ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1714 ท่านมาที่นี่ได้อย่างใด
ตอนที่ 1714 ท่านมาที่นี่ได้อย่างใด
………………..
ผู้อาวุโสอี้อวี่สะกิดปลายเท้าถอยร่นลงไปทันทีโดยไม่ต้องคิด!
จากนั้นก็มีระลอกคลื่นสายหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากกำแพงสีดำอย่างกะทันหัน!
ฟิ้ว…
เหมือนกับแม่น้ำไหลเชี่ยวกราก คลื่นทะเลสาดซัด!
พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่โดยรอบเหมือนได้รับแรงกระตุ้นจากพลังนี้จนทำให้พลังแห่งสวรรค์และโลกพวยพุ่งขึ้น!
ทันใดนั้นสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ที่อยู่บนกำแพงก็เริ่มโคจรเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว!
ลมปราณอันทรงพลังและบ้าคลั่งพวยพุ่งออกมาจากภายใน!
หนานอีฝานและคนอื่นๆ เป็นกลุ่มแรกที่ประสบกับภัยพิบัติเหล่านี้!
พวกเขาทั้งหลายยังไม่ทันได้วางม่านพลัง แต่ก็ถูกพลังที่น่าหวาดกลัวนี้เข้าปกคลุมเสียแล้ว!
ภายใต้การโจมตีของพลังนี้ เงาร่างของพวกเขาทั้งหลายลอยกระเด็นออกไปภายในเสี้ยววินาที!
ท่ามกลางความสิ้นหวังหนานอีฝานก็รีบลากหนานอวี่สิงออกมา
แต่เขายังไม่ทันได้ลากใครมา พวกเขาก็ต้องประสบภัยแล้ว!
ตู้ม!
พวกเขาทั้งหลายทยอยล้มลงทีละคน!
หน้าอกของหนานอวี่สิงกระเพื่อม ก่อนจะกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ!
“อวี่สิง!”
“พี่ใหญ่!”
หนานอีฝานและคนอื่นๆ พยายามดิ้นรนจะลุกขึ้น แต่เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ตับของเขาก็แทบจะแตกสลาย!
อย่างใดก็ตามในขณะนี้เงาร่างหลายสายพุ่งตัวออกมาจากกำแพงสีดำแห่งนี้ทีละร่าง!
ตอนที่เขากำลังจะช่วยพยุงร่างของหนานอวี่สิงและพาตัวออกไป ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
แกร๊ก!
เหมือนว่าเป็นของบางอย่างกำลังแตกสลาย
หนานอีฝานนึกอันใดขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ!
เขารีบหยิบจี้หยกออกมาอย่างรวดเร็ว!
ประกายแสงสี่ดวงที่อยู่ภายใน ตอนนี้เหลือเพียงสามดวงเท่านั้น!
ประกายแสงของผู้อาวุโสไป๋ถงได้แตกสลายไปแล้ว!
ผู้อาวุโสไป๋ถง…สิ้นแล้ว!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ผู้อาวุโสที่เหลืออีกสองท่านรีบเดินเข้ามาทันที
“ผู้อาวุโสอูเผิง ท่านเป็นอย่างใดบ้าง?”
แม้ว่าผู้อาวุโสอูเผิงยังมีสติอยู่ แต่ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยคราบเลือด ลมปราณอ่อนแรง เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัส
ผู้อาวุโสจิ่นเฮ่อรีบช่วยรักษาบาดแผลในทันที
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเดินไปที่ข้างกายของผู้อาวุโสไป๋ถง จากนั้นก็พบว่าเขาไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว
เขาหันไปมองใบหน้าของหนานอีฝานด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านประมุข ผู้อาวุโสไป๋ถงเขา…”
หนานอีฝานหลับตาลงแล้วโบกมือขึ้น
ผู้อาวุโสท่านนั้นเข้าใจในความหมายของเขาทันที จึงรีบย้ายศพของผู้อาวุโสไป๋ถงไปด้านข้างด้วยหัวใจที่จมดิ่ง หลังจากเตรียมการเสร็จแล้วค่อยนำกลับไปฝัง
หนานอีฝานเหลือบสายตามองจากหางตา เขาถึงได้เห็นว่าขาของผู้อาวุโสไป๋ถงถูกคนตัดจนขาด
เขาขมวดคิ้วขึ้นมา
หนานอีอีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อครู่นี้นางพูดเพียงว่าผู้อาวุโสไป๋ถงได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู้กับซั่งกวนเยว่ แต่กลับไม่ได้บอกอย่างละเอียดว่าหรงซิวเป็นคนตัดขาของผู้อาวุโสไป๋ถง
“คือว่า…”
นางยังไม่ทันได้อธิบาย ภายในกำแพงสีดำก็มีร่างเงาอีกหนึ่งร่างเดินออกมา!
หนานอีอีหันไปมองทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้น
“อาลั่วเหยี่ยน!”
คนผู้นั้นล้มลงกับพื้น ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งพยุงร่างให้ลุกขึ้นยืน ถ้าไม่ใช่ลั่วเหยี่ยน แล้วจะเป็นใครได้?
เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วเหยี่ยนก็เงยหน้าขึ้นมามอง
เขามองเห็นหนานอีอีเป็นคนแรก ภายในใจจึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา
จากนั้นเขาก็กวาดสายตาเพียงเล็กน้อย พร้อมเห็นว่ามีหนานอีฝานและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
ที่แท้พวกเขาก็ออกมาแล้ว…
ลั่วเหยี่ยนเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ในตอนที่เขากำลังจะเดินเข้าไปหา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหนาวสะท้านทั้งร่างกาย!
สัญญาณเตือนภัยของเขาดังขึ้นในทันที! ทั่วทั้งร่างตึงเกร็ง!
ในตอนนั้นเขาถึงสัมผัสได้ถึงชายสองคนที่ยืนไม่ห่างจากหนานอีฝานและคนอื่นๆ
เป็นชายแปลกหน้า รูปร่างสูงใหญ่
แต่ทว่า…ฝีมือแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!
ตอนที่เห็นใบหน้าของคนทั้งสองอย่างชัดเจน ทันใดนั้นลั่วเหยี่ยนก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
คนผู้นี้คือ…
“ลั่วเหยี่ยน”
หนานอีฝานเดินเข้ามาหา พร้อมกวาดสายตาสำรวจเขา เมื่อเห็นว่าเขาบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกฝ่ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
นอกจากผู้อาวุโสไป๋ถงที่เสียชีวิต ผู้อาวุโสอูเผิงและหนานอวี่สิงล้วนบาดเจ็บสาหัส
หนานอีอีและลั่วเหยี่ยนอยู่ในสภาพดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานาน
ซึ่งไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีผลข้างเคียงอันใดหรือไม่…
หนานอีฝานรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
ส่วนหนึ่งเขาก็รู้สึกโชคดีที่ทุกคน ยกเว้นผู้อาวุโสไป๋ถง มีชีวิตรอดออกมาได้
อีกส่วนหนึ่ง เป็นเพราะการต่อสู้ที่ดุเดือดทำให้ทุกคนต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
โดยเฉพาะหนานอวี่สิงต้องกลายเป็นขยะไร้ค่า ซึ่งมันทรมานกว่าปล่อยให้เขาตายไปเสียอีก
และนี่ก็ทำให้หนานอีฝานรู้สึกเจ็บปวดและลำบากใจเป็นอย่างมาก
ลั่วเหยี่ยนพยักหน้า “ประมุขโปรดวางใจ ข้าไม่ได้เป็นอันใด”
เขากวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว และสามารถมองสถานการณ์ในตอนนี้ออกได้ทันที
เขารู้อยู่แล้วว่าด้านในอันตรายอย่างมากจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ก็ไม่แปลก
ตอนนี้ความสนใจเดียวของเขาอยู่ที่ชายแปลกหน้าสองคนนั้น
“ทั้งสองท่านนี้คือ…”
หนานอีฝานดึงสติกลับคืนมาแล้วพูดว่า
“อ่า เกือบลืมแนะนำไปเลย ทั้งสองท่านนี้คือประมุขอี้เจาและผู้อาวุโสอี้อวี่แห่งเผ่าหงส์ทองคำ”
ลั่วเหยี่ยนตกใจอย่างมาก
เขาสามารถคาดเดาได้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนนี้คือบุคคลสำคัญของเผ่าหงส์ทองคำ แต่คิดไม่ถึงว่าประมุขอี้เจาจะมาที่นี่ด้วยตนเอง!
