ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1743 มังกรคำราม
ตอนที่ 1743 มังกรคำราม
………………..
ฉู่หลิวเยว่ตกใจอย่างมาก
“เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยหรือ? เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนล่ะ?”
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางสืบเรื่องราวของเผ่าหงส์มังกร นางก็ได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับไท่ซวีเฟิ่งหลงมาไม่น้อย ดังนั้นนางจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับพวกเขาอยู่หลายส่วน
แต่เรื่องนี้นางกลับไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
หรงซิวมองนางด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้เป็นข่าวฉาว พวกเขาจะให้คนภายนอกได้ยินเรื่องนี้ได้อย่างใด?”
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น ไม่รู้ว่าเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงใช้ความพยายามมากเท่าใดในการปิดบังเรื่องนี้
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ก็จริง”
ในค่ำคืนเดียวสังหารคนในเผ่าไปเจ็ดคน…
เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับสำนักไหนก็ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นเผ่าที่สูงส่งและห่างเหินอยู่โดยตลอด?
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย แต่นางไม่ได้ถามว่าหรงซิวรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างใด
…แม้กระทั่งสงครามสะท้านฟ้าภายในสุสานสังหารเทพ เขาก็ยังรู้ นับประสาอันใดกับเรื่องเหล่านี้ล่ะ?
หรงซิวหูตากว้างไกล เรื่องเหล่านี้นางรู้ตั้งนานแล้ว นางเห็นเป็นเรื่องแปลกจนเคยชิน
จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง จากนั้นมองดูร่องรอยบนผนังถ้ำอย่างละเอียด
หินบนเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นแตกต่างจากหินที่อยู่ภายนอก มันมีความแข็งกว่ามาก
สามารถทิ้งร่องรอยเอาไว้บนก้อนหินเหล่านี้ได้ เห็นได้ชัดว่าพลังนี้จะต้องเป็นพลังที่รุนแรงมาก
ร่องรอยเหล่านี้พันกันยุ่งเหยิง ทว่าแต่ละเส้นสายนั้นกลับสามารถมองออกได้อย่างง่ายดายว่าคนที่ถูกขังอยู่ภายในนั้นบ้าคลั่งมากเพียงใด
เมื่อมองดูคราบเลือดสีแดงเข้มเหล่านั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ตกใจขึ้นมาเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ข้าแค่รู้สึกว่า…ข้ารู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย สถานที่แห่งนี้ควรจะเป็นดินแดนต้องห้ามของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง แต่พวกเขากลับปล่อยพวกเราเข้ามาที่นี่โดยตรงเลยหรือ?”
ต้องการจะกักขังพวกเขาไว้ ทั่วทั้งเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ไม่มีที่ใดที่เหมาะสมไปกว่าที่นี่อีกแล้วหรือ?
มิน่าล่ะตอนที่เดินก้าวเข้ามาก้าวแรกจึงรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้เปลี่ยวร้างเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่สถานการณ์พิเศษ คนของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงคงไม่อยากจะสาวเท้าก้าวเข้ามาที่นี่ด้วยซ้ำละมั้ง
หรงซิวหันมองร่องรอยที่อยู่บนผนังถ้ำ หางตามีประกายสว่างวาบขึ้น จากนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาหัวเราะเสียงเบา
“แน่นอนว่าพวกเขามีเหตุผล”
เมื่อพูดจบเขาก็หยิบไข่มุกประทีปขึ้นมา
แสงสว่างส่องสะท้อนระหว่างคนทั้งสองในทันที
ฉู่หลิวเยว่มองเข้าไปด้านใน
เส้นทางภายในถ้ำคดเคี้ยว มีเส้นทางเพียงเส้นเดียวตรงเข้าไปถึงด้านใน ดังนั้นต่อให้ยืนมองจากตรงนี้ นางก็เห็นเพียงความดำมืดและมองไม่เห็นสิ่งอื่นใดเลย
เมื่อมีไข่มุกประทีปส่องสว่าง ดังนั้นการมองเห็นจึงดีกว่าเดิมมาก
หรงซิวมองหน้านางแล้วถามพร้อมรอยยิ้มว่า
“เจ้าอยากจะเข้าไปดูด้านในหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่สามารถเข้าใจได้ในทันที สถานที่แห่งนี้ ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็จะยิ่งอันตราย
แต่นางกลับพยักหน้าอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“ดู!”
