ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1711 นังสารเลวผู้นั้น
ตอนที่ 1711 นังสารเลวผู้นั้น
………………..
หนานอีฝานถามขึ้นอย่างรีบร้อน
หนานอีอีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่กลับไม่ได้รีบตอบคำถามเขา ทว่านางหันกลับไปมองที่ด้านหลัง
ด้านหลังของนาง ไม่มีใครตามมาสักคน
นี่มัน…มีเพียงแค่นางคนเดียวที่ออกมาอย่างนั้นหรือ?
“อีอี?”
เมื่อเห็นว่านางไม่ตอบคำถาม หนานอีฝานก็รู้สึกร้อนรนเล็กน้อย
หนานอีอีจึงได้ถอนสายตากลับมา
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ปรากฏขึ้นในสมองของนางอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ซั่งกวนจิ้งพูดประโยคนั้นจบ อวี๋หงซานก็มีโทสะขึ้นมา
เหมือนเขารู้ว่าไม่จำเป็นจะต้องเจรจาต่อไป ในที่สุดอวี๋หงซานจึงเลือกที่จะลงมือ
ทั้งสองคนจึงต่อสู้ขึ้นมาเช่นนั้น
แม้ว่าหนานอีอีจะพยายามหลบเลี่ยงอย่างดีที่สุดแล้ว แต่พื้นที่แห่งนั้นก็เล็กและแคบมาก อีกทั้งฝีมือของทั้งสองคนก็แข็งแกร่งอย่างมาก
ระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือด นางจึงได้รับลูกหลงมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
บาดแผลส่วนหนึ่งที่อยู่บนร่างกายของนางที่เกิดขึ้นในตอนนี้
แต่บาดแผลเหล่านี้ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต ท้ายที่สุดแล้วนางก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง อีกทั้งยังมีของวิเศษปกป้องร่างกาย
แต่ใครจะรู้เล่าว่าหลังจากผ่านไปไม่นาน มิติที่อยู่โดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว ในขณะเดียวกันประกายแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ!
ด้วยความแข็งแกร่งของนางไม่มีทางที่จะต้านทานได้อยู่แล้ว!
นางรู้สึกได้ว่าร่างกายของนางถูกพลังอันใดบางอย่างที่มองไม่เห็นบดขยี้ลงมาอย่างรุนแรง จนแทบจะทำให้กระดูกป่นปี้!
ประกายแสงเหล่านั้นฟันลงที่ร่างกายของนางอย่างโหดร้าย! และทิ้งบาดแผลที่น่าตกใจเอาไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน!
รวมถึงนางออกมาได้อย่างใดนั้น นางก็ลืมไปหมดแล้ว
ส่วนอวี๋หงซานกับซั่งกวนจิ้ง…
เหมือนว่านางจะขาดการติดต่อกับพวกเขาในระหว่างทาง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว
หนานอีอีเรียบเรียงเนื้อหาทุกอย่างภายในสมอง จากนั้นก็กลั้นน้ำตาแล้วพูดขึ้นว่า
“ท่านพ่อ อีอีคิดว่าจะไม่ได้พบท่านอีกแล้ว!”
ตระกูลหนานมีกฎอยู่ข้อหนึ่ง หากอยู่ต่อหน้าผู้อื่น นางห้ามเรียกหนานอีฝานว่าท่านพ่อ ให้เรียกว่าท่านประมุขแทน
ในตอนนี้นางเรียกเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าได้รับความไม่ยุติธรรมและรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
หนานอีฝานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกปวดใจมาก
“อีอี เจ้าวางใจเถอะ ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว มีพ่ออยู่ เจ้าจะไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายอีกเด็ดขาด! พ่อกับผู้อาวุโสทุกท่านจะปกป้องเจ้าเอง!”
หนานอีอีสะอื้นไห้อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากหนานอีฝานปลอบนางอยู่สักพัก นางถึงได้สงบลงมาได้
ในที่สุดนางก็เลิกร้องไห้แล้ว ร่างกายก็เหมือนจะดีขึ้น หนานอีฝานจึงซักถามอย่างอดไม่ได้ว่า
“อีอี เจ้าออกมาแล้ว พี่ใหญ่ของเจ้าและคนอื่นๆ ล่ะ?”
หนานอีอีเช็ดน้ำตา จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ก่อนหน้านี้ข้ากับพี่ใหญ่และผู้อาวุโสอีกสองท่านถูกดูดเข้าไปในกำแพงสีดำพร้อมกัน แต่หลังจากที่เข้าไปแล้ว พวกเราก็กระจัดกระจาย ข้าตามหาพวกเขาอยู่นาน แต่ก็หาไม่เจอเลย…”
ขณะที่พูดในดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา หนานอีฝานเห็นดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกปวดใจมากกว่าเดิม
“…เป็นเพราะอีอีไร้ความสามารถ! ต้องโทษอีอีแล้ว! หากพี่ใหญ่และคนอื่นไม่ต้องมากับข้า พวกเขาก็จะไม่ต้องมาเผชิญอันตรายเหล่านี้!”
หนานอีอีพูดขึ้นแล้วยกมือทุบตีตนเอง
หนานอีฝานเห็นดังนั้นก็รีบขวางเอาไว้
“เจ้าพูดบ้าอันใดกัน! เรื่องนี้จะโทษเจ้าได้อย่างใด! หากจะต้องโทษก็ต้องโทษพ่อคนนี้!”
