ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1723 สามแผ่นสุดท้าย ตอนที่ 1724 อ่านหมดแล้ว
ตอนที่ 1723 สามแผ่นสุดท้าย ตอนที่ 1724 อ่านหมดแล้ว
………………..
ตอนที่ 1723 สามแผ่นสุดท้าย
“นั่นมันคืออันใดหรือ?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ถามขึ้นมาเสียงต่ำอย่างอดไม่ได้
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่สงสัย ทุกคนในที่แห่งนี้ก็สงสัยด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ว่าพวกเขาจะมองเห็นฉู่หลิวเยว่ แต่กลับมองไม่เห็นกระดาษที่นางโยนทิ้งลงไป ว่าแผ่นนั้นหายไปอยู่ไหน อีกทั้งยังไม่เห็นว่ากระดาษแผ่นใหม่นั้นมาจากที่ใด
สิ่งเดียวที่พวกเขาเห็นก็คือ…เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่กำลังศึกษาสิ่งเหล่านั้นอย่างตั้งใจ
ส่วนบนกระดาษโปร่งแสงเขียนอันใดเอาไว้นั้น พวกเขาก็ไม่มีทางรู้เลย
อี้เจาไม่ได้ตอบคำถามของผู้อาวุโสอี้อวี่ เพียงแค่เบี่ยงสายตาไปมองทางถวนจื่อเท่านั้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ถวนจื่อก็เผยรอยยิ้มที่สดใสออกมา
“ขอบคุณท่านปู่ประมุข!”
เดิมทีนางเพียงแค่รู้สึกว่าที่แห่งนี้อันตรายมาก และกลัวว่าอาเยว่จะเผชิญอันตรายที่ตนเองไม่สามารถต้านทานไหว นางจึงลองส่งข้อความขอความช่วยเหลือออกไป
แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาที่นี่จริงๆ!
แม้ถวนจื่อจะดูเหมือนอายุยังน้อย แต่นางก็ติดตามอยู่ข้างกายฉู่หลิวเยว่มาหลายปี ดังนั้นจิตใจของนางจึงกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ว่า การที่ท่านปู่ประมุขมาด้วยตนเองนั้นหมายความว่าอย่างใด
นางจึงรู้สึกซาบซึ้งและประทับใจเป็นอย่างมาก
ดังนั้นนางจึงเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าที่น่ารักของถวนจื่อ หัวใจของอี้เจาก็เหมือนถูกอันใดบางอย่างกระแทกอย่างรุนแรง เขาจึงรู้สึกอบอุ่นและเอ็นดูมากเป็นพิเศษ
ผู้อาวุโสอี้อวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เหลือบสายตามองเขา
“หึ”
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการฉวยโอกาสนี้เพื่อสานสัมพันธ์กับถวนจื่อ แล้วยังจะมาพูดมากมายเช่นนี้…
ต่อให้ถวนจื่อไม่ใช่นายน้อย เขาก็จะมาด้วยตนเอง!
แน่นอนว่าคำพูดนี้ไม่สามารถพูดออกไปได้โดยตรง
เขาจำเป็นจะต้องไว้หน้าและรักษาภาพลักษณ์อันน่าเกรงขามของท่านประมุข
ในตอนนั้นผู้อาวุโสอี้อวี่ก็เดินสาวเท้าก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ถวนจื่อเจ้าวางใจเถอะ ท่านปู่อาวุโสที่ห้ากำลังรอเจ้าออกมานะ!”
ถวนจื่อพยักหน้าอย่างแรง และกำหมัดเล็กๆ ขึ้นมา
“อื้อ! ท่านปู่อาวุโสที่ห้ารอข้าด้วยนะ!”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางประดับรอยยิ้ม เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาว่า “ท่านปู่อาวุโสที่ห้า” ผู้อาวุโสอี้อวี่ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
คุ้มค่าแล้ว!
คุ้มแล้วที่มาที่นี่!
ผู้อาวุโสอี้อวี่ขยับเข้าไปใกล้อี้เจาอย่างอดไม่ได้ แล้วหัวเราะคิกคัก ก่อนจะถามขึ้นด้วยความภูมิใจอย่างปิดบังไม่มิด
“ประมุข ข้าเห็นว่าถวนจื่อมีท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก ท่านคิดว่า หลังจากที่นางออกมาแล้ว ข้าจะสามารถกอดนางได้หรือไม่?”