โหมวหยางนำตัวพวกเขาสองคนมาไว้ที่นี่ เห็นได้ชัดว่ามีแผนการอื่นซ่อนเร้นอยู่
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินทางเข้าไปด้านใน
…ด้านหน้าวิหารไท่ซวี
ในที่สุดคนสุดท้ายก็ทำการทดสอบเสร็จสิ้น
โหมวหยางถอนหายใจออกมา
ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครโดดเด่นขึ้นเป็นพิเศษ
ในตอนนี้เพียงแต่หวังว่าหลังจากพวกเขาเข้าไปในวิหารไท่ซวี พวกเขาจะมีโชคบ้าง…
โหมวหยางลุกขึ้นยืน ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
ต่อให้ผู้อาวุโสที่นั่งใกล้ที่สุดก็ไม่สามารถสัมผัสถึงความคิดของเขาได้
ทุกคนลุกขึ้นยืนตามมาด้วย
โหมวหยางหันไปมองทางกลุ่มคนที่ชนะ แล้วพูดว่า
“ตอนนี้การทดสอบของทุกคนก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว! ที่พวกเจ้าสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้ นั่นได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเจ้าเป็นบุตรคนโปรดของสวรรค์!”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยพลัง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มให้กำลังใจ ดังนั้นจึงทำให้เด็กเหล่านี้ตื่นเต้นยินดีอย่างง่ายดาย
“แต่ว่า อย่างใดก็ตามนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ด่านต่อไป คือบททดสอบที่แท้จริงของงานหมื่นคีรีในครั้งนี้ที่พวกเจ้าจะต้องเผชิญ!”
โหมวหยางชะงักไปเล็กน้อย น้ำเสียงเพิ่มความน่าเกรงขามขึ้นอีกหลายส่วน
“หลังจากนี้ วิหารไท่ซวีจะเปิดขึ้นแล้ว! พวกเจ้าต้องเข้าไปตามลำดับ! ภายในวิหารจะมีของวิเศษของบรรพบุรุษและมรดกที่สืบทอด เจ้าจะได้รับโชคชะตานี้หรือไม่ หรือจะต้องบากบั่นมานะต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสในครั้งนี้แล้ว”
บนจัตุรัสเงียบสงัด
แต่สำหรับหนุ่มสาวคนรุ่นหลังนั้น กลับไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นและหุนหันพลันแล่นได้มิด
พวกเขาล้วนรู้ดีว่า การแข่งขันครั้งนี้สำคัญกับพวกเขามากเพียงใด!หากได้รับความโปรดปรานจากบรรพบุรุษสักท่าน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาก็จะสามารถเลื่อนตำแหน่งได้อย่างสบายๆ อนาคตสว่างสดใส ไร้ขีดจำกัด!
โหมวหยางกวาดสายตามองโดยรอบ แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ขอรับ/เจ้าค่ะ!”
เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวกล่าวตอบรับ ภายในน้ำเสียงยากจะปกปิดความตื่นเต้นดีใจ
โหมวหยางยกมือขึ้น แล้วโบกหนึ่งครั้ง
“วิหารไท่ซวี…เปิด!”
ครึกครืนน!
เมื่อได้ยินเสียงกึกก้องกัมปนาทสายหนึ่ง ซึ่งดังมาจากวิหารไท่ซวีที่ด้านหลังของเขา!
ผู้อาวุโสร่วมมือพร้อมเพรียง!
ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าโอบล้อม! วิหารไท่ซวีอยู่ตรงกลาง!
หลังจากนั้นเสียงมังกรคำราม เหมือนดังขึ้นจากระยะไกล อีกทั้งยังดังไปทั่วฟ้าดิน!
ครืน…
ในที่สุดประตูบานใหญ่ของวิหารไท่ซวีก็เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า!
“ไป!”
ผู้เยาว์เหล่านั้นแทบจะไม่สามารถรั้งตนเองได้ พวกเขาทยอยเดินเข้าไปในวิหารไท่ซวี!
เงาร่างของพวกเขาหายไปที่ด้านหลังประตูบานใหญ่อย่างรวดเร็ว!
…
ในขณะเดียวกัน หรงซิวและฉู่หลิวเยว่กำลังมุ่งหน้าไปในถ้ำของยอดเขาสัตตบงกช พวกเขาก็สามารถได้ยินเสียงคำรามของมังกรที่น่าตกใจนั้นได้
ทั้งสองคนแทบจะชะงักฝีเท้าในเวลาเดียวกัน
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองทางนั้นอย่างอดไม่ได้
ในตอนนี้พวกเขาเดินทางมาในถ้ำลึกแล้ว ต่อให้หันกลับไปมอง ก็มองไม่เห็นอันใด
แต่เสียงคำรามของมังกรนั้น มันน่าตกใจมากจริงๆ จนทำให้เลือดลมของผู้คนพลุ่งพล่าน
เห็นได้ชัดว่า…อีกฝ่ายนั้นอยู่ห่างจากพวกเขาระยะหนึ่ง…
ฉู่หลิวเยว่หวาดกลัวเล็กน้อย
เจ้าของของเสียงคำรามนั้นจะต้องมีพลังฝีมือเหนือกว่าโหมวหยางแน่นอน!
ท้ายที่สุดแล้วเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาวุ่นวาย ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเผ่าหงส์ทองคำ
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามก็ไม่สามารถดูเบาได้เลย
เสียงคำรามของมังกรนั้นค่อยๆ จางหายไป แต่ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกว่าเสียงนั้นยังคงต้องสะท้อนอยู่ในโสตประสาทของนาง ไม่จางหายไปไหน
ทันใดนั้นก็มีระลอกคลื่นแผ่กระจายออกมาจากภายในร่างกายของนาง
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
“จื่อเฉิน?”