเองขอบเขตการมองเห็นของพวกเขาก็กว้างขึ้น!
ท้องฟ้าเป็นสีเทา เมฆหมอกรวมตัวกันเป็นชั้น
เมื่อทอดสายตามองออกไปก็เห็นเพียงดินแดนรกร้างว่างเปล่าที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
รัศมีเย็นยะเยือกแผ่กระจายออกมาจากด้านใน!
นอกจากนี้ยังมีกลิ่นคาวเลือดที่เหม็นเน่าโชยมาอีกด้วย
หนานอีฝานรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“ท่านประมุข ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าสุสานสังหารเทพแห่งนี้มีอันใดแตกต่างไปจากเดิม?”
หนานอีฝานพยักหน้า
ใช่แล้ว มันไม่เหมือนเดิม
ตอนที่เขามาก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยสัมผัสได้ถึงรัศมีอันเย็นยะเยือกเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากฟ้าดินเลย
รัศมีเช่นนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้าน
สิ่งที่แตกต่างกันมากกว่านี้ เขากลับพูดไม่ออกว่าแตกต่างอย่างใด แต่มันไม่เหมือนเดิม
ผู้อาวุโสอี้อวี่ขยับไปที่ข้างกายของอี้เจา ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มจางหายไปแล้ว ความเย็นชาและตึงเครียดปรากฏขึ้นที่ระหว่างคิ้วหลายส่วน
“ไอมารของที่นี่เข้มข้นมากกว่าเดิมแล้ว”
เขาพูด
อี้เจาพยักหน้า
นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี
ตอนนี้พวกเราเพิ่งจะก้าวเข้ามาในสุสานสังหารเทพ แต่กลับสามารถสัมผัสได้ถึงไอมารที่เข้มข้นขนาดนี้แล้ว
หากยังเดินต่อไป…
มิน่าล่ะถวนจื่อจึงเลือกขอความช่วยเหลือ
อี้เจามองซ้ายแลขวา และเลือกทิศทางหนึ่ง
เมื่อหนานอีฝานเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาก็กัดฟันกรอดและยังเลือกที่จะติดตามไปด้านหลัง
เมื่อมาถึงตรงนี้เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณของคนเหล่านั้นได้แล้ว
แต่เผ่าหงส์ทองคำไม่เหมือนกัน
ในด้านนี้เขามีพรสวรรค์และแรงสัมผัสที่น่าตกใจ
สุสานสังหารเทพกว้างใหญ่ขนาดนี้ หนานอวี่สิงและคนอื่นๆ ก็ขาดการติดต่ออย่างสิ้นเชิง
วิธีที่ดีที่สุด คือติดตามอี้เจาไป
ในตอนนี้อี้เจาคิดถึงแต่เพียงถวนจื่อ จึงไม่ได้ให้ความสนใจหนานอีฝาน
คนกลุ่มนี้จึงเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของสุสานสังหารเทพไปเช่นนี้