ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1716 พระชายา
ตอนที่ 1716 พระชายา
………………..
กระแสเสียงนั้นเย็นชาและราบเรียบ แต่ยังแฝงด้วยแรงกดดันอันมหาศาลที่ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืน!
ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นจึงหันมองตามเสียงโดยไม่รู้ตัว
พลังที่อยู่โดยรอบสัญลักษณ์ขนาดใหญ่บนกำแพงสีดำแผ่กระจายออกมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว!
ความว่างเปล่าก็ผันผวนตามไปด้วย!
ทันใดนั้นเองเงาร่างสูงใหญ่ก็เดินออกมาจากภายในนั้น!
คนที่เดินออกมามีใบหน้างดงาม ท่าทางสูงส่ง สวมชุดสีขาวหิมะ สะอาดบริสุทธิ์
แต่ทันใดนั้นเองรอบข้างเขาเหมือนจะหม่นแสงลงในทันที ลมปราณของฟ้าดินทั้งหมด รวมตัวกันอยู่ที่คนผู้นี้แล้ว
ทุกคนเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แววตาลึกล้ำราวกับมหาสมุทร พร้อมกวาดสายตามองทุกคนอย่างเงียบเชียบ
เห็นได้ชัดว่าเป็นสายตาที่ไม่แยแสสนใจ แต่กลับเหมือนแรงกดดันที่หนาทึบ จนทำให้ผู้คนไม่กล้าสบสายตามองตรงๆ!
ตอนที่เขาปรากฏขึ้นในครั้งแรก เขายังดูเหมือนกับเทพเซียนที่จุติลงมา
แต่ตอนที่เห็นดวงตาทั้งสองข้างของเขา พวกเขาถึงรู้สึกตกใจขึ้นมา…
ภาพลวงตา!
ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา!
นี่ไม่ใช่เทพเซียนที่ลงมาจากเก้าชั้นฟ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นปีศาจที่เดินออกมาจากเปลวเพลิงในขุมนรก!
แต่ความรู้สึกเหล่านี้ก็เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
สายตาของหรงซิวขยับไปมาเล็กน้อย จิตสังหารและกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นนั้นก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ตอนที่หันกลับไปมองอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นก็กลับคืนสู่ความสงบและอ่อนโยน ทั้งเฉยเมินและแบ่งแยกตามปกติแล้ว
“หรงซิว!”
เขาพยักหน้าเบาๆ ให้กับหนานซู่ไหวและคนอื่นๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นอันใด
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วหันมองไปทางอวี๋หงซานและซั่งกวนจิ้ง
ตั้งแต่เขาออกมา ทั้งสองคนนี้ก็หยุดต่อสู้กันไปชั่วครู่แล้ว
เขาสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาของหรงซิวที่กำลังมองมาทางเขา ทำให้อวี๋หงซานหัวใจสั่นสะท้านไปในทันที!
อันตราย!
ต่อให้เป็นซั่งกวนจิ้งก็ไม่สามารถสร้างแรงคุกคามแก่เขาได้มากขนาดนี้!
จิตใจของอวี๋หงซานกำลังสั่นคลอน
ชายผู้นี้มีชื่อว่าหรงซิว เหมือนจะอายุยี่สิบต้นๆ เท่านั้น
แต่ฝีมือของเขากับลึกล้ำเกินหยั่งถึง!
แม้กระทั่งเขาก็ไม่สามารถตรวจสอบได้!
แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ…มีคนมากมายออกมาจากด้านใน แต่กลับมีเพียงหรงซิวคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย!
เรื่องนี้ทำให้อวี๋หงซานต้องรู้สึกระวังตัวมากขึ้น
“ผู้อาวุโสซั่งกวน คนผู้นี้คือคนที่ท่านเคยทรยศหักหลังท่านใช่หรือไม่?”
หรงซิวถามขึ้นเสียงเรียบ
ซั่งกวนจิ้งจึงได้สติกลับคืนมา จากนั้นก็พยักหน้าขึ้นลง
เขาสามารถสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าหรงซิวมีอันใดเปลี่ยนแปลงไป แต่กลับพูดไม่ออกว่าที่ใดที่แตกต่างออกไป
หรงซิวพยักหน้า
“เช่นนั้นก็เชิญท่านตามสบาย”
คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะยังมีชีวิตอยู่
แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี ซั่งกวนจิ้งจะได้จัดการปัญหาด้วยตนเอง และแก้แค้นเรื่องราวในปีนั้น
“ท่านวางใจเถอะ ที่แห่งนี้ไม่มีใครกล้ายื่นมือไปยุ่งเรื่องของท่านแน่นอน ท่านอยากจะจัดการเขาอย่างใดก็ตามสบาย”
หัวใจของซั่งกวนจิ้งสั่นไหวเล็กน้อย
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าตรงไหนที่ผิดปกติไป!
…ตอนที่หรงซิวกำลังพูด เขาใช้เพียงประโยคบอกเล่า น้ำเสียงแน่วแน่เด่นชัด เหมือนว่าไม่ได้สนใจคำคัดค้านของคนรอบข้าง
หากพูดตรงๆ ก็คือ หรงซิวพูดให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นฟัง!
ซึ่งนี่คือคำสั่ง!
ซั่งกวนจิ้งรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เขารู้ว่าหรงซิวมีฐานะสูงส่ง และเป็นคนที่เย่อหยิ่งจองหองอยู่เสมอ
แต่ที่แห่งนี้ นอกจากเขาแล้ว ยังมีหนานอีฝาน ประมุขตระกูลหนาน!
ฐานะของตระกูลหนานนั้นสูงส่งกว่าพระราชวังเมฆาสวรรค์เสียอีก!
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ หนานอีฝาน…
ซั่งกวนจิ้งเหลือบสายตามองหนานอีฝานทันที จากนั้นเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย
เหมือนว่าท่าทางของหนานอีฝานจะผิดปกติไปเล็กน้อย?
…
หนานอีอีก็มองเห็นท่าทางเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
หลังจากหรงซิวปรากฏตัวขึ้นมา ความรู้สึกก็ซับซ้อนสับสนมากยิ่งขึ้น
อุปสรรคนานัปการที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ทำให้ความชอบของนางที่มีต่อหรงซิวลดลงไปเจ็ดแปดส่วน แต่จะให้นางเป็นปรปักษ์ยืนอยู่คนละข้างกับหรงซิว ก็เป็นเรื่องยากที่นางจะทำได้
แต่หรงซิวไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลย อีกทั้งยังต้องการจะออกมาต่อสู้กับนางด้วย!
หากหนานอีอีบอกว่านางไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยก็คงเป็นเรื่องโกหก ในขณะเดียวกันนั้นเองนางก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
จนในที่สุดนางก็ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากบิดาของตนเอง นั่นก็คือ…หนานอีฝาน
ก่อนหน้านี้หรงซิวและคนอื่นๆ ไม่มีความเกรงใจนางเลย ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านพ่อของนางก็ยังทำท่าทีกำเริบเสิบสานเช่นนี้อีก?
นางขมวดคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็กระตุกแขนเสื้อของหนานอีฝาน
หนานอีฝานถึงได้สติกลับคืนมา หันมองนางด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
“เหตุ เหตุใดหรือ?”
หนานอีอีขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม
เหตุใดหรือ?
สถานการณ์ทุกอย่างก็ปรากฏแก่สายตาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
“ท่านพ่อ ท่านเป็นอันใดหรือไม่?”
หนานอีอีถามขึ้นอย่างตื่นตระหนก
เขาเป็นคนที่กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาอยู่ตลอด น้อยครั้งมากที่เขาจะแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา
“ข้า…หนานอีอี เหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าถึงไม่…”
หนานอีฝานยังถามไม่จบประโยค แต่หนานอีอีก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน
เขากำลังหมายถึงหรงซิวหรือ?
หนานอีอีกำลังจะโต้เถียง แต่ภายในสมองของนางก็นึกถึงสิ่งที่หรงซิวเคยพูดว่าก่อนหน้านี้ได้
ช้าก่อน!
ดูจากสถานการณ์แบบนี้แล้ว ท่านพ่อกับหรงซิวรู้จักกันจริงหรือ?
“ประมุขตระกูลหนาน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะขอรับ”
หรงซิวหันมามองทางหนานอีฝาน น้ำเสียงราบเรียบ
ทันใดนั้นสีหน้าของหนานอีฝานก็อ่อนลงเล็กน้อย!
เขาขบกรามแน่นขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้มที่แข็งทื่อปรากฏ
“ไม่…ไม่ได้เจอกันนานเลย โอรสสวรรค์”
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกไปบรรยากาศโดยรอบก็เพิ่มความอันตรายมากยิ่งขึ้น
เขาคือประมุขตระกูลหนานนะ!
ไม่ว่าจะเป็นฐานะ คุณสมบัติ หรือฝีมือ ล้วนสูงกว่าหรงซิวตั้งไม่รู้เท่าไร!
แล้วเหตุใดท่าทางของเขาในตอนนี้ถึงได้ดูวิตกกังวลขนาดนี้เล่า?
หรงซิวเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“ท่านพ่อ?”
นางรู้จักท่านพ่อของตนเองเป็นอย่างดี
เขาไม่เคยแสดงความเกรงใจต่อผู้อื่นขนาดนี้ถ้าไม่มีเหตุผล แม้ว่าจะดู…คลุมเครือไม่ชัดเจน แต่ก็ยังแฝงด้วยความหวาดกลัวและหวั่นเกรงอยู่หลายส่วน!
แม้ว่าหนานอีฝานจะปกปิดอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แต่หนานอีอีที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขากลับเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน
หนานอีฝานเหลือบสายตามองนางด้วยความตึงเครียด
คาดไม่ถึงว่านังหนูคนนี้จะเล่าข้ามเรื่องสำคัญเช่นนี้ไปได้!
หากเขารู้ตั้งแต่แรกว่าหรงซิวก็เข้าร่วมเดินทางในครั้งนี้…
หนานอีอีถูกเขามองจนรู้สึกตกใจไปหมด
มิน่าล่ะ…
มิน่าก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาออก แต่ก็ยังมีท่าทีเมินเฉยเช่นนั้น
เดิมทีพวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แต่ตอนนี้ดูแล้ว…เกรงว่าจะไม่ใช่!
แต่เขาเป็นเพียงโอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ เหตุใดท่านพ่อถึงต้องเกรงใจเขาเช่นนี้?
ภายในใจของหนานอีอีมีระลอกคลื่นลูกใหญ่บังเกิดขึ้น
เมื่อนึกย้อนกลับไปเรื่องก่อนหน้านี้ นางเป็นคนผิดเองทั้งหมด!
หนานอีฝานไม่ได้สนใจนางแล้ว เขาฝืนยิ้มแล้วประสานมือทำความเคารพหรงซิว
“คิดไม่ถึงเลยว่าโอรสสวรรค์จะเดินทางมาที่นี่ ช่างบังเอิญจริงๆ เหอะๆ …”
“ไม่บังเอิญ”
ดวงตาของหรงซิวเย็นชา กระแสเสียงราบเรียบ
“เมื่อครู่นี้พวกเจ้าบอกว่าจะสั่งสอนซั่งกวนเยว่ ซึ่งเป็นนายหญิงของพระราชวังเมฆาสวรรค์…และเป็นพระชายาของข้า”
………………..