เมื่อได้ยินหนานอีอีพูดขึ้นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเหมือนมีลูกศรเป็นหมื่นดอกแทงทะลุหัวใจตนเอง
ยังดีที่นางรอดกลับมาได้ ถ้าหากนางเกิดเรื่องจริงๆ ละก็…
หนานอีฝานไม่กล้าคิดเลยว่าตนเองจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อย่างใด
“เอาล่ะ อีอี เจ้าไม่ต้องกังวลไป ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว ไม่แน่ว่าอีกไม่นานอวี่สิงและคนอื่นๆ ก็คงตามออกมาด้วยเช่นกัน!”
ภายในใจของหนานอีฝานยังคงกอดความหวังนี้เอาไว้
ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสอี้อวี่เคยพูดว่า ไม่มีใครสามารถออกจากกำแพงสีดำแห่งนี้ได้เลยสักคน
แต่ตอนนี้อีอีก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
แม้นางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สุดท้ายก็ยังรอดกลับมาได้!
ความจริงแล้วในใจของหนานอีฝานมีความยินดีปรากฏขึ้นมาหนึ่งสาย ทว่าสีหน้าของหนานอีอีกลับไม่ผ่อนคลายลงเลย
นางกัดริมฝีปากแน่น
สถานการณ์ภายในเป็นอย่างใดนั้นนางรู้ดี
หากบอกว่า ทุกพื้นที่รายล้อมด้วยอันตราย และสามารถเกิดอันตรายได้อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่ได้เกินจริงนัก!
หนานอีอีเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แต่นางกลับไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้
หากจะเอาชีวิตรอดในสถานการณ์แบบนั้น…คงต้องพึ่งโชคอย่างเดียวเท่านั้น!
ไม่เห็นที่อวี๋หงซานกับซั่งกวนจิ้งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั่นหรือ?
นางยื่นมือออกมา พร้อมกำชายเสื้อของหนานอีฝานแน่น ก่อนจะกัดฟันแล้วพูดว่า
“ท่านพ่อ ความจริงแล้วเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับซั่งกวนเยว่!”
หนานอีฝานชะงักไป
“ซั่งกวนเยว่? นางคือใคร?”
เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“แต่ชื่อนี้ได้ยินแล้วคุ้นหูอยู่เล็กน้อย…”
“นางก็คือ…”
“ตอนนี้นางอยู่ที่ใด?”
น้ำเสียงที่เย็นชาสายหนึ่งและเต็มไปด้วยแรงกดดันพูดแทรกคำพูดของนางขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
เมื่อหนานอีอีได้ยินเสียงนั้น ร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ จากนั้นนางก็หันไปมองตามทิศทางของเสียง
ชายสองคนกำลังยืนอยู่ในตำแหน่งไม่ไกล
คนที่พูดนั้นเป็นคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า รูปร่างสูงใหญ่ ทรงพลัง
ในตอนนั้นเองดวงตาที่ล้ำลึกของเขากำลังจ้องมองนางตาเขม็ง
หนานอีอีรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที จากนั้นจึงหันไปมอง
“ท่านพ่อ พวกเขาคือ…”
หนานอีฝานรีบพูดขึ้นมาว่า
“จริงสิ เกือบลืมแนะนำไปเลย ท่านผู้นี้คืออี้เจา ประมุขแห่งเผ่าหงส์ทองคำ และด้านหลังของเขาคือผู้อาวุโสอี้อวี่ อีอี รีบทำความเคารพเสียสิ?”
ตอนที่หนานอีอีได้ยินคำว่า “เผ่าหงส์ทองคำ” นางก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อรู้จักฐานะที่แท้จริงของคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า นางก็ตกใจจนอ้าปากค้าง หลังจากผ่านมาเป็นระยะเวลานานก็ยังไม่ได้สติกลับมา
ประ…ประมุข?
คนผู้นี้คือบุคคลที่สูงส่งระดับตำนานอย่างนั้นน่ะหรือ!
ว่ากันว่าแม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ขอไปเข้าพบก็ยังถูกพวกเขาปฏิเสธ
สูงส่งเย่อหยิ่ง แข็งแกร่ง เผด็จการ!
ผู้บำเพ็ญเพียรส่วนใหญ่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ล้วนรู้จักเผ่าหงส์ทองคำ
แต่อี้เจาที่เป็นประมุขแห่งเผ่าหงส์ทองคำกลับยิ่งใหญ่กว่านั้น
หนานอีอีคิดไม่ถึงเลยว่า ตนเองจะได้มาเจอกับคนระดับนั้นในที่แห่งนี้!
มิน่าล่ะท่านพ่อจึงได้เกรงใจขนาดนี้…
หนานอีอีรีบทำความเคารพ
“ผู้เยาว์หนานอีอี คารวะ…”
“ข้าถามว่า คนที่เจ้ากล่าวถึงเมื่อครู่นี้ ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว”
อี้เจาขี้เกียจจะพูดคุยเรื่องไร้สาระกับนาง จึงถามตรงประเด็นในทันที
หนานอีอีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้ามองอี้เจาด้วยความรวดเร็ว
เหมือนว่าอีกฝ่าย…จะอารมณ์ไม่ค่อยดี
แต่เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักกับซั่งกวนเยว่
ใช่แล้ว!
ซั่งกวนเยว่ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำตัวหนึ่ง ในฐานะที่อี้เจาเป็นประมุขเผ่า จะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างใด?
ที่เขามาในครั้งนี้ น่าจะต้องมาหาเรื่องซั่งกวนเยว่แน่นอน!
ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำ…นางอยากรนหาที่ตายให้ตนเองนักหรืออย่างใด!
แม้กระทั่งประมุขเผ่าก็ยังเคลื่อนไหวแล้ว!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หนานอีอีก็ครุ่นคิดแล้วถามขึ้นมาว่า
“ประมุขอี้เจาก็ต้องการตามหานังสารเลวผู้นั้นหรือเจ้าคะ?”