ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1747 ไพ่ไม้ตาย
ตอนที่ 1747 ไพ่ไม้ตาย
………………..
หนานซู่ไหวส่ายหน้า
“ความจริงแล้วข้าเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะสำเร็จหรือไม่”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตากลมโตราวกับลูกองุ่นของถวนจื่อก็มีประกายผิดหวังปรากฏขึ้น
แต่นางก็สามารถกลับมาร่าเริงสดใสได้ดังเดิมอย่างรวดเร็ว นางกำหมัดเล็กๆ ขึ้น และพูดอย่างจริงจังว่า
“ต่อให้มีความหวังริบหรี่ ข้าก็จะขอลองดู!”
หนานซู่ไหวลูบมวยผมของนาง
“ได้!”
เมื่อพูดจบหนานซู่ไหวก็หันหน้าไปมองซั่งกวนจิ้ง
“ผู้อาวุโสซั่งกวนได้โปรดคุ้มกันข้าด้วย”
ซั่งกวนจิ้งพยักหน้า
ความจริงแล้ว เขาเองก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก หนานซู่ไหวจะใช้วิธีการใดที่จะสามารถทะลวงการป้องกันที่เข้มงวดของเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ เพื่อติดต่อกับเยว่เออร์และหรงซิว
ซั่งกวนจิ้งยกมือขึ้น วงแหวนโลหะสีครามขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏที่กลางฝ่ามือของเขา
วงแหวนโลหะนี้ดูแล้วมีอายุไม่น้อย บริเวณขอบก็มีสนิมติดอยู่
เมื่อเพ่งมองอย่างละเอียดแล้วก็จะเห็นลวดลายที่สลับซับซ้อนสลักอยู่ด้านบน ทำให้ลมปั่นดูเก่าแก่และผ่านอันใดมามากมาย
“นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าสร้างเอาไว้นานแล้ว มันสามารถปกปิดลมปราณ อีกทั้งยังสร้างม่านพลังที่แข็งแกร่ง การนำมาคุ้มครองน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
ขณะที่พูดเขาก็กลั้นลมหายใจรวบรวมสมาธิ จากนั้นก็ถ่ายเทพลังปราณดั้งเดิมเข้าไปด้านใน!
พรึ่บ!
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากวงแหวนโลหะสีคราม
มันหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีขาวสว่างและสูงส่งราวกับผ้าโปร่งที่ปลิวลงมา ก่อนจะก่อตัวเป็นม่านพลังห่อหุ้มทุกผู้คนเอาไว้!
หนานซู่ไหวรู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้น ขาทั้งสองข้างขัดสมาธิกัน ไหล่ทั้งสองข้างยกขึ้นเบาๆ
ลำแสงหลายสายพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา จากนั้นมันก็รวมตัวอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดเป็นค่ายกลวงกลมหนึ่งแห่ง!
เหมือนว่าพื้นที่ที่อยู่บริเวณโดยรอบได้รับผลกระทบจากพลังนี้ ดังนั้นจึงเกิดระลอกคลื่นเล็กน้อย
และสามารถมองเห็นรอยแตกร้าวสีดำของมิติได้
คนอื่นๆ รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
…ค่ายกลแห่งนี้ คือค่ายกลเคลื่อนย้าย!
แม้ว่าทั้งสองอย่างจะเป็นค่ายกลเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วมันแตกต่างกันอย่างมาก
หากต้องการจะสร้างค่ายกลเคลื่อนย้าย โครงสร้างของค่ายกลลึกซึ้งกว่าค่ายกลทั่วไปหลายเท่าตัว
เพราะไม่ใช่เพียงแค่ปรมาจารย์ด้านค่ายกลจะต้องเข้าใจค่ายกลจนมีความลึกซึ้งเพียงพอ แต่พวกเขายังต้องควบคุมพื้นที่ให้ได้เป็นอย่างดีด้วย
หากผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียที่ร้ายแรงได้
แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนตกใจไม่ใช่หนานซู่ไหวต้องการจะสร้างค่ายกลเคลื่อนย้าย เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดที่ควรค่าแก่การยอมรับ สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้จึงไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอันใด
แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ…เหตุใดเขาถึงต้องสร้างขึ้นในเวลานี้?
