ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1749 หนี้บุญคุณ
ตอนที่ 1749 หนี้บุญคุณ
………………..
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็ส่งสายตาค้อนเขาด้วยความโมโห ดวงตาเปล่งประกายราวกับดวงดาว ใบหน้าแดงก่ำขึ้นหลายส่วน สายตาของนางเหมือนมีระลอกคลื่นปรากฏ
สายตาเช่นนี้มันไม่ได้มีความน่ากลัวเลย ในทางกลับกันเหมือนมีอันใดบางอย่างมาข่วนหัวใจของหรงซิว
อ่อนนุ่ม หวานล้ำ และยังรู้สึกคันยุบยิบหลายส่วน
เขาอยากจะทำเหมือนกับครั้งที่แล้ว…
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หรงซิวก็ควบคุมตัวเองและพับเก็บความคิดลงอย่างใจเย็น
ไม่สามารถคิดต่อไปได้แล้ว
เมื่อนางอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
ก่อนหน้านี้เขากดดันให้นางมอบ “รางวัลปลอบใจ” ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งอีกฝ่ายไม่เบา
หลังจากนั้นเป็นต้นมา แม้กระทั่งมือเยว่เออร์ก็ไม่ยอมให้จับ
ต้องปลอบอยู่นานหลายวัน
หรงซิวหัวเราะเสียงต่ำออกมาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็นวดหัวคิ้วตนเอง
“ช่างเถอะ ไม่ว่าอย่างใดคนที่ทรมานที่สุดก็ยังเป็นข้า”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่เห่อร้อนขึ้นมา มุมปากยกยิ้มขึ้น
“ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ข้าว่าฝ่าบาทคงเป็นเช่นนี้กระมัง”
หรงซิวยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วส่ายไปมาเล็กน้อย มองนางด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ข้าไม่รู้สึก “ทุกข์” เพราะเยว่เออร์หวานมาก”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ดังนั้นผู้ชายที่หน้าเนื้อใจเสือและหน้าหนาจะรับมือยากเป็นพิเศษ!
ฉู่หลิวเยว่ยอมแพ้และไม่สู้กับเขาต่อ
“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทุกข์ทนต่อไปเถอะ สรุปแล้วไม่ว่าจะเป็นรางวัลหรือรางวัลปลอบใจข้าก็ไม่มีให้ทั้งนั้น!”
หรงซิวกดรอยยิ้มลึกขึ้น
“ข้าไม่รีบ หลังจากงานแต่งงาน ข้าจะเอาคืนทบต้นทบดอก”
ฉู่หลิวเยว่แค่นหัวเราะเสียงเบา จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน
“เช่นนั้นก็ต้องออกจากที่นี่ให้ได้ก่อน”
นางกวาดสายตามองโดยรอบ
ไข่มุขประทีปของหรงซิวให้ความสว่างเพียงบริเวณโดยรอบพวกเขาทั้งสองเท่านั้น ทุกอย่างว่างเปล่า
ไม่ว่าจะมองด้านหน้าหรือด้านหลังก็มีเพียงความมืดมิด
มีเพียงร่องรอยอันบ้าคลั่งและน่าเศร้าใจที่ถูกทิ้งไว้บนผนังถ้ำ อีกทั้งยังมีคราบเลือดที่แห้งกรังก็เด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
“พวกเราก็อยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น จากนั้นก็หันไปมองหรงซิวอีกครั้ง
“เจ้าคิดว่า พวกเราจะออกไปเมื่อใดดี?”
นางถามขึ้นมาอย่างตรงประเด็น นางไม่ได้ถามว่าพวกเขาจะสามารถออกไปได้หรือไม่
เพราะหลังจากที่เข้ามาที่แห่งนี้ นางก็ค้นพบว่าหรงซิวมีสีหน้าราบเรียบเป็นอย่างมาก
นางจึงมั่นใจได้ว่า หรงซิวจะต้องรู้วิธีทำลายภาพลวงตาเหล่านี้แน่นอน!
หรงซิวเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
หากบอกว่าใครรู้ใจเขามากที่สุด อีกทั้งยังสามารถคาดเดาความคิดของเขาได้…ก็มีแค่นางคนเดียวเท่านั้น!
ต่อให้ไม่ได้พูดอันใดออกไป เพียงแค่สายตาก็ชัดเจนมากกว่าคำบรรยายเป็นหมื่นคำได้แล้ว!
“งานหมื่นคีรียังไม่จบ รอไปอีกหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
ที่จริงแล้วหรงซิวกำลังรออยู่นั่นเอง
นางหันขวับกลับไป!
ภายในความมืดมิด ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นมา
ลำแสงหลายสายกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทับซ้อนกันขึ้น
เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ก่อร่างเป็นค่ายกลเคลื่อนย้าย!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ นางรู้จัก!
จากนั้นภายในลำแสงที่สว่างสดใสก็ปรากฏเงาร่างเล็กที่คุ้นตา!
“ถวนจื่อ!”
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างอย่างตกใจ
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ม้วนมวยผมสองข้างสวมกระโปรงใบบัวสีทองคำชาด ถ้าไม่ใช่ถวนจื่อแล้วจะเป็นใครได้?
“อาเยว่!”
เดิมทีถวนจื่อยังคงรู้สึกวิงเวียนอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินเสียงของฉู่หลิวเยว่ นางก็เงยหน้าขึ้นมามองในทันที
หลังจากเห็นใบหน้าที่รอคอย ใบหน้าของถวนจื่อก็แดงก่ำขึ้นมาทันที นางรีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความยินดี
“อาเยว่! ข้าหาเจ้าเจอแล้ว!”
ขณะที่พูดนางก็พุ่งตัวเข้าใส่อ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่โดยตรง
ฉู่หลิวเยว่โน้มตัวลงและรับตัวนางไว้
ผู้ใหญ่หนึ่งคนเด็กหนึ่งคนกอดกันกลม หรงซิวที่อยู่ด้านข้างเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
ถวนจื่อกอดคอของฉู่หลิวเยว่แน่น
“อาเยว่! ข้าตามหาเจ้าอย่างยากลำบากมากเลยนะ!”
ตั้งแต่นางกลับมาอยู่ข้างกายอาเยว่นางไม่เคยจากอาเยว่ไปนานขนาดนี้เลย!
“ถูกจับได้แล้วหรือ? เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”
ถวนจื่อรีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า
“เปล่าๆ! ตอนที่เข้ามาข้าระมัดระวังอย่างมากเลย ไม่ถูกพวกเขาจับได้แน่นอน! อีกทั้งข้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ! มีท่านปู่เจ้าสำนักอยู่ ข้าจะบาดเจ็บได้อย่างใดล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที
“อาจารย์ส่งเจ้ามาที่นี่โดยเฉพาะหรือ?”
ตั้งแต่ที่นางเห็นค่ายกลนั้น นางก็สามารถมองออกได้ทันทีว่านี่คือฝีมือของอาจารย์
แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่มาจะเป็นถวนจื่อ!
“องค์ไท่จู่กับท่านพ่อล่ะ? อยู่ด้านนอกหรือ?”
ถวนจื่อพยักหน้า
“ใช่แล้ว! พวกเขาอยู่ด้านนอกกับท่านปู่เจ้าสำนัก!”
จากนั้นนางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟังอย่างคร่าวๆ
“…ดังนั้นสุดท้ายท่านปู่เจ้าสำนักจึงบอกให้ข้ามาหาพวกเจ้าคนเดียว”
เดิมทีถวนจื่อก็ไม่กล้าตั้งความหวังมาก จึงเตรียมตัวที่จะเริ่มค้นหาอย่างหนัก
แต่โชคดีที่ฝีมือของหนานซู่ไหวแข็งแกร่งอย่างมาก สามารถส่งนางเข้ามาด้านในได้โดยตรง
ท้ายที่สุดแล้วฉู่หลิวเยว่ก็เป็นลูกศิษย์ของเขา ดังนั้นนี่จึงเป็นความสัมพันธ์ของลูกศิษย์และอาจารย์
และยังสามารถหานางเจอได้ในทันที ถือว่าทั้งมีฝีมือและมีโชค
หัวใจของฉู่หลิวเยว่พองโตขึ้นมาทันที
“ถวนจื่อ เจ้าไม่ถูกจับได้จริงๆ หรือ?”
ท้ายที่สุดแล้วถวนจื่อก็เป็นหงส์ทองคำ ไท่ซวีเฟิ่งหลงจะมีความรู้สึกไวต่อลมปราณของนางเป็นพิเศษ
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด และคำพูดนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
ตอนนี้นางยังไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากภายนอก
ถวนจื่อจับมือของฉู่หลิวเยว่เอาไว้ ดวงตาเปล่งประกาย
“อาเยว่ พวกเราออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”
ขอเพียงออกไปอย่างเทพไม่รู้ ผีไม่เห็น ก็จะไม่มีใครสามารถทำอันใดพวกเขาได้!
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย ยังไม่ได้ตอบตกลงในทันที
นางกับหรงซิวถูกโหมวหยางกักขังอยู่ที่นี่
โหมวหยางพูดว่า หากพวกเขาไม่ยอมลบความทรงจำเกี่ยวกับเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดออก อีกฝ่ายก็จะไม่ยอมให้พวกเขาออกจากที่นี่
ท่าทางของเขายืนหยัดหนักแน่นเป็นอย่างมาก
ต่อให้พวกเขาจะจากไปในตอนนี้ แต่เกรงว่าเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงคงจะไม่ยอมเลิกราโดยดีแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้อาจจะใหญ่โตขึ้นได้
ในช่วงเวลานี้นางก็กำลังคิดว่าสามารถใช้กำลังแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่ แต่นางก็ยังไม่ได้คำตอบ
ขณะที่นางกำลังลังเลไม่แน่ใจอยู่ หรงซิวก็พูดขึ้นมาว่า
“ตอนนี้ยังออกไปไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่กับถวนจื่อหันกลับมามองหน้าเขา
ถวนจื่อมีใบหน้ามึนงง
“เหตุใดหรือ?”
นางหาสถานที่แห่งนี้เจออย่างยากลำบาก แต่ถ้าออกไปด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายโดยตรงไม่ดีกว่าหรือ?
ส่วนฉู่หลิวเยว่กลับเริ่มมั่นใจในการคาดเดาของตนเองมากขึ้นแล้ว
นางถามขึ้นมาว่า
“เจ้าคิดจะทำอันใดหลังจบงานหมื่นคีรี?”
มุมปากของหรงซิวโค้งขึ้นเล็กน้อย
“หากจากไปในตอนนี้ แม้ว่าจะสามารถถอนตัวออกมาได้ชั่วคราว แต่หลังจากนี้ต้องมีปัญหาตามมาไม่สิ้นสุดแน่นอน เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นเผ่าที่เจ้าคิดเจ้าแค้น หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาอย่างสมบูรณ์ ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น ถ้าอย่างนั้นให้พวกเขาติดหนี้บุญคุณ แล้วปล่อยพวกเราออกไปเองจะดีกว่า”