ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1734 แข็งชนแข็ง
ตอนที่ 1734 แข็งชนแข็ง
………………..
ทันทีที่สิ้นเสียง โหมวเหยาก็หัวเราะเสียงเย็นออกมา
“จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว? อาศัยแค่พวกเจ้าน่ะหรือ? ช่างใจกล้านัก! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย เพียงแค่แผ่นจานหยกอย่างเดียว ตอนนี้พวกเจ้าจะสามารถหาอันใดที่มีลักษณะเหมือนกันมาทดแทนกันได้หรือ? แล้วยังทำให้งานหมื่นคีรีล่าช้า ความผิดนี้ เจ้าจะรับผิดชอบมันได้อย่างใด?”
หรงซิวเหลือบสายตามองเขาเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ
“ข้าหรงซิว พูดได้ก็สามารถทำได้แน่นอน ในเรื่องนี้เกรงว่าไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเป็นห่วง”
โหมวเหยารู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา เพลิงโกรธปะทุขึ้นอย่างรุนแรงมากกว่าเดิม
หรงซิวผู้นี้…เป็นคนที่ยากจะยั่วยุ!
เมื่อทั้งสองคนนี้อยู่ด้วยกัน ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกโมโหจนเป็นบ้าได้!
โหมวหยางส่งสายตาให้กับโหมวเหยา
“โหมวเหยา เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีหนทางจริงๆ”
โหมวเหยาไม่กล้าโต้เถียงคำพูดของเขา เพียงแต่แค่นหัวเราะเสียงเย็นหนึ่งเสียง จากนั้นก็กลืนคำพูดที่เหลือทั้งหมดลงคอ
โหมวหยางเงยหน้าหันไปมองทางหรงซิวกับฉู่หลิวเยว่พร้อมกวาดสายตามองพวกเขาทั้งสองคนอย่างแผ่วเบาแต่แสดงความหมายไม่ชัดเจน
“ความจริงแล้วพวกเขาก็ไม่ต้องการทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้เป็นผลดีแก่พวกเราทั้งสองฝ่าย เอาอย่างนี้ถ้าหากพวกเจ้ามีวิธีซ่อมแซมแผ่นจานหยกนั้นให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิมภายในเวลาครึ่งชั่วยาม ข้าก็จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เป็นอย่างใด?”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้นภายในจัตุรัสขนาดใหญ่ก็เงียบเสียงลง
สายตาของคนจำนวนนับไม่ถ้วนจับต้องมาที่เงาร่างของคนทั้งสองที่อยู่กลางจัตุรัส
อยากรู้อยากเห็น สงสัย ประชดเสียดสี…
ทุกคนมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป แต่จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงรอคอยเรื่องราวน่าสนุก
เพราะพวกเขารู้เป็นอย่างดีว่า…บนโลกใบนี้ ไม่มีใครสามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จภายในเวลาครึ่งชั่วยามแน่นอน!
“ประมุขโหมวหยางพูดจริงหรือไม่?”
หรงซิวเมินเฉยกับสายตารอบข้างทั้งหมด พร้อมถามขึ้นเสียงเรียบ
โหมวหยางพยักหน้า
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก สิ่งที่เขาพูดออกมาแต่ละคำล้วนผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
มุมปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้น…ขอเชิญท่านและทุกคนรอสักครึ่งชั่วยามนะขอรับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็หันหน้ามองกันไปมา
หรงซิวหมายความว่าอย่างใด?
หรือว่าเขาจะสามารถทำได้จริงๆ ภายในเวลาครึ่งชั่วยามจะสามารถซ่อมแซมแผ่นจานหยกให้อยู่ในสภาพเดิมได้อย่างใด?
นี่เขามั่นใจในตัวเองถึงระดับใดกัน!