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ในที่สุดค่ายกลนั้นก็สำเร็จเสร็จสิ้น!
เมื่อมองไปยังค่ายกลที่ส่องแสงสว่างพร่างพราว ถวนจื่อก็มีสีหน้ามึนงง
“ท่านปู่เจ้าสำนัก ท่านบอกว่าจะหาทางติดต่อกลับอาเยว่ไม่ใช่หรือ? แล้วค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้…”
หนานซู่ไหวอธิบายขึ้นอย่างเชื่องช้า
“แน่นอนว่าที่สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ก็เพราะว่าจะเข้าไปในเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์!”
ซั่งกวนจิ้งและฉู่หนิงหันมองไปทางหนานซู่ไหวอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้ามีร่องรอยของความตกใจอย่างปิดไม่มิด
แม้กระทั่งถวนจื่อยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอันใดบางอย่างที่ผิดปกติ นางเอียงศีรษะ แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย
“แต่ว่า…แต่คนเมื่อครู่นี้เขาบอกว่าห้ามพวกเราเข้าไปไม่ใช่หรือเจ้าคะ? อีกทั้งพวกเขายังมีการคุ้มกันที่เข้มงวด เท่าที่ข้าเห็นก็มีม่านพลังสองชั้นแล้ว! แล้วเราจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้…เข้าไปด้านในได้อย่างใดเจ้าคะ?”
นางคิดว่าท่านปู่เจ้าสำนักหมายความว่า ให้พวกเราอยู่ด้านนอกรอให้อาเยว่ออกมา!
หนานซู่ไหวหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้เข้าไป พวกเราก็สามารถติดต่อกับพวกเขาได้แล้วไม่ใช่หรือ? สามารถเจอกับพวกเขาได้โดยตรงด้วย”
แบบนี้ยังดีเสียกว่า
ฉู่หนิงขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ แล้วถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เจ้าสำนักหนาน ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงจะไม่ตรวจจับได้ใช่หรือไม่ขอรับ อีกทั้งยังสามารถค้นหาเยว่เออร์ได้ทันที?”
หนานซู่ไหวหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
เขาถอนหายใจออกมา สายตาที่มองไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้เต็มไปด้วยความลึกล้ำ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้สร้างขึ้นโดยเจ้าสำนักคนแรกแห่งสำนักหลิงเซียว ว่ากันว่าหากใครสามารถเข้าใจค่ายกลนี้ได้อย่างลึกซึ้งถ่องแท้ แม้แต่ม่านพลังของอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็ไม่สามารถขวางกั้นได้! แต่ทว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้มีเพียงเจ้าสำนักหลิงเซียวเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติศึกษาค่ายกลนี้ ข้าได้ศึกษาอย่างกระจ่างแจ้งมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ทำสำเร็จเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าออกอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ตามใจชอบ แต่…การที่จะแอบเข้าไปในเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ น่าจะไม่ใช่ปัญหาอันใด”
ซั่งกวนจิ้งและฉู่หนิงมองหน้ากันไปมา และสามารถมองเห็นความประหลาดใจจากในแววตาของอีกฝ่ายได้
…เมินเฉยต่อม่านพลัง สามารถเข้าออกอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ตามใจชอบ!
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้สุดยอดจริงๆ!
ซั่งกวนจิ้งถอนหายใจออกมา
“ได้ข่าวว่าเป็นสำนักอันดับหนึ่ง เป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบเทียม พลังทะลุสวรรค์ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ข่าวลือจริงๆ”
หนานซู่ไหวหัวเราะออกมา
แต่ความสามารถที่แท้จริงของคนผู้นั้นน่าจะแข็งแกร่งกว่าในข่าวลือหลายเท่าตัวเลยทีเดียว?
