ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1750 เรื่องเมื่อปีนั้น
ตอนที่ 1750 เรื่องเมื่อปีนั้น
………………..
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่าเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้นยากจะต่อกรด้วย
ในจุดนี้สามารถดูจากเรื่องขององค์ปฐมกษัตริย์ได้
เพียงเพราะกระดูกชุดนั้น องค์ปฐมกษัตริย์ถูกพวกเขาไล่ฆ่ามาเป็นพันปี และไม่ยอมเลิกราแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าหากไม่เกิดเรื่องในสำนักเมื่อครานั้น เกรงว่าตอนนี้พวกเขาก็ยังจะไล่ตามไม่หยุดหย่อน
และความแค้นครั้งนี้ไม่ได้จางหายไป เพียงแต่ย้ายมาอยู่กับนางแล้วเท่านั้นเอง
ตอนที่โหมวเหยามองนางนั้น นางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
แม้แต่เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงคนอื่น ๆ ก็