ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1712 กลับดำเป็นขาว
ตอนที่ 1712 กลับดำเป็นขาว
………………..
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของผู้อาวุโสอี้อวี่ก็เย็นชามากขึ้น
แม่นางคนนี้ที่ดูอ่อนแอและอ่อนโยนอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคำหยาบคายหลุดออกมาจากปากได้
คาดไม่ถึงว่านางจะเรียกซั่งกวนเยว่ว่า “นังสารเลว”?
เขากำลังจะเอ่ยปากตำหนิ แต่คาดไม่ถึงว่าอี้เจาจะส่งสายตาเตือนให้เงียบเอาไว้
ผู้อาวุโสอี้อวี่สำลักขึ้น ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป
คลื่นใต้น้ำของทั้งสองคนนั้นเกิดขึ้นอย่างเงียบงันจนทำให้หนานอีอีไม่สามารถสัมผัสได้
แต่เมื่อหนานอีฝานเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านี้เข้า
เขาไม่ค่อยเข้าใจสีหน้าของอี้เจาและผู้อาวุโสอี้อวี่ เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาของทั้งสองคน เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
พวกเขาออกมาตามหาคนเผ่ามนุษย์อย่างนั้นหรือ?
แล้วเหตุใดตอนนี้เขาถึงถามที่อยู่ของซั่งกวนเยว่ผู้นั้น?
ไม่รู้ว่าซั่งกวนเยว่มีความสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่ที่หนานอีอีพูดจาเช่นนี้ก็ช่างเป็นความหุนหันพลันแล่นไปจริงๆ
“อีอี”
เขากดน้ำเสียงลงต่ำเล็กน้อย แฝงด้วยการกล่าวเตือน
หนานอีอีเหลือบสายตามอง แต่ไม่ได้ใส่ใจกับการกล่าวเตือนนั้นเลย
ดูเหมือนว่าท่านพ่อจะยังไม่รู้ว่าซั่งกวนเยว่ผู้นั้นได้ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำตัวหนึ่ง?
“ท่านพ่อ ท่านวางใจเถอะ ข้ารู้จักหนักเบาดี”
นางไม่ใส่ใจที่จะโน้มน้าวเขาสักประโยค จากนั้นก็หมุนตัวกลับไป
เดิมทีหนานอีฝานอยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่เมื่อสังเกตบรรยากาศโดยรอบแล้ว สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ
อี้เจากวาดสายตามองหนานอีอีขึ้นลง สายตานั้นแฝงแรงกดดันที่หนักอึ้ง
“ถูกต้อง”
ใบหน้าของอี้เจายังคงราบเรียบไร้อารมณ์เช่นเดิม จนทำให้ผู้คนยากจะคาดเดา
“ข้ากำลังตามหานางอยู่”
ตอนที่ได้ยินคำตอบของเขา หนานอีอีก็มั่นใจกับการคาดเดาของตนเองขึ้นมาในทันที
…เขาจะต้องรู้เรื่องการทำพันธสัญญานั่นแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเดินทางเป็นหมื่นลี้เพื่อมาตามหาอีกฝ่ายถึงที่นี่!
ในตอนนั้นหนานอีอีทั้งรู้สึกเสียใจและภาคภูมิใจในเวลาเดียวกัน
ที่ภาคภูมิใจก็เพราะว่า ซั่งกวนเยว่ล่วงเกินเผ่าหงส์ทองคำ นางจะต้องตายอย่างแน่นอน!
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ จนถึงตอนนี้เหมือนว่านางยังถูกขังอยู่ภายในกำแพงสีดำแห่งนั้น เป็นตายไม่ทราบ
ถ้าซั่งกวนเยว่ตายอยู่ด้านในนั้นแล้ว นางก็จะไม่สามารถเห็นฉากที่อีกฝ่ายได้รับทุกข์ทรมานแล้วสิ?
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกเสียดายอย่างมาก
นางถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวว่า
“เกรงว่าเรื่องนี้จะต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ผู้เยาว์มั่นใจก็มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือนางยังอยู่ด้านใน แต่เป็นตายอย่างใดไม่ทราบ สุดท้ายก็สามารถออกมาได้หรือไม่นั้น ผู้เยาว์ก็ไม่อาจคาดเดา”
หัวคิ้วของอี้เจาขมวดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้วคำตอบนี้ ก็เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว
“แล้วก่อนหน้านี้ที่เจ้าพูดว่า เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะซั่งกวนเยว่ล่ะ? มันเป็นเรื่องอย่างใดกันแน่ เจ้าเล่าให้ละเอียดสิ”
น้ำเสียงของอี้เจาราบเรียบและไม่แยแส แต่กลับแฝงด้วยความดูหมิ่น ทำให้ผู้คนหวาดกลัวและยอมจำนนโดยไม่รู้ตัว
หนานอีอีคลายมือออกและกระชับมือแน่นอีกครั้ง
“เรื่องนี้คงต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน…”
…
หลังจากนั้นหนานอีอีก็เล่าเรื่องที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ
และประเด็นสำคัญก็คือ ซั่งกวนเยว่ต้องการจะวางแผนสังหารนาง เป็นผลทำให้ทุกคนต้องถูกดูดกลืนลงไปภายในกำแพงสีดำแห่งนี้
จากคำกล่าวอธิบายของนาง เรื่องทุกเรื่องเหมือนว่าจะมีซั่งกวนเยว่เป็นผู้กระทำคนเดียว
นางไม่ได้เอ่ยชื่อหรงซิวออกมาเลยแม้แต่น้อย
หากคนภายนอกได้ยินดังนี้ จะต้องคิดไปเองว่าซั่งกวนเยว่ผู้นี้เป็นคนกำเริบเสิบสาน ไม่มีเหตุผล เห็นแก่ตัว และโหดร้าย
นางทำให้ทุกคนต้องถูกขังอยู่ภายในนั้น
ผู้อาวุโสอี้อวี่ฟังได้สองประโยค ก็ฟังต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคุยกับนังหนูคนนั้นมาก่อน
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหนานอีอีไม่สามารถเชื่อถือได้เลย
ไม่รู้ว่าซั่งกวนเยว่ล่วงเกินอันใดนาง คิดไม่ถึงว่านางจะพยายามใส่ร้ายป้ายสีอีกฝ่ายถึงขนาดนี้
จนแทบอยากจะให้นางตายอยู่รอมร่อ
หรือว่า…เพราะพวกเขาถูกดูดกลืนเข้าไปในกำแพงสีดำนั้น?