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่สันคอขึ้นในทันที
อี้เจามองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“นี่เจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่หรือ?”
ถ้าเขายังไม่ได้กอด แล้วมันจะไปถึงคราวของเจ้าได้อย่างใด?
ผู้อาวุโสอี้อวี่ “…”
อยากกอดเองก็พูดมาเถอะ!
ท่านไม่กล้าพูดออกมา แล้วจะยังไม่ให้คนอื่นกอดอีกหรือ?
เผด็จการ!
ไม่มีเหตุผล!
ผู้อาวุโสอี้อวี่แค่นหัวเราะดัง หึ แล้วพูดขึ้นมาว่า
“นั่นต้องไม่ใช่ฝันกลางวันแน่นอน…แต่ท่านประมุข ท่านทำหน้าเช่นนี้อยู่ตลอด มันจะเคร่งขรึมเกินไปนะ! เด็กที่ไหนเห็นแล้วเขาจะชอบ?”
ขณะที่พูด เขาก็ขยับตัวออกไปด้านข้าง
“หากยืนอยู่กับท่าน ไม่แน่ว่าจากถวนจื่อที่จะเข้ามากอดข้า นางอาจจะไม่เข้ามาแล้วก็ได้!”
อี้เจามองเขาอีกครั้ง
“อี้อวี่ หากเจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้นะ”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
…ใครเขากลัวกัน!
ขอเพียงถวนจื่อมีความสุข แค่ท่านประมุขไม่มีความสุขก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด?
…
ภายในกำแพง ฉู่หลิวเยว่โยนกระดาษที่อยู่ในมือของตนเองนั้นทิ้งไป
เสียงฉินดังก้องที่ข้างหู!
นางเงยหน้าขึ้นมองด้านหน้า
ยังเหลือ…สามแผ่นสุดท้าย!
ตอนที่ 1724 อ่านหมดแล้ว
ในตอนนี้นางสามารถจดจำบทเพลงฉินได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
จากกระดาษหมื่นแผ่น ตอนนี้เหลือเพียงสามแผ่นสุดท้ายเท่านั้น นอกจากตัวนางเอง ก็ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างที่นางอยู่ที่นี่ นางผ่านความเจ็บปวดและทรมานอย่างใดมาบ้าง
แต่ยังดีที่…
ในที่สุดทั้งหมดนั้นกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว!
กระดาษโปร่งแสงสามแผ่นนั้นลอยอยู่ตรงหน้าของนางอย่างเงียบเชียบ
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจ แล้วจ้องมองมันตาเขม็ง
จากนั้นนางก็เลือกหยิบแผ่นตรงกลางออกมา
ทันทีที่อยู่ในมือของนาง กระดาษโปร่งแสงก็ส่องประกายแวววาวออกมา
ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้แล้ว นางอ่านกระดาษสามแผ่นอย่างละเอียดและระมัดระวัง
…
นางดูมีสมาธิจดจ่อเป็นอย่างมาก จนคนที่เฝ้าดูอยู่ภายนอกต้องเงียบเสียงตามโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่ากลัวจะรบกวนนางเข้า
หนานอีฝานจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและสำรวจ เขามองไปที่กระดาษโปร่งแสงแผ่นนั้นที่อยู่ในมือของนางตาเขม็ง เหมือนเขากำลังสงสัยอันใดบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้ามั่นใจ
เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เขาก็รู้สึกปวดหัวอย่างมากจนต้องยกมือขึ้นมานวดขมับ
“ประมุข”
น้ำเสียงที่อ่อนแรงและทุ้มต่ำสายหนึ่งดังขึ้น
หนานอีฝานหันหน้ากลับไปมอง เป็นผู้อาวุโสอูเผิงที่เดินมาอยู่ด้านหลังของเขาอย่างไร้สุ้มไร้เสียงตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ
เมื่อเห็นว่าเป็นเขา สีหน้าของหนานอีฝานก็อ่อนลงเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสอูเผิง มีอันใดหรือ?”
