ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1707 ไม่มีเลยสักคน
ตอนที่ 1707 ไม่มีเลยสักคน
………………..
ผู้อาวุโสอี้อวี่หรี่สายตามองไปตามทิศทางที่อี้เจาชี้ จากนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย
ในตำแหน่งที่ห่างไกลออกไป ภายในพื้นที่รกร้างกว้างใหญ่มีเพียงป้ายหลุมศพที่แตกหักจำนวนนับไม่ถ้วน วางระเกะระกะอยู่
แม้ว่าจะยืนอยู่ในระยะที่ห่างกัน แต่เมื่อมองจากตรงนี้ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันเย็นยะเยือกที่เข้มข้นได้อย่างชัดเจนเช่นเดิม!
กดทับ!
หนักอึ้ง!
น่าเกรงขาม!
ภายในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง จนทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจ
“นี่มัน…สุสานกลุ่มของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่พูดพึมพำเสียงต่ำ
“ประมุข ท่านหมายความว่า…”
อี้เจายกคางขึ้น
“ไม่ เจ้าดูอีกที”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองอีกครั้ง แล้วเห็นว่าตำแหน่งเส้นขอบฟ้าเหมือนกับมีอันใดบางอย่างสีดำๆ
“นั่นมัน…กำแพงหรือ?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา หนานอีฝานและคนอื่นๆ ก็หันไปมองทันที
เพียงแต่ว่าสายตาของเขาไม่ได้ดีเท่ากับผู้อาวุโสอี้อวี่และอี้เจา ดังนั้นจึงแทบจะไม่เห็นเส้นสีดำที่ว่านั้นเลย
แต่ใบหน้าของหนานอีฝานกลับปรากฏประกายตื่นตระหนกขึ้น
เรื่องนี้ถูกเล่าขานเป็นหมื่นปี กำแพงนั้นปรากฏขึ้นท่ามกลางสงครามที่มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากเข้าร่วม
ก่อนหน้านี้หนานอีฝานก็เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกำแพงนี้มาเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองมาก่อน
ดังนั้นเมื่อมองจากระยะไกล ความตื่นตระหนกจึงเกิดขึ้นอย่างไม่สามารถปิดบังได้
แต่คำพูดของอี้เจาก็ทำให้หัวใจของเขาเย็นวาบขึ้นมา
“พวกนางน่าจะอยู่ด้านในนั้น”
ทันทีที่สิ้นเสียง รอบข้างก็เงียบกริบในทันที
ด้านใน?
ด้านในอันใดกัน?
พวกเขาสบสายตากันอย่างมึนงง พวกเขาสามารถมองเห็นความสับสน สงสัย และไม่อยากจะเชื่อของอีกฝ่ายได้
แม้ว่าผู้อาวุโสอี้อวี่จะไม่ได้ตกใจเท่าหนานอีฝานและคนอื่นๆ แต่เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ท่านหมายความว่า…พวกนางอยู่ในกำแพงนั้นหรือ?”
อี้เจาพยักหน้า
“จะเป็นไปได้อย่างใด?”
ในที่สุดหนานอีฝานก็พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ท่านประมุขอี้เจา ที่ท่านพูด…พวกนางอยู่ด้านหลังกำแพงแห่งนั้น…หรือ?”
กำแพงที่ตั้งตระหง่านจะสามารถรองรับผู้คนได้อย่างใด?
ยิ่งไปกว่านั้นกำแพงนี้ก็มีชื่อเสียงเลื่องลือ เพราะว่าความแข็งแกร่งเป็นพิเศษของมัน ไม่เพียงแต่จะไม่พังทลายในสงครามนองเลือดในปีนั้น แต่กลับอยู่ยืนยงมาเป็นเวลาหมื่นปีท่ามกลางพายุลมฝน!
เกรงว่าคนธรรมดาทั่วไปยังไม่คิดถึงเรื่องช่องว่างที่อยู่ภายในกำแพงนั้นแน่นอน
แบบนี้มันไม่แปลกประหลาดเกินไปหน่อยหรือ?
อี้เจาไม่แม้แต่จะเหลือบสายตามองพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่ได้ยินคำถามของเขาเลย จากนั้นก็เดินตรงไปที่กำแพงแห่งนั้น
ผู้อาวุโสอี้อวี่ก็รีบติดตามไป เพียงแต่ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มประดับแล้ว มีแต่ความเคร่งขรึมและสงบนิ่งที่หาได้ยากเข้ามาแทนที่
เกรงว่าเรื่องนี้จะยุ่งยากแล้ว…
หนานอีฝานก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเช่นกัน
ถ้าคนที่อี้เจาต้องการตามหาถูกขังอยู่ในกำแพงแห่งนั้น ถ้าเช่นนั้น…อีอีและคนอื่นๆ คงจะไม่…
ความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วโบกมือเรียกทุกคน
“ตามไป!”
…
หลุมศพของผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงเต็มไปด้วยความเงียบงัน
อี้เจาและคนอื่นๆ เดินผ่านไปอย่างเงียบเชียบ
แต่หนทางนี้ช่างยาวนานและเจ็บปวด
อีกทั้งยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันและปราณมารที่น่าตกใจได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น!
