ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1736 เบื้องหลังของหรงซิว
ตอนที่ 1736 เบื้องหลังของหรงซิว
………………..
“แล้วพวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่มีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย ภายในใจเกิดความกังวลขึ้นหลายส่วน
สัมพันธ์ระหว่างอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลทั้งสองละเอียดอ่อนอย่างมาก
พวกเขาเป็นปรปักษ์กัน แต่ไม่เคยลงมืออย่างจริงจังมาก่อน
มีท่าทีเกรงใจ แต่ภายในใจกลับไม่ได้ยอมอีกฝ่าย
พวกเขาต่อสู้กันมาหลายปีแล้วทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
แต่ทั้งสองฝ่ายมีกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้อย่างเป็นทางการข้อหนึ่งว่า ห้ามก่อเรื่องในถิ่นที่มั่นของอีกฝ่ายเด็ดขาด!
นี่คือเส้นตายของทั้งสองฝ่าย
หากใครคนใดล้ำเส้น จะต้องเกิดความปั่นป่วนที่ยิ่งใหญ่แน่นอน
หากผู้เฒ่าทั้งหลายของไท่ซวีเฟิ่งหลงรู้ว่าพวกเขามาที่นี่ เรื่องจะต้องวุ่นวายแน่นอน!
นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผู้อาวุโสอี้อวี่ไม่สบายใจ
เขาเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นก็หันไปมองทางถวนจื่อที่อยู่ด้านหน้า
เหมือนนางยังคงไม่รู้ตัว และเดินทางไปด้านหน้าอย่างตื่นเต้น
“หากยังเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เกรงว่าจะถึงเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”
ผู้อาวุโสอี้อวี่รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
เขาไม่เคยไปเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อมาถึงดอนสิบสามแล้ว แค่คิดก็รู้ว่าด้านหน้าจะต้องเป็นรังของไท่ซวีเฟิ่งหลงแน่นอน!
คิ้วของอี้เจาขยับขึ้นเล็กน้อย
“ดอนสิบสามเป็นเพียงบริเวณรอบนอกของเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เมื่อพวกเรามาถึงที่นี่ ก็ไม่ถือว่าเป็นการล้ำเส้น แต่พวกเราไม่สามารถเดินทางต่อไปด้านหน้าได้อีกแล้ว”
โดยเฉพาะครั้งนี้ที่มีเขากับผู้อาวุโสอี้อวี่เดินทางมาด้วย
อี้เจาตะโกนเรียกถวนจื่อขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ถวนจื่อชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับไปมอง แต่นางก็พบว่าอี้เจาและผู้อาวุโสอี้อวี่ล้วนหยุดยืนอยู่ที่เดิม
“ท่านปู่ประมุข มีอันใดหรือเจ้าคะ?”
ถวนจื่อถามขึ้นอย่างสงสัย
เมื่อซั่งกวนจิ้งและคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้น ก็ทยอยหยุดฝีเท้าตามกันไปด้วย จากนั้นก็หันกลับมามอง
อี้เจาจ้องหน้าถวนจื่ออยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นว่า
“ถวนจื่อ เจ้าแน่ใจหรือว่าซั่งกวนเยว่อยู่ที่ด้านหน้านี้?”
ถวนจื่อพยักหน้าขึ้นลง
“แน่ใจเจ้าค่ะ!”
ระหว่างทางที่ผ่านมาทุกคนก็เดินตามนางมาตลอดทางไม่ใช่หรือ?
แต่เหตุใดท่านปู่ประมุขถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหันล่ะ?
อี้เจาชะงักไปเล็กน้อย
เมื่อซั่งกวนจิ้งเห็นว่าสีหน้าของเขาไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“ประมุขอี้เจา มีอันใดผิดปกติหรือ?”
อี้เจาส่ายหน้า
“ไม่มีอันใด เพียงแค่ข้ากับอี้อวี่ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้แล้ว จึงทำได้เพียงส่งถวนจื่อที่นี่”
ซั่งกวนจิ้งและคนอื่นๆ ตกใจอย่างมาก
ถวนจื่อเบิกตากว้างแล้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“เหตุใดหรือเจ้าคะท่านปู่ประมุข?”
อี้เจายกมือขึ้นแล้วชี้ไปด้านหน้า
“ที่แห่งนี้คือดอนสิบสาม เป็นเขตแดนของไท่ซวีเฟิ่งหลงแล้ว เดินทางจากตรงนี้เข้าไป ด้านหน้าน่าจะเป็นเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ ด้วยฐานะของข้ากับอี้อวี่มีความพิเศษอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถเดินทางต่อไปได้”
หากเป็นเช่นนั้นละก็ ก็ถือว่าช่วยไม่ได้จริงๆ
ถวนจื่อเม้มริมฝีปาก ท่าทางผิดหวังและไม่อยากให้ทั้งสองคนจากไป
แม้ว่านางกับท่านปู่ประมุขและท่านปู่ผู้อาวุโสที่ห้าจะรู้จักกันไม่นาน แต่นางก็สามารถสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีของพวกเขา
หากตอนนี้ต้องแยกจากกันไป ภายในใจของนางก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
นางเกามวยผมของตนเอง
“ถ้าเช่นนั้นรอถวนจื่อตามหาอาเยว่เจอแล้วจะกลับไปเยี่ยมท่านและท่านปู่ผู้อาวุโสที่ห้านะเจ้าคะ!”