ทว่าโดยพื้นฐานแล้วมีเพียงอดีตเจ้าสำนักเท่านั้นที่รู้เรื่องราวเหล่านี้
“เพียงแต่ว่า”
หนานซู่ไหวมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เมื่อเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้แล้ว จำเป็นต้องมีคนคุ้มกันข้าอยู่ที่นี่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันเหตุร้าย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าข้าจำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ นอกจากนี้แล้วยังต้องรบกวนให้ผู้อาวุโสซั่งกวนช่วยคุ้มกันข้าด้วย ดังนั้นคนที่จะสามารถเข้าไปได้ก็มีเพียงแค่ฉู่หนิงและถวนจื่อ”
พวกเขาไม่กี่คนชะงักไป
ฉู่หนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า
“ตอนนี้ข้าเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับหนึ่ง หากติดตามเข้าไปด้วย ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถช่วยอันใดได้ อาจจะยังเป็นตัวถ่วงได้ ข้าว่าข้าอยู่ที่นี่จะดีกว่า”
เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของตนเองดีกว่าใคร
แม้ว่าเขาจะมีร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะ พลังแห่งการป้องกันเป็นหนึ่ง ทั้งยังสามารถสร้างอาณาเขตเทพเซียนได้
แต่ในครั้งนี้พวกเขาต้องลอบเข้าไปในเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์เพื่อตามหาคน
ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่มีอันใดที่เขาสามารถช่วยเหลือได้ ซึ่งอยู่ที่นี่จะดีกว่า
ถวนจื่อเพียงคนเดียวจะคล่องแคล่วมากกว่าเขา
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีพันธสัญญากับเยว่เออร์ ดังนั้นนางจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
หนานซู่ไหวพยักหน้า
ความจริงแล้วเขาก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน
ในสถานการณ์นี้ถวนจื่อจึงไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ในใจเขารู้สึกเป็นห่วงถวนจื่อไม่น้อย
“ถวนจื่อ เจ้าไปคนเดียวได้หรือไม่?”
ความจริงแล้วถวนจื่อก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เดิมทีนางคิดว่าทุกคนจะเข้าไปพร้อมกันได้
แต่เมื่อได้ยินหนานซู่ไหวถามเช่นนี้ นางก็เบิกตากว้าง ก่อนจะกวาดสายตามองทุกคน ในที่สุดนางก็พยักหน้าอย่างแรง
“ได้เจ้าค่ะ!”
หนานซู่ไหวมีสีหน้าโล่งใจ และยิ้มออกมาอย่างขื่นขม
“หากประมุขอี้เจารู้เรื่องนี้ ข้าไม่รู้ว่าจะต้องคุยกับเขาอย่างใดดี”
ที่จริงแล้วฐานะของถวนจื่อนั้นพิเศษมากเกินไป
หากนางเป็นเพียงแค่อสูรศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาก็ช่างเถอะ
แต่นางดันเป็นเผ่าหงส์ทองคำ…คู่แข่งของไท่ซวีเฟิ่งหลง!
ประเด็นที่สำคัญเลยก็คือ นางยังเป็นนายน้อยอีกด้วย!
ถ้าไท่ซวีเฟิ่งหลงรู้เรื่องนี้เข้า…ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจะต้องเกิดพายุโหมกระหน่ำอย่างแน่นอน!
ถวนจื่อรู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอันใดอยู่ ดังนั้นจึงเม้มริมฝีปากแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ท่านปู่เจ้าสำนัก พวกท่านวางใจได้เลย! หลังจากที่ข้าเข้าไปแล้ว ข้าจะระมัดระวังตัวอย่างมาก! หาอาเยว่ให้เจอ และพาพวกเขากลับมา!”
………………..