“ด้านหน้าน่าจะเป็นสุสานกลุ่มของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
ผู้อาวุโสอี้อวี่พูดขึ้นเสียงต่ำ
อีกทั้งกำแพงนั้นก็ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางสุสานกลุ่มของผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์
ยิ่งเดินไปใกล้มากเท่าไร พวกเขาก็สามารถมองเห็นกำแพงนั้นได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
หนานอีฝานกัดฟันเดินต่อไป ดวงตาต้องไปที่กำแพงสีดำที่อยู่ตรงหน้าตาเขม็ง
กำแพงนั้นสูงมาก ตั้งตระหง่านอย่างเงียบสงบ มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดทั้งทางซ้ายและขวา
และไม่รู้ว่ากำแพงแห่งนี้มีความยาวเท่าไรกันแน่…
เหตุใดก่อนหน้านี้ที่เขามา ถึงไม่เคยเห็นกำแพงนี้มาก่อนเลย?
ตึง!
จากนั้นเขาก็เห็นว่าผู้อาวุโสคนหนึ่งที่เดินติดตามมาล้มลงด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ประ…ประมุข…ข้า…”
เขายังพูดไม่จบประโยค แต่หน้าอกก็กระเพื่อมอย่างรุนแรงแล้วกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ
คราบเลือดสีแดงสด ทำให้เขาดูจนตรอกและซีดเซียวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ใบหน้าของหนานอีฝานดำคล้ำ
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า
“ท่านประมุข ปราณมารที่อยู่บนกำแพงนั้นมันน่ากลัวจริงๆ เกรงว่าผู้อาวุโสจิ่นหมิงจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว อีกทั้ง…พวกเราไม่กี่คนก็เกรงว่า…”
นี่ไม่ใช่การตำหนิใคร แต่ทว่า…นี่คือความจริง!
พวกเขารู้จุดแข็งของกันและกัน
พวกเขาเดินทางมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครอยากจะหยุดอยู่ตรงนี้
หากไม่ใช่เพราะมันไม่มีหนทางอื่นจริงๆ เหตุใด…
หนานอีฝานหลับตาลง แล้วพูดว่า
“เจ้ากับผู้อาวุโสจิ่นหมิงรออยู่ที่นี่ก็ได้ ไม่ต้องเดินทางต่อไปด้านในแล้ว”
หนทางด้านหน้าอันตรายมาก เขาก็ไม่สามารถเอาชีวิตผู้อาวุโสของตระกูลมาเดิมพันกับที่แห่งนี้ได้
เดิมทีผู้อาวุโสทั้งสองยังคงลังเลอยู่ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะพยักหน้าตอบตกลง
พวกเขาเองก็เข้าใจว่ากำลังของพวกเขาอ่อนแรงเหมือนกับม้าตีนปลายแล้ว
หากฝืนเดินทางต่อไป เกรงว่าจะกลายเป็นตัวถ่วงได้
“ท่านประมุขจะต้องระวังอย่างมากนะขอรับ”
หนานอีฝานไม่อยากเสียเวลามาก เขากำชับอยู่สองสามคำ จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปติดตามทั้งสองคน
พวกเขาเดินออกไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดก็มาหยุดที่ด้านหน้าของกำแพงแห่งนี้
สถานการณ์เช่นนี้ย่ำแย่กว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก…
เมื่อหนานอีฝานติดตามมาทัน เขาก็สามารถสังเกตเห็นถึงความกดดันที่อยู่โดยรอบทั้งสองคนทันที
หัวใจของเขาก็จมดิ่งลงไปเช่นกัน
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาก็เห็นว่าอี้เจาไม่มีทีท่าจะพูดหรือกระทำการใดๆ ในที่สุดหนานอีฝานก็พูดขึ้นอย่างลังเลว่า
“ประมุขอี้เจา ตอนนี้ท่านแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ท่านตามหาจะอยู่ด้านนี้?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ไพล่มือไว้ด้านหลังแล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ประมุขหนาน กลุ่มคนที่รักของท่านก็น่าจะอยู่ด้านในด้วยเช่นกัน”
หนานอีฝานตกใจไป
“นี่…มันจะเป็นไปได้…”
“กำแพงแห่งนี้สามารถตัดขาดกับลมปราณได้ทั้งหมด ไม่ว่าใครที่เข้าไปด้านในล้วนต้องขาดการติดต่อจากโลกภายนอก”
ใบหน้าของหนานอีฝานฉายแววความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ในเรื่องนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ!
เขาหันไปมองทางกำแพงสีดำที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
สูงใหญ่ หนาทึบ แข็งแกร่ง!
ผนังมีร่องรอยจากการผุกร่อนที่ผ่านจากลมฝนมาเป็นเวลานาน ปราณมารพวยพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แทบจะทำให้คนทนรับไม่ไหว!
พวกเขาที่อยู่ด้านนอกก็แทบจะรับไม่ไหวกันอยู่แล้ว แต่หากต้องเข้าไปด้านในจริงๆ มันจะไม่อันตรายไปกว่านี้อีกหรือ?
“เช่นนั้นพวกเราก็รีบไปพาพวกเขาออกมากันเถอะ!”
หนานอีฝานพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
ทันใดนั้นผู้อาวุโสอี้อวี่ก็หัวเราะขึ้นมา แต่ใบหน้าไม่มีความขำขันเลย
เขาเหลือบสายตากลับไปมองหนานอีฝานครู่หนึ่ง
“ประมุขหนาน ท่านรู้หรือไม่ว่าตลอดหมื่นปีที่ผ่านมานี้คนที่ถูกขังอยู่ที่นั่นมีกี่คนที่สามารถออกมาได้สำเร็จ?”
หนานอีฝานมองหน้าเขา ทันใดนั้นความไม่สบายใจสายหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา!
ผู้อาวุโสอี้อวี่พูดขึ้นเสียงเรียบ
“ไม่มีเลยสักคน”