อี้เจามองไปทางดวงตากลมโตกระจ่างใสของนาง อีกทั้งท่าทางที่มั่นอกมั่นใจนั้น หัวใจก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา
“ได้! เช่นนั้นท่านปู่ประมุขจะรอเจ้ากลับมา”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ถึงกับน้ำตาไหล แล้วรีบพูดขึ้นมาว่า
“ข้าด้วย! ท่านปู่ผู้อาวุโสที่ห้าจะรอเจ้ากลับมาแน่นอน! หาก หากเจ้าอยากเจอท่านปู่ผู้อาวุโสที่ห้าก็ส่งข้อความมาหาได้เลยนะ ไม่ว่าถวนจื่อจะอยู่ที่ใด ท่านปู่ผู้อาวุโสที่ห้าจะต้องไปหาเจ้าอย่างแน่นอน!”
ในที่สุดคำพูดนี้ก็ทำให้ถวนจื่อรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าเล็กๆ มีรอยยิ้มที่สว่างสดใสประดับขึ้น
“คำไหนคำนั้นนะเจ้าคะ!”
หลังจากอี้เจาและผู้อาวุโสอี้อวี่ปลอบโยนถวนจื่ออยู่สักพักหนึ่ง ก็ถึงเวลาต้องเอ่ยคำลาจริงๆ เสียที จากนั้นก็ส่งถวนจื่อและคนอื่นๆ ไป
เมื่อเห็นว่าเงาร่างค่อยๆ หายไปจากครรลองสายตา ผู้อาวุโสอี้อวี่ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า
“ท่านประมุข ท่านจะวางใจจริงๆ หรือ? ท้ายที่สุดแล้วถวนจื่อก็คือนายน้อย หากบุกเข้าไปในเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะต้องสามารถจับสัมผัสจากลมปราณบนร่างกายได้แน่นอน หากคนบนเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นสร้างความลำบากใจให้แก่ถวนจื่อล่ะจะทำอย่างใด?”
อี้เจาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ
“วางใจไม่ได้ก็ต้องวาง หากพวกเราตามเข้าไปจริงๆ เรื่องราวน่าจะยุ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม”
ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงเลือกทางนี้เท่านั้น
“เพียงถวนจื่อเข้าไปที่นั่น จะต้องทำให้พวกเขารู้สึกลำบากซะอย่างแน่นอน แต่ยังดีที่ถวนจื่อยังเด็กมากนัก อีกทั้งยังทำพันธสัญญากับซั่งกวนเยว่ การที่จะไปตามหาซั่งกวนเยว่ก็นับเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ต่อให้พวกเขาอยากจะทำอันใดถวนจื่อ ดังนั้นเขาจะต้องหาเหตุผลที่เหมาะสมให้ได้เสียก่อน”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ทำใจให้สงบขึ้นมาได้เล็กน้อย
“ตอนนี้หวังเพียงว่าถวนจื่อจะเดินทางอย่างราบรื่น…”
อี้เจาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาอีกว่า
“หรงซิวผู้นั้น…มีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างใดกันแน่ เจ้ารู้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามเช่นนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลังจากที่ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นมาว่า
“เรื่องนี้ท่านก็รู้ทั้งหมดแล้วไม่ใช่หรือ? เขาเป็นโอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ไง!”
อี้เจาส่ายหน้า
“ข้าหมายถึง…ฐานะตัวตนด้านอื่นๆ”
ผู้อาวุโสอี้อวี่นึกอันใดมาได้อย่างกะทันหัน
“หรือเพราะท่านเห็นปฏิกิริยาของหนานอีฝาน…จึงได้รู้สึกสงสัยในตัวของหรงซิวขึ้นมา?”
อี้เจาพยักหน้า
เรื่องนี้ไม่มีอันใดให้ปฏิเสธ
ท่าทางของหนานอีฝานที่ปฏิบัติต่อหรงซิวนั้นมันแปลกประหลาดมากเกินไป
อำนาจของตระกูลหนานเหนือกว่าพระราชวังเมฆาสวรรค์ หนานอีฝานมีฐานะเป็นประมุขของตระกูล ไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะหวาดกลัวหรงซิวเช่นนี้
“เรื่องนี้…ข้าก็ไม่ค่อยรู้จริงๆ หลายปีมานี้หรงซิวแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์ก็มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก แต่ไม่เคยได้ยินมาว่านอกจากตำแหน่งโอรสสวรรค์แห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว ยังจะมีฐานะอื่นซ่อนอยู่อีก…เช่นนั้นให้ข้ากลับไปตรวจสอบดีหรือไม่?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ลองถามหยั่งเชิง
อี้เจากำลังจะพยักหน้า แต่ทันใดนั้นก็ชะงักไป เหมือนว่ากำลังลังเลอันใดบางอย่าง
หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็โบกมือขึ้น
“ช่างเถอะ ในเมื่อเขาไม่พูด พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปสืบ เรื่องเหล่านี้เมื่อถึงเวลาที่สมควรจะรู้ มันก็จะได้รู้ด้วยตนเอง”
สุดท้ายเขาก็หันมองตามทิศทางที่ถวนจื่อและคนอื่นๆ จากไป
เมื่อเห็นว่าเงาร่างหลายสายหายไปจากครรลองสายตาแล้ว
ลมพัดชายเสื้อของพวกเขาปลิวขึ้น
อี้เจาหลุบตาลงต่ำปกปิดอารมณ์ในแววตา จากนั้นก็หมุนตัวกลับมา
“พวกเราก็ถึงเวลาที่จะต้องกลับแล้ว”
…