…
“…เรื่องก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ”
หนานอีอีพูดจบ ก็หันมองหน้าอี้เจาอย่างระมัดระวัง
น่าเสียดายที่สีหน้าของอี้เจาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
หนานอีอีก็คาดเดาความคิดของเขาไม่ออก
ส่วนหนานอีฝานและคนอื่นๆ กลับรู้สึกตะลึงค้างในคำพูดของนางแล้ว
“อีอี เจ้าบอกว่า…ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นได้ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำตัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ?”
หนานอีอีพยักหน้า
“ไม่รู้ว่าซั่งกวนเยว่ผู้นั้นใช้เล่ห์กลอันใด อีกทั้ง…หงส์ทองคำตัวนั้นก็ยังเชื่อฟังนางเป็นอย่างมาก”
หนานอีฝานขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
หงส์ทองคำเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลมีฐานะสูงส่งมาโดยตลอด
แม้กระทั่งเผ่ามนุษย์พวกเขาก็ยังดูแคลน แล้วเรื่องอย่างการทำพันธสัญญาเช่นนี้เล่า?
นี่ต้องเป็นรอยด่างพร้อยของพวกเขาทั้งเผ่าอย่างไม่ต้องสงสัย!
มิน่าล่ะอี้เจาจึงออกมาที่นี่ด้วยตนเอง
ความเป็นกังวลที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ คงเพราะต้องการตามหาหงส์ทองคำที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์ตัวนั้น
“แต่ว่า…”
หนานอีอีนึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน จึงพูดขึ้นมาอย่างลังเล
“หงส์ทองคำตัวนั้นเหมือนมีอันใดบางอย่างผิดปกติไป นางสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว แต่ดูแล้วเหมือนเด็กอายุสามสี่ขวบเท่านั้น”
“หา?”
หนานอีฝานแสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างอดไม่ได้
เผ่าหงส์ทองคำก็สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้หลังจากอายุครบร้อยปี
แล้วมันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างใด?
“ดังนั้นก็หมายความว่าซั่งกวนเยว่จะต้องใช้เล่ห์กลอันใดบางอย่างแน่นอน?”
เขาเหลือบสายตาไปมองทางอี้เจาและผู้อาวุโสอี้อวี่เหมือนคิดอย่างใดก็คิดไม่ตก
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายมีความคิดลึกซึ้งยากจะคาดเดามากกว่าเขา
หนานอีฝานมองไม่ออกว่าตอนนี้พวกเขากำลังคิดอันใดอยู่กันแน่
“แล้วเจ้าออกมาได้อย่างใด?”
อี้เจาถามขึ้นอย่างกะทันหัน
หนานอีอีคิดคำตอบเอาไว้ตั้งนานแล้ว แต่ใบหน้ายังแสดงความตื่นตระหนกและหวาดกลัวออกมา
“ตอนที่ข้ากำลังเดินอยู่ด้านในนั้น ทันใดนั้นเองก็สัมผัสได้ว่ามิติรอบข้างเริ่มบีบตัวอย่างบ้าคลั่ง และไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าใดก็มีพลังสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา! รอจนกระทั่งข้าลืมตาขึ้น ข้าก็พบว่าตนเองได้ออกมาแล้ว…”
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า นางเองไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
“เจ้าเพียงคนเดียว?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ที่เงียบมาโดยตลอดก็พูดขึ้นมา
หนานอีอีลังเลไปเล็กน้อย
“…เจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสอี้อวี่กดยิ้มลึกอย่างมีความหมาย
“คุณหนูรองตระกูลหนานช่างแข็งแกร่งจริงๆ อาศัยเพียงแค่ฝีมือระดับเทพขั้นสูงก็สามารถเดินเล่นในที่แห่งนั้นได้อย่างสบายใจ? ตามที่ข้ารู้นั้นด้านในเหมือนจะอันตรายอย่างมากเลยไม่ใช่หรือ? หากคุณหนูรองเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ คนอื่นก็จะต้องเป็นเหมือนกัน แต่ตอนนี้คุณหนูรองกลับสามารถออกมาได้เพียงคนเดียว ฉะนั้นก็ถือว่า…แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว”
หนานอีอีรู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติ แต่กลับบอกไม่ถูกว่าตรงที่ใด และนางก็พูดอันใดไม่ออก จึงได้แต่ต้องหัวเราะอย่างเก้อกระดาก
“ความจริงแล้วข้าแค่โชคดี…”
พรึ่บ!
เสียงคำรามอันดังลั่น ดังมาจากกำแพงสีดำอีกครั้ง!
ทุกคนจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง จากนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากตรงกลาง!
หัวใจของหนานอีอีมาจุกอยู่ที่ลำคอแล้ว!