ผู้อาวุโสอูเผิงหันไปมองหนานอีอีที่อยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า
“ท่านประมุข ความจริงแล้วคุณหนูรองก็ใช่ว่าจะก่อเรื่องโดยไม่มีเหตุผล…”
หนานอีฝานคิดว่าเขาต้องการจะมาพูดแก้ต่างให้กับหนานอีอี ดังนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสอูเผิง เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หากท่านจะพูดอันใด ไม่จำเป็นต้องพูด…”
“ท่านประมุขรู้หรือไม่ว่าเหตุใดคุณหนูรองถึงติดตามพวกเขาไม่ยอมเลิกรา?”
ผู้อาวุโสอูเผิงถอนหายใจออกมา
“หากเป็นเพียงความแค้นส่วนตัวจริงๆ อย่าว่าแต่ท่านเลย ต่อให้เป็นข้าและคุณชายใหญ่ก็ไม่มีทางเห็นด้วยเด็ดขาด”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หนานอีฝานหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
ผู้อาวุโสอูเผิงเป็นคนอย่างใด เรื่องนี้เขารู้ดี เขาไม่มีทางปล่อยให้หนานอีอีก่อเรื่องไปทั่วแน่นอน…
แม้ว่าเขาจะผิดหวังกับท่าทีของหนานอวี่สิงในวันนี้มาก แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่ถูกทำลายหยวนตันจนต้องกลายเป็นขยะไร้ค่า เขาคงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างแน่นอน
เมื่อพูดเช่นนี้…หมายความว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่ด้วยงั้นหรือ?
สีหน้าของหนานอีฝานจริงจังขึ้นหลายส่วน
“หากมีเรื่องอันใดผู้อาวุโสอูเผิงก็เชิญพูดมาตามตรงเถอะ”
ผู้อาวุโสอูเผิงชะงักไปเล็กน้อย
“ของที่ท่านให้คุณหนูรองตามหา เหมือนว่า…จะอยู่บนตัวของซั่งกวนเยว่”
หนานอีฝานชะงักไปครู่หนึ่ง!
เขากวาดสายตามองโดยรอบ จนแน่ใจว่าคนเหล่านั้นกำลังให้ความสนใจที่ซั่งกวนเยว่อยู่ เขาจึงถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า
“จริงหรือ?”
ผู้อาวุโสอูเผิงพยักหน้าเบาๆ
“ผู้เฒ่าอย่างข้าใช้แผ่นจานซิงหลัวยืนยันมาแล้ว คุณหนูรองก็สามารถสัมผัสได้ถึงลมปราณนั้นบนร่างกายของซั่งกวนเยว่ ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีอันใดผิดพลาด”
หนานอีฝานขมวดคิ้วเป็นปม แล้วเงียบเสียงไป
หนานอีฝานรู้สึกมึนงงและไม่เข้าใจ
“ข้าจำได้ว่าพวกเจ้าเข้ามาที่สุสานสังหารเทพพร้อมกันไม่ใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสอูเผิงพยักหน้า จากนั้นก็เล่าเรื่องก่อนหน้านี้ให้ฟังอย่างคร่าวๆ อีกรอบ
หนานอีฝานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้หนานอีอีพูดเพียงแค่ว่า ระหว่างที่อยู่ภายในสุสานสังหารเทพทั้งสองฝ่ายมีความขัดแย้งกัน แต่ไม่ได้เล่าสาเหตุและผลลัพธ์ให้ฟังอย่างชัดเจน
ตอนนี้ได้ยินผู้อาวุโสอูเผิงเล่าเช่นนี้ ในที่สุดก็สามารถอธิบายเรื่องบางอย่างได้แล้ว
แม้ว่าในตอนเริ่มต้น หนานอีอีจะเป็นฝ่ายเข้าไปยั่วยุและหาเรื่องอีกฝ่ายก่อนจริง
แต่ต่อมาพวกเขาก็ทำเพื่อของสิ่งนั้น กอปรกับยังคงพัวพันกับซั่งกวนเยว่ไม่เลิกรา อีกทั้งในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ถูกดูดเข้าไปในกำแพงสีดำแห่งนั้น
ทั้งความตาย ทั้งบาดเจ็บ
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถโทษหนานอีอีได้ทั้งหมด
“เมื่อพูดเช่นนี้แล้วก็หมายความว่าเขาสามารถหาของสิ่งนั้นได้เจอเร็วกว่าพวกเจ้าสินะ?”
หนานอีฝานมีสีหน้าเย็นชา
ผู้อาวุโสอูเผิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า
“ความจริงแล้ว…ข้ากลับคิดว่า ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเข้ามาในสุสานสังหารเทพ พวกเขาก็ไม่ได้มีเวลาไปตามหาของสิ่งนั้น อีกทั้งตั้งแต่ต้นจนจบ ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นก็เหมือนยังไม่รู้ว่าพวกเรากำลังตามหาอันใดอยู่”
สุดท้ายตอนที่นางต่อสู้กับหนานอีอี คำพูดเหล่านั้น เหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก
หนานอีฝานขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
“ท่านหมายความว่า…”
ผู้อาวุโสอูเผิงไม่ได้พูดอันใดออกมา แต่เงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย
…
ฉู่หลิวเยว่มองเนื้อเพลงฉินที่อยู่ในมือ
ลำแสงที่ส่องสว่างอยู่ด้านบนกลายเป็นอักขระดนตรี ปรากฏขึ้นในสมองซ้อนทับกับเสียงฉินนั้นอย่างต่อเนื่อง
แต่พอผ่านไปได้ครึ่งทาง ในที่สุดก็เกิดการชะงักขึ้นอีกครั้ง
นางถอนหายใจออกมา เหมือนกับว่าสามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรกแล้ว และนางก็ไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา แต่โยนกระดาษเนื้อเพลงที่อยู่ในมือทิ้งลงพื้นด้วยสีหน้าราบเรียบ
ยังเหลืออีกสองแผ่น
นางเลือกแผ่นที่อยู่ด้านขวาโดยไม่เหลือบสายตามองเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเอง การกระทำของนางก็ชะงักไป พร้อมเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อย
ภายในมิติที่นางอยู่ ตอนนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยที่มีนางเป็นจุดศูนย์กลาง
ซ้ายมือเป็นความมืดมิดอนธการ
ขวามือเป็นแสงสว่างพร่างพราว
ทุกคนที่รออยู่ด้านนอก ความจริงแล้วตอนนี้ก็รออยู่ที่ด้านแสงสว่าง
ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นนางได้ และนางก็สามารถมองเห็นพวกเขาได้
แต่ภายในความมืดมิดทางด้านซ้ายกลับมีคนผู้หนึ่งและฉินหลังหนึ่งหลบซ่อนตัวอยู่
“ผู้อาวุโสอาจิ่ง”
ฉู่หลิวเยว่หันหน้าเล็กน้อยเพื่อมองมาทางนี้
แม้ว่าตรงหน้าของนางจะมีเพียงความมืดมิด แต่นางก็สามารถมองเห็นเงาร่างที่อยู่ในความมืดได้อย่างเลือนราง
เสียงฉินหยุดชะงักลง
“หื้อ?”
ภายในน้ำเสียงทุ้มต่ำมีความเกียจคร้านอยู่เล็กน้อย ราวกับว่าสามารถกระตุ้นหัวใจของผู้คนได้ดีกว่าเสียงฉินเสียอีก
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”
อาจิ่งพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“อ่า? เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ?”
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นแล้วหยิบกระดาษอีกแผ่นมาไว้ในมือ
“หากข้าเดาไม่ผิดแล้วละก็ ทั้งสองแผ่นนี้ ไม่ว่าข้าจะเลือกแผ่นไหน ผลลัพธ์ก็คงเหมือนกันใช่หรือไม่?”
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง
“ไม่ว่าเนื้อเพลงฉินเหล่านี้จะเป็นของจริงหรือไม่ ความจริงแล้วเนื้อเพลงทั้งหมดก็อยู่ในความคิดของท่านไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ว่าสุดท้ายข้าจะเก็บแผ่นไหนเอาไว้ก็ล้วนไม่สำคัญ เพราะว่ากระดาษตัวจริงนั้นจะอยู่ที่ใบสุดท้ายอย่างแน่นอน!”
เขาต้องการให้นางอ่านเนื้อเพลงฉินทั้งหมดนี้ต่างหาก!
………………..