ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1748 ปลอบโยน
ตอนที่ 1748 ปลอบโยน
………………..
หลังจากที่พูดจบ ถวนจื่อก็กระโดดขึ้นบนค่ายกลเคลื่อนย้าย
หนานซู่ไหวพยักหน้าเบาๆ
“ระวังตัวด้วย”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็โคจรพลังที่ฝ่ามือ
ทันใดนั้นเองลำแสงก็สว่างขึ้น!
ค่ายกลเคลื่อนย้ายกำลังโคจรอย่างเชื่องช้า!
หลังจากนั้นไม่นานเงาร่างของถวนจื่อก็ถูกลำแสงกลืนกินและหายตัวไปอย่างสมบูรณ์!
…
ทุกผู้คนกำลังยืนรออยู่ที่จัตุรัสด้านหน้าวิหารไท่ซวี
เวลาเคลื่อนคล้อย คนเข้าไปในวิหารได้ถูกคัดออกมาเป็นส่วนใหญ่แล้ว
เหลือเพียงห้าคนสุดท้ายเท่านั้นที่ยังอยู่ภายในนั้น
สีหน้าของโหมวหยางราบเรียบ เขาไม่ได้พูดอันใดออกมาเลยสักคำ
บรรยากาศรอบข้างหยุดนิ่งอย่างไม่สามารถอธิบายได้
ทุกอย่างเงียบกริบ
ทุกคนล้วนจมอยู่ในความเงียบ เหมือนกับว่าพวกเขากลัวว่าจะรบกวนกับอันใดบางอย่าง
แต่ความจริงแล้วที่พวกเขาเป็นเช่นนี้ ก็มีเหตุผลอยู่
…คนที่ถูกคัดออกไปก่อนหน้านี้นั้น ไม่มีใครได้รับมรดกสืบทอดจากวิหารไท่ซวีเลย!
เรื่องราวเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในงานหมื่นคีรีมาก่อน
แม้ว่าจะมีคนจำนวนมากที่ตกรอบก่อนเวลา แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดี สามารถได้รับโชคชะตาของตนเอง
ดังนั้นแม้ว่าสีหน้าของโหมวหยางจะไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงดูสงบราบเรียบเช่นเดิม แต่ทุกคนกลับรู้สึกกังวลขึ้นโดยไม่รู้ตัว
สถานการณ์ในตอนนี้ นอกจากห้าคนสุดท้ายนั้นจะได้รับมรดกที่ไม่เลวมาทั้งห้าคน หรืออย่างน้อยได้มาสักคนก็ยังทำให้ความไม่สบายใจของทุกคนสงบลงได้
มีบางคนแอบหันไปมองโหมวหยางเป็นบางครั้ง เพราะอยากเห็นว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่
แต่น่าเสียดายที่โหมวหยางซ่อนความคิดเอาไว้ลึกมาก ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถคาดเดาได้
ทันใดนั้นเองคิ้วของโหมวหยางก็ขยับขึ้น จากนั้นก็หันกลับมามอง
การกระทำที่เรียบง่ายเหล่านี้ ทำให้ผู้คนรอบกายเขารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที
“ท่านประมุข มีอันใดหรือขอรับ?”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งโค้งคำนับแล้วถามขึ้น
โหมวหยางจ้องไปยังความว่างเปล่าที่อยู่ระยะไกล เขามองดูอยู่สักพักแล้วพูดขึ้นว่า
“ช่วงนี้ด้านนอกเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์มีความผิดปกติอันใดหรือไม่?”
เมื่อครู่นี้เขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือว่าด้านนอกม่านพลังเหมือนเกิดระลอกคลื่นขึ้นมาสายหนึ่ง
แต่การเคลื่อนไหวนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เดียว เหมือนว่าเขาแค่รู้สึกไปเอง
ผู้อาวุโสคนนั้นชะงักไป จากนั้นก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“เรียนท่านประมุข ทุกอย่างเป็นปกติดี หลังจากได้รับคำสั่งจากท่านให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด พวกเราก็เพิ่มกำลังในการเฝ้าม่านพลัง ไม่ปล่อยให้ใครผ่านเข้าออกตามใจชอบแน่นอน”
โหมวหยางพยักหน้า
ต่อให้เขาไม่พูด ผู้อาวุโสของเผ่าที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็ระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่า…
ระลอกคลื่นเมื่อครู่นี้ มันมีอันใดเกิดขึ้นกันแน่?
หรือว่าเขาจะรู้สึกไปเองจริงๆ
ทุกคนที่อยู่รอบข้างล้วนตกใจเป็นอย่างมาก
งานหมื่นคีรีกำลังดำเนินอยู่นะขอรับ! แล้วท่านประมุขจะออกจากงานไปเช่นนี้ได้อย่างใด?
แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ความอดทนของโหมวหยางได้หมดลงแล้ว
เขาอยู่ในตำแหน่งประมุขมาหลายปี เข้าร่วมงานหมื่นคีรีมาก็หลายครั้ง มีประสบการณ์ด้านงานนี้เพียงพอแล้ว
เขารู้ว่าต่อให้คนที่เหลือทั้งห้าคนนั้นจะได้รับมรดก แต่ก็น่าจะเป็นเรื่องยากที่จะนำมาเปรียบเทียบกับเผ่าหงส์ทองคำตัวนั้น
เพียงแต่คำพูดนี้ ไม่สามารถพูดต่อหน้าทุกคนได้
โหมวหยางสาวเท้าขึ้นแล้วเดินไปทางนั้น
ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างมองหน้ากันไปมา
เขาคือประมุข ใครจะกล้าขวางทางเขากัน?
ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องการไปตรวจสอบการป้องกันของเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์
ในจุดนี้พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปขวางทางได้
ผู้อาวุโสไม่กี่คนสบสายตากัน จากนั้นก็มีผู้อาวุโสคนหนึ่งในจำนวนนั้นเดินทางติดตามไปด้วย
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามเป็นเพียงแค่การไปดูเท่านั้น คงเสียเวลาไม่เท่าไร…
ตู้ม!
ประตูบานใหญ่ของวิหารไท่ซวีเปิดออกมาอีกครั้งอย่างกะทันหัน!
เงาร่างสายหนึ่งลอยกระเด็นออกมาจากภายใน
ชายหนุ่มคนนี้มีสภาพไม่จนตรอกเหมือนกับทุกคนที่ออกมาก่อนหน้านี้ ตอนที่ชายหนุ่มคนนี้ออกมานั้น เขามีท่าทีสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลางอากาศก่อนจะหล่นลงพื้นอย่างงดงาม!
ร่างกายของเขามีคราบเลือดเปรอะเปื้อนอยู่หลายจุด แต่โดยทั่วไปแล้วลมปราณของเขายังแข็งแกร่งและไม่ได้รับความเสียหาย
ประเด็นที่สำคัญเลยก็คือ บริเวณระหว่างคิ้วของเขามีสัญลักษณ์ไท่ซวีเฟิ่งหลงส่องสว่างอยู่จางๆ!
…นั่นเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ได้รับสืบทอดมรดก!
โหมวหยางที่เห็นฉากนี้ก็เผยรอยยิ้มออกมา
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะไปดูม่านพลังด้วยตนเอง
…นี่เป็นทายาทคนแรกที่ได้รับการสืบทอดมรดก ในฐานะประมุข เขาจะจากไปได้อย่างใด?
“พวกเจ้าไปดูอีกครั้ง และอย่าลืมเฝ้าระวังเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ให้ดี”
เขาพูดเสียงต่ำ
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างรีบตอบรับ
“ขอรับ”
โหมวหยางพยักหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มคนนั้น
ในตอนนี้ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจและชื่นชมปรากฏออกมา
“ทำได้ไม่เลว”
คนนั้นก็ยากที่จะปกปิดความยินดี
ครั้งนี้เขาได้รับมรดกที่ระดับไม่ต่ำมา ต่อให้ไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว!
“ขอบคุณท่านประมุขมากขอรับ!”
โหมวหยางพยักหน้า จากนั้นถามคำถามต่ออีกไม่กี่คำ เด็กหนุ่มคนนั้นก็ตอบด้วยความยินดี
โหมวหยางนั่งลงที่ที่นั่งของตนเองอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มรอให้อีกสี่คนที่เหลือออกมา
เรื่องระลอกคลื่นเหล่านั้นก็เก็บเข้าลิ้นชักด้วยความรวดเร็ว
…
ยอดเขาสัตตบงกช
หรงซิวและฉู่หลิวเยว่ยังคงกำลังวางหมากอยู่
แน่นอนว่านี่เป็นการเริ่มรอบใหม่แล้ว
นางจดจ้องกระดานไม่ขยับมาสักพักหนึ่งแล้ว
หรงซิวเองก็ไม่ได้รีบร้อน เขารอคอยอย่างเงียบเชียบ
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็วางมือลงแล้วส่ายหน้า
“ไม่ลงแล้ว”
หลังจากนางตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้นางก็มั่นใจได้ว่า ฝีมือด้านนี้ของนางแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
จริงๆ
ก่อนหน้าที่นางเล่นหมากกับหรงซิว นางมีโอกาสชนะน้อยมาก อีกทั้งแต่ละครั้งยังต้องสิ้นเปลืองพลังงานสมองและสมาธิมากเป็นพิเศษ
แต่ในตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นลดน้อยลงไปมาก
หลังจากอ่านเนื้อเพลงฉินเป็นหมื่นแผ่นแล้ว พรสวรรค์ในด้านค่ายกลของนางก็เพิ่มสูงมากขึ้นจนน่าตกใจ!
ต้องบอกก่อนว่า พรสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
จอมยุทธ์การต่อสู้อาจจะมีวิธีพิเศษที่สามารถปรับปรุงเส้นชีพจรของตนเองได้ แต่ปรมาจารย์ค่ายกลและเซียนหมอนั้น ไม่มีหนทางอื่นเลย
แต่ในตอนนี้ นางเชื่อว่าพรสวรรค์ของตนเองในด้านนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว!
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หางตายังมีความอบอุ่นอ่อนโยนอยู่
เขาพูดอย่างเกียจคร้านและตรงไปตรงมาว่า
“รางวัลปลอบใจ”