ทันใดนั้นเองก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมา
…บางทีเขาอาจจะมาเพราะหงส์ทองคำที่ทำพันธสัญญากับซั่งกวนเยว่ตัวนั้นก็ได้?
ลั่วเหยี่ยนระงับความคิดมากมายที่อยู่ในใจลง แล้วทำความเคารพอย่างมีมารยาท
อี้เจากลับขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
อีกฝ่ายขึ้นชื่อเรื่องความเย่อหยิ่งจองหอง การมีท่าทางเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เหมือนว่าพวกเขาตั้งใจมารอให้หงส์ทองคำตัวนั้นออกมาสินะ?
ความจริงแล้วทุกคนก็สงสัยเรื่องเหล่านี้เช่นเดียวกัน
ในเมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าไปด้านในพร้อมกัน แต่เหตุใดถึงมีแต่ฝั่งของหนานอีอีที่ได้ออกมา ส่วนอีกฝ่ายนั้นไม่มีใครออกมาเลยสักคน
นี่จะไม่ทำให้พวกเขาคิดมากได้อย่างใด
หนานอีฝานครุ่นคิดแล้วพูดว่า
“อีอี เจ้าว่าพวกของซั่งกวนเยว่นั้นจะสามารถออกมาได้หรือไม่?”
ตอนนี้เขาเกลียดอีกฝ่ายเข้ากระดูกดำ จนแทบอยากจะจบชีวิตของนางด้วยมือของเขาเอง!
หนานอีอีชะงักไปเล็กน้อย แล้วหัวเราะขึ้นเสียงเย็น
“ใครจะรู้เล่าเจ้าคะ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะตายอยู่ด้านในแล้วก็ได้…”
ฟิ้วๆ!
เงาร่างสองร่างปรากฏขึ้นในแทบจะเวลาเดียวกัน!
หนานอีอีจ้องมองตาเขม็ง หัวใจดำดิ่ง!
คาดไม่ถึงว่าทั้งสองร่างนี้คือ หนานซู่ไหวและฉู่หนิง!
แต่ที่ทำให้ผู้คนตกใจมากกว่านั้นก็คือ นอกจากบาดแผลเล็กน้อยบนร่างกายของเขาแล้ว ทุกอย่างยังดูปกติดี!
ดูจากสีหน้าท่าทางของเขา เหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับบาดแผลอันใดเลย!
เดิมทีหนานอีฝานอยากจะเดินเข้าไปหาพวกเขาในทันที แต่หลังจากเห็นว่าเป็นหนานซู่ไหว ร่างกายของเขาก็ชะงักกึก!
เหตุใดเจ้าสำนักหลิงเซียวถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ในขณะเดียวกันหนานซู่ไหวก็กวาดสายตาสำรวจโดยรอบ พร้อมเงยหน้าขึ้นมอง
หนานอีฝาน?
คาดไม่ถึงว่าเขาจะพาคนมาที่นี่ด้วย?
ไม่ ประเด็นสำคัญก็คือ เหมือนว่าหนานอีอีและคนอื่นๆ จะออกมาได้ก่อนพวกเขา?
เมื่อกวาดสายตามองโดยรอบ หนานซู่ไหวก็ไม่เห็นคนที่ต้องการอยากจะพบ ภายในใจจึงรู้สึกผิดหวังและเป็นกังวลขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง เขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
“ประมุขอี้เจา? ท่านมาที่นี่ได้อย่างใด?”