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว แล้วกุมมือของเขาไว้
หรงซิวหันหน้ากลับไปมอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
สายตาทั้งสี่ประสานกัน
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สงบลงในทันที
หรงซิวสามารถทำได้แน่นอน
ต่อให้ทุกคนไม่เชื่อ แต่นางเชื่อ
หรงซิว…สามารถทำเรื่องเหล่านั้นได้จริงๆ!
หลังจากนั้นหรงซิวก็เดินออกไปที่ด้านข้างก่อนจะหยิบแผ่นจานหยกที่แตกเป็นเสี่ยงขึ้นมา
“เยว่เออร์ ขอข้ายืมของหน่อยสิ”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
หรงซิวพูด
“กระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลง”
หางตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้นอย่างรุนแรง!
หรงซิวต้องการของชิ้นนี้ไปทำอันใด?
สายตาของนางหันไปมองทางแผ่นจานหยกที่แตกละเอียดอย่างไม่รู้ตัว ความไม่สบายใจพวยพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงและกะทันหัน
ที่นี่คือเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์นะ!
การที่พวกเขามาปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหันก็ช่างเถอะ หากต้องหยิบกระดูกออกมาต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย นี่ไม่เท่ากับเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรือ?
แต่เมื่อเห็นท่าทีที่สงบนิ่งของหรงซิว ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ก็ขยับเล็กน้อย จนสุดท้ายก็เลือกที่จะพยักหน้า
นางสะบัดมือเล็กน้อย ลำแสงหนึ่งปรากฏขึ้น
หลังจากนั้นก็มีกระดูกแท่งยาวปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่!
กระดูกส่วนนั้นกระจ่างใสแวววาว ราวกับหยกก็ไม่ปาน
แต่ทันทีที่ของสิ่งนั้นปรากฏตัวขึ้น ทั่วทั้งจัตุรัสก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที!
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นไท่ซวีเฟิ่งหลง พวกเขาจึงรู้สึกคุ้นเคยกับลมปราณของกระดูกเหล่านี้เป็นอย่างมาก!
“ซั่งกวนเยว่! บังอาจ!”
โหมวเหยาเบิกตากว้างด้วยความโมโห แล้วตำหนิเสียงดัง!
แม้กระทั่งโหมวหยางที่มีสีหน้าอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าก็ยังเย็นชาลงหลายส่วน
“ซั่งกวนเยว่ หรงซิว นี่พวกเจ้าตั้งใจจะทำอันใดกันแน่?”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำและน่าเกรงขามมากขึ้น คำแต่ละคำที่กระทบโสตประสาท เหมือนกับเสียงสายฟ้าผ่าที่น่าตกใจ!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก พลังปานดั้งเดิมภายในร่างกายของนางพวยพุ่งขึ้นในทันที!
หรงซิวกุมมือของนางเอาไว้
แม้ว่าตอนนี้นางจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็ยังเป็นระดับเทพขั้นสูง เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดเช่นนี้ ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วย
หรงซิวหยิบกระดูกชิ้นนั้นจากในมือของนางมา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพร้อมมองไปทางโหมวหยาง
ใบหน้าเย่อหยิ่งและสูงสง่าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ น้ำเสียงเกียจคร้าน และยังแฝงด้วยความเมินเฉยอยู่หลายส่วน
“ประมุขโหมวหยาง ท่านจะตื่นตระหนกไปเหตุใด? ข้าแค่จะยืมกระดูกส่วนนี้มาซ่อมแผ่นจานหยกเท่านั้น”
เขาพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย อย่างใดก็ตามคำพูดแต่ละคำนั้นทำให้โหมวหยางและคนอื่นๆ ที่ได้ยินรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก!
พวกเขารู้อย่างแน่นอนว่าบนร่างกายของซั่งกวนเยว่มีกระดูกของเผ่าพวกเขาอยู่ อีกทั้งนางยังเคยใช้กระดูกส่วนนี้สร้างกายเนื้อให้กับสัตว์อสูรในพันธสัญญาของตนเองใหม่!
หากไม่เช่นนั้น ในตอนแรกโหมวเหยาก็ไม่บุกไปที่สำนักหลิงเซียวเพื่อถามหาความรับผิดชอบกับนางหรอก
น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ในครั้งนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ
โหมวเหยาแพ้การเดิมพัน อีกทั้งเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะไล่ตามเอากระดูกนี้คืนอีกต่อไปแล้ว
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงทั้งหมดแสดงท่าทีต่อโหมวเหยาเปลี่ยนแปลงไป ส่วนใหญ่แล้วก็มาจากสาเหตุนี้
หากไม่เอากระดูกชิ้นนั้นออกมาก็ช่างเถอะ พวกเขายังทำเป็นเมินเฉยได้อยู่
แต่ในตอนนี้กระดูกชิ้นนั้นมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว แล้วจะให้พวกเขาอดทนต่อไปได้อย่างใด?
เมื่อเห็นว่าหรงซิวสามารถสลายแรงกดดันของเขาได้อย่างง่ายดาย ภายในใจของโหมวเหยาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เมื่อครู่นี้เขายังไม่ได้ทุ่มเต็มแรง เพียงแค่ต้องการเพิ่มแรงกดดันให้กับพวกเขาเท่านั้น จึงได้ใช้พลังไปเพียงครึ่งหนึ่ง
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงทั่วไป ไม่สามารถทนรับแรงกดดันนี้ได้แน่นอน
อย่างใดก็ตามแต่นี่เหมือนว่าจะไม่ได้สร้างปัญหาให้กับหรงซิวเลยแม้แต่น้อย
ฝีมือของหรงซิวนั้น…เหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าข่าวลือเสียอีก!
โหมวหยางพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“แต่สิ่งนี้มันคือกระดูกของคนตระกูลข้า เจ้าจะนำมาใช้เรื่อยเปื่อยได้อย่างใด!”
การกระทำเช่นนี้เหมือนกับการตบหน้าไท่ซวีเฟิ่งหลงทุกคน!
ทันใดนั้นหรงซิวก็หัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“ประมุขโหมวหยาง แม้ว่ากระดูกชิ้นนี้จะเป็นของผู้อาวุโสท่านหนึ่งในเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงจริงๆ แต่…ตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว ข้าอยากจะทำอันใดกับมันอย่างใด เหมือนว่าท่านจะไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นนะ? ในจุดนี้ผู้อาวุโสโหมวเหยาพูดเอาไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ผู้อาวุโสโหมวเหยา ท่านพูดว่าอย่างใดบ้างนะ?”
แม้ว่าโหมวเหยที่ได้ยินดังนั้นยังรู้สึกกรุ่นโกรธอยู่ ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาทันที!
ในวินาทีนั้นเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า สายตาที่เต็มไปด้วยคำตำหนิและความขุ่นเคืองจำนวนมากจ้องมองมาที่ตนเอง!
ผู้อาวุโสโหมวเหยาพูดตะกุกตะกัก ภายนอกแข็งกร้าว ภายในอ่อนแอ
“เจ้าพูดจาไร้สาระอันใดกัน! ในตอนแรกของการเดิมพันไม่ได้พูดสิ่งนั้นขึ้นมาเสียหน่อย!”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“เหมือนว่าท่านจะลืมง่ายเสียจริง ในตอนนั้นท่านยังพูดอยู่เลยว่า หลังจากข้าชนะการเดิมพันในครั้งนั้นแล้ว จะมอบกระดูกเหล่านั้นให้ข้า ไท่ซวีเฟิ่งหลงจะไม่ไล่ถามหาความผิดกับข้าอีก ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะแย่งกระดูกชิ้นนี้อีกต่อไป ในวันนั้นมีผู้ร่วมเหตุการณ์เป็นพยานอยู่ไม่น้อย ผู้อาวุโสโหมวเหยา อยากจะให้ข้าเชิญคนเหล่านั้นมาหรือไม่?”
………………..