ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1722 จะอยู่หรือไป
ตอนที่ 1722 จะอยู่หรือไป
………………..
เปรี้ยง!
ตอนที่เหตุการณ์ทั้งหมดหยุดนิ่ง เสียงพลังปะทะกันก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน!
ซั่งกวนจิ้งกับอวี๋หงซานสู้กันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว!
เดิมทีอวี๋หงซานเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และยังเห็นว่าตระกูลหนานเกิดความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้เขายังเป็นต้นเหตุของเสียงวิจารณ์อีกด้วย ไม่ว่าอย่างใดก็ไม่สามารถพึ่งพิงได้แล้ว เขาถึงทั้งโมโหและร้อนรน!
เดิมทีเขาคิดว่าจะพึ่งพาหนานอีอี พึ่งพาตระกูลหนาน อย่างน้อยในวันนี้ก็น่าจะมีโอกาสชนะบ้าง
แต่ใครจะรู้เล่าว่าคนอื่นๆ ที่เหลือจะเป็นคนที่ไม่สามารถยั่วยุได้มากกว่าเสียอีก!
หรงซิวผู้นั้น เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเพียงใด
แต่ด้วยท่าทางของหนานอีฝานแล้วก็เป็นการอธิบายทุกสิ่งอย่างชัดเจน!
นอกจากนี้ยังมีอี้เจา!
เห็นได้ชัดว่าวันนี้เผ่าหงส์ทองคำอยู่ฝ่ายเดียวกับซั่งกวนเยว่
ซั่งกวนจิ้งคือบรรพบุรุษของซั่งกวนเยว่ พวกเขาจะต้องช่วยเหลืออีกฝ่ายแน่นอน!
ตอนนี้เขามาถึงทางตันแล้ว!
เขาสติแตก พลังการต่อสู้ของอวี๋หงซานจึงลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานเขาก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้ว!
ซั่งกวนจิ้งต่อสู้อย่างเต็มกำลัง บุกตามทะลวงเข้าไปในทันที!
บุญคุณความแค้นที่สะสมรวมกันเป็นพันปีได้ระบายออกมาแล้ว!
หลังจากผ่านไปไม่นาน อวี๋หงซานก็พลาดท่าครั้งใหญ่ ซั่งกวนจิ้งจึงคว้าโอกาสนี้โจมตีอย่างรุนแรงระดับหมายจะเอาชีวิต!
ตู้ม!
ร่างกายของอวี๋หงซานเป็นกึ่งโปร่งแสง จนสุดท้ายก็ตามด้วยระเบิดเสียงหนึ่ง!
กลุ่มหมอกควันจางหาย! จิตวิญญาณถูกทำลาย!
ซั่งกวนจิ้งถอนหายใจออกมายาวๆ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า อวี๋หงซานจะยังมีชีวิตอยู่ภายในกำแพงสีดำนั้นเป็นเวลาพันปี
แต่ยังดีที่ตอนนี้เรื่องทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว!
ร่องรอยของความไม่ยินยอมและโทสะถูกกดทับอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเขา เพราะในที่สุดอวี๋หงซานได้จากไปอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงทำให้เรื่องนี้จางหายไปอย่างไร้เสียง!
ในตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกดีใจที่ได้ติดตามนังหนูเยว่เออร์มาที่นี่
ไม่อย่างนั้นเขาจะมีโอกาสแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาหลายปีนั้นได้อย่างใด?
ซั่งกวนจิ้งเงยหน้าขึ้นมา พร้อมหันไปมองทางฉู่หลิวเยว่
ในตอนนี้เขาหวังเพียงแค่ว่านังหนูเยว่เออร์จะสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย
…
ในสถานการณ์นี้มีเพียงตระกูลหนานฝ่ายเดียวที่ต้องทุกข์ทนทรมาน
หนานอีฝานหลับตาลง
สถานการณ์ในวันนี้ไม่เอื้ออำนวยแก่พวกเขาอย่างมาก
พวกเขาไม่มีโอกาสชนะเลย
มีเพียงอย่างเดียวที่สามารถทำได้ นั่นคืออดทนต่อไป!
เขาเดินมายืนที่ด้านข้างของหนานอีอี
เมื่อเห็นสภาพของหนานอีอีในตอนนี้แล้ว หัวใจของเขาก็เหมือนถูกอันใดบางอย่างบีบรัดจนแน่น มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
แต่อย่างใดก็ตามเขายังไม่อยากจะยอมรับเลยว่าจุดจบทั้งหมดของหนานอีอีที่เกิดขึ้นในวันนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเพราะนางทำตัวเอง
ล่วงเกินใครไม่ล่วงเกินดันมาล่วงเกินหรงซิว?
หากยั่วโมโหเพียงแค่หรงซิว เขายังสามารถต่อสู้เพื่อนางได้ แต่ทว่า…คำพูดของนางนั้นได้ล่วงเกินเผ่าหงส์ทองคำอย่างมากด้วย!
หนานอีฝานรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
“อีอี พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและแหบพร่า
หนานอีอีมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
ผิดหวัง?
ไม่ใช่ คือความสิ้นหวัง
นางคิดว่าท่านพ่อจะช่วยปกป้องนาง
แต่ว่าเปล่าเลย
เรื่องทุกอย่างก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลายเป็นเพียงเรื่องน่าขันเท่านั้น
ตอนที่นางถูกคนอื่นปฏิบัติเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่มีท่าทางที่จะทวงหาความยุติธรรมให้แก่นางเลยแม้แต่น้อย
หนานอีฝานจะไม่รู้ได้อย่างใดว่านางกำลังคิดเรื่องอันใดอยู่?
แต่ว่าเขาก็มีปัญหาของตนเองเช่นเดียวกัน
เขาไม่มีทางให้ตระกูลหนานทั้งตระกูลเป็นปรปักษ์กับหรงซิวและเผ่าหงส์ทองคำเพื่อนางเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของนาง
ต่อให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป พวกเขาก็ยังเป็นฝ่ายที่ไม่มีเหตุผล
ด้วยสถานการณ์ดังนี้ เขาจะสามารถทำอันใดได้อีก?
หนานอีฝานกำหมัดกรอด น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นหลายส่วน
“ลั่วเหยี่ยน พานางกลับไป!”
ลั่วเหยี่ยนหลับตาลง สุดท้ายก็ตอบรับคำสั่งนั้น
อย่างใดก็ตามตอนที่เขากำลังจะพาตัวหนานอีอีออกไป นางก็เริ่มส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง! ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม!
“อื้อๆ!”
นางจะอยู่ที่นี่ เพื่อดูว่าซั่งกวนเยว่ผู้นั้นกำลังเล่นลูกไม้อันใดกันแน่!
แต่เมื่อนางเป็นเช่นนี้จะอยู่หรือไปก็ไม่มีอันใดแตกต่างกัน!
เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของนาง ลั่วเหยี่ยนก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองหนานอีฝาน
“หากประมุขอยากจะจากไป ท่านก็ไปก่อนได้เลย ข้าจะอยู่ที่นี่กับหนานอีอีเอง”
หน้าอกของหนานอีฝานรู้สึกหนักอึ้ง
ลั่นเหยี่ยนก็เอาความโกรธทั้งหมดมาลงที่ตัวของเขาด้วยหรือ?
ลั่วเหยี่ยนคิดว่าเรื่องนี้มันง่ายดายสำหรับเขาหรือไร?
หยวนตันหนานอวี่สิงถูกทำลายจนกลายเป็นขยะไร้ค่า
หนานอีอีก็ถูกตัดลิ้น ตอนนี้ก็กลายเป็นใบ้!
เขาที่เป็นบิดาแท้ๆ จะไม่รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างใด?
เขาระงับเพลิงโกรธที่อยู่ในใจลง
“ได้! ถ้าเช่นนั้นก็รออยู่ที่นี่ทั้งหมด! นางอยากจะไปเมื่อไร พวกเราก็ค่อยไป!”
ผู้อาวุโสที่อยู่รอบข้างต้องการจะกล่าวโน้มน้าวอีกสักประโยคสองประโยค แต่บรรยากาศรอบข้างกลับเย็นยะเยือก สุดท้ายพวกเขาจึงเลือกที่จะเงียบ
…
เดิมทีพวกเขาจะอยู่หรือไปก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว
ในตอนนี้ความสนใจของหรงซิว อี้เจา และคนอื่นๆ ล้วนอยู่ที่ฉู่หลิวเยว่และถวนจื่อแล้ว
ทุกคนออกมากันหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงพวกนางสองคนเท่านั้นที่ถูกขังอยู่ด้านใน
อีกทั้งกำแพงสีดำก็เริ่มโปร่งแสงตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ จึงยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น
หลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่ง กำแพงสีดำที่อยู่ด้านหน้าของทุกคนก็ไม่มีสีดำอีกต่อไปแล้ว
สัญลักษณ์ที่แปลกประหลาดนั้นก็เผยรูปลักษณ์ดั้งเดิมของมันแล้ว
ลึกลับยากคาดเดา เปล่งประกายงดงาม น่าเกรงขามและยิ่งใหญ่!
ตำแหน่งที่ฉู่หลิวเยว่อยู่นั้นดูเปราะบางเล็กน้อย
หากดูจากสายตาของคนภายนอกทุกคน นั่นเป็นตำแหน่งตรงกลางของสัญลักษณ์นั้นพอดิบพอดี
นางเหลือบสายตามองทางหนานอีอี จากนั้นก็ถอนสายตากลับไปอย่างสงบ ราวกับว่าความเป็นความตายของหนานอีอีไม่สามารถทำให้นางรู้สึกหวั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อย
นางโยนกระดาษในมือทิ้งลงพื้น
นิ้วเรียวยาวเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา กระดาษโปร่งแสงอีกแผ่นก็ลอยเข้ามา!