ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1713 คนไร้ค่า
………………..
คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมา
ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือดสะท้อนเข้าในดวงตาของทุกคน
จากนั้นหัวใจของหนานอีอีก็ตกลงในทันที
“อวี่สิง!”
หนานอีฝานมีปฏิกิริยาตอบสนองคนแรก น้ำเสียงของเขาสูงขึ้น พร้อมพุ่งตัวเข้าไปหาในทันที ก่อนจะพยุงคนผู้นั้นเอาไว้
ไม่เพียงแค่ใบหน้าของหนานอวี่สิงเท่านั้นที่เต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าของเขาก็เต็มไปด้วยคราบเลือดเช่นกัน
อีกทั้งดวงตาทั้งสองข้างยังปิดสนิท ลมหายใจแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าเขาสลบลงไปแล้ว
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นปกคลุมทั่วทุกอาณาเขต!
หนานอีฝานรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก
“อวี่สิง! อวี่สิง! เจ้าฟื้นสิ!”
เปลือกตาของหนานอวี่สิงเหมือนว่าจะขยับเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดได้เช่นเดิม
หนานอีอีและผู้อาวุโสทั้งสองท่านก็รีบพุ่งตัวเข้าไป
“ท่านประมุข ตรวจชีพจรคุณชายใหญ่ก่อนดีกว่าขอรับ”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยความเคารพ
หนานอีฝานจึงได้สติขึ้นมา และรีบหลีกทางให้
“ใช่ จริงด้วย! จิ่นเฮ่อ เจ้ามานี่!”
ผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อสาวเท้าก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว พร้อมวางนิ้วบนข้อมือของหนานอวี่สิง
หลังจากผ่านไปสักพักสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป
“นี่มัน…”
แต่ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนมือกลับมา แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะประสานมือทำความเคารพหนานอีฝาน
“ท่านประมุข หยวนตันของ…คุณชายใหญ่ถูกทำลายแล้ว”
“อันใดนะ!”
สมองของหนานอีฝานมึนงงไปครู่หนึ่ง ร่างกายของเขาทรุดลงกับพื้น
“ท่านพ่อ!”
หนานอีอีรีบขึ้นไปพยุงตัวของเขาด้วยความรวดเร็ว และอดที่จะหันมองผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อไม่ได้
“พี่ใหญ่ฝีมือแข็งแกร่งขนาดนี้ หยวนตันจะแตกสลายได้อย่างใด? ผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อ ท่านวินิจฉัยพลาดหรือไม่?”
ผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อพูดขึ้นอย่างจนปัญญา
“หากท่านประมุขและคุณหนูรองไม่เชื่อ เช่นนั้นก็เชิญตรวจสอบด้วยตนเอง เรื่องเช่นนี้จิ่นเฮ่อไม่กล้าพูดปดแน่นอน”
ใครเล่าจะไม่รู้ว่า หนานอวี่สิงคือทายาทที่สืบทอดตระกูลหนานคนต่อไป
หยวนตันถูกทำลาย นั่นหมายความว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะกลายเป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่าคนหนึ่ง
และเขาคงไม่มีวาสนากับตำแหน่งประมุขแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาตรวจสอบมาหลายรอบ เกรงว่าผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อก็ไม่กล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา
หนานอีอีพูดอันใดไม่ออก บริเวณหน้าอกเหมือนมีอันใดมากดทับไว้ นางรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
นางหันคอไปมองหนานอวี่สิงอย่างแข็งทื่อ
ในที่สุดตอนนี้หนานอวี่สิงก็ได้สติฟื้นคืนมาแล้ว
“พี่ใหญ่!”
หนานอีอีรีบเข้าไปพยุงตัวเขา
สายตาของหนานอวี่สิงยังคงพร่าเลือน
แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ
“…ที่ท่านพูดเมื่อครู่นี้ เป็น…ความจริงหรือ?”
ความจริงแล้วเขาได้สติมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังลืมตาไม่ขึ้น แต่เขาได้ยินการเคลื่อนไหวรอบข้างอย่างชัดเจน
รวมถึงคำพูดของผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อที่พูดเมื่อครู่นี้ด้วย
ผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อเบนสายตาออกมาแล้วถอนหายใจก่อนจะพูดว่า
“จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น คุณชายใหญ่…ท่านน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจไม่ใช่หรือ?”
หยวนตันของเขานั้น! เป็นต้นกำเนิดของการบำเพ็ญเพียร!
ตอนนี้หยวนตันแตกสลายไปแล้ว พลังปราณดั้งเดิมของเขาก็ไหลออกจากร่างอย่างรวดเร็ว เขาจะสัมผัสถึงเรื่องนี้ไม่ได้เชียวหรือ?
ใบหน้าของหนานอวี่สิงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นมาอย่างยากลำบาก
“…ก็จริง…”
ความจริงแล้วเขาสามารถสัมผัสได้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่กล้าที่จะเชื่อ
ตั้งแต่มีชื่อเสียงมา เขาก็เป็นโอรสคนโปรดของสวรรค์มาโดยตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งหยวนตันของเขาจะถูกทำลายจนแตกเป็นเสี่ยง และกลายเป็นขยะไร้ค่าเช่นนี้?
สำหรับเขา หนานอีอี และหนานอีฝานแล้ว นี่ก็เป็นเหมือนฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ อย่างไม่ต้องสงสัย
“พี่ใหญ่…”
หนานอีอีกอดเขาแล้วร้องไห้
แต่หนานอวี่สิงกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอันใดเลย
เขาจ้องมองความว่างเปล่าอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นก็หลับตาลง
เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะต้องตายอยู่ที่ด้านในแล้ว แต่ใครจะรู้เล่าว่าตอนนี้เขามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย
หนานอีฝานกำหมัดกรอด จนข้อนิ้วขึ้นสีขาว หน้าผากมีเส้นเลือดสีเขียวปูดโปน
“จิ่นเฮ่อ เจ้าช่วยรักษาบาดแผลบนร่างกายของเขาให้ก่อน”
แต่ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เขาจะสติแตกไม่ได้ และไม่สามารถแสดงสีหน้าแปลกประหลาดมากเกินไป
ผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อตอบรับหนึ่งเสียง จากนั้นก็เริ่มรักษาบาดแผลให้กับหนานอวี่สิง
บาดแผลของเขานั้นสาหัสกว่าหนานอีอีมาก
นอกจากบาดแผลภายนอกแล้ว ยังมีบาดแผลภายในที่ยากจะจัดการ
…หยวนตันถูกทำลายไปแล้ว แต่เขายังมีชีวิตอยู่ ถือว่าเป็นพรท่ามกลางหายนะจริงๆ
และเห็นได้ชัดว่าหนานอวี่สิงไม่ต้องการ “พร” ที่ว่านี้
เขาหลับตาลง ใบหน้าซีดเผือด เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิตอีกต่อไปแล้ว
ผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย จึงหันไปกระซิบกับหนานอีอีว่า
“คุณหนูรอง คุณชายใหญ่ไม่มีความคิดที่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องแย่แน่…”
หนานอีอีปาดน้ำตาตัวเองออก
ความจริงแล้วหากนางเป็นพี่ใหญ่ นางก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน
แต่นางไม่สามารถเบิกตามองพี่ใหญ่ต้องตายลงไปได้!
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วขยับเข้าใกล้พี่ใหญ่ ก่อนจะพูดว่า
“พี่ใหญ่ พวกเรายังไม่ได้แก้แค้นนะเจ้าคะ! พี่จะต้องยืนหยัดต่อไปให้ได้! หรือว่าพี่ไม่อยากเห็นจุดจบของนังสารเลวที่ทำให้พวกเรามาอยู่ในจุดนี้หรือ?”
หนานอีอีกัดฟันพูด
แต่ละคำแฝงไปด้วยความแค้นและความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง!
นางเอาความผิดทั้งหมดนี้โยนไปที่คนผู้นั้น อีกทั้งยังเอาหัวหอกทั้งหมดทิ่มแทงไปที่คนผู้นั้น!
ในที่สุดคำพูดประโยคนี้ก็ทำให้หนานอวี่สิงมีสติขึ้นมา
เขาเบิกตากว้างขึ้นอย่างเชื่องช้าและยากลำบาก ความสิ้นหวังที่เคยอยู่ภายในแววตา ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเคียดแค้น!
ใช่แล้ว!
“นาง…นางอยู่ที่ใด?”
หนานอวี่สิงกัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นมาอย่างคลุมเครือ เหมือนกับว่าหากฉู่หลิวเยว่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาในตอนนี้ เขาจะต้องฉีกร่างกายของนางแล้วกินเข้าไปแน่นอน!
หนานอีอีอยู่เป็นเพื่อนเขาระหว่างที่ผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อกำลังทำแผล พร้อมพูดปลอบใจด้วยว่า
“พี่ใหญ่ ตอนนี้นางยังไม่ออกมา แต่ในเมื่อพวกเราออกมาได้แล้ว นางก็ต้องออกมาได้! เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็ชำระบัญชีแค้นนี้กับนางกันเถอะ!”
หนานอวี่สิงกลั้นลมหายใจ
“…เจ้า…พูดได้ถูกต้อง…”
เขายังต้องมีชีวิตต่อไป เพื่อดูนางทุกข์ทนทรมานด้วยตาของตนเอง
เมื่อมีแนวคิดนี้เป็นการสนับสนุน หนานอวี่สิงก็สามารถมีชีวิตต่อไปได้
ทุกคนเงียบเสียงลง และเริ่มรอคอยอย่างโดยพร้อมเพรียง
…คนต่อไปที่จะออกมาเป็นใครกัน?
ผู้อาวุโสอี้อวี่เหลือบสายตามองหนานอวี่สิง สีหน้าแข็งค้างเล็กน้อย
เขาไม่ได้เป็นห่วงหนานอวี่สิง ทว่า…ดูจากอาการบาดเจ็บของหนานอวี่สิง เกรงว่าสถานการณ์ภายในนั้นอาจจะไม่สู้ดี
อีกทั้งตอนนี้คนของตระกูลหนานออกมาแล้วสองคน แต่ยังไม่มีร่องรอยของถวนจื่อเลยแม้แต่น้อย
เขาหันไปมองทางอี้เจา แต่กลับพบว่าอี้เจาจ้องไปที่กำแพงสีดำตาเขม็ง สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย
ในตอนที่เขากำลังจะถามอันใดบางอย่าง ทันใดนั้นก็ได้ยินอี้เจาพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำว่า
“ถอยหลัง!”
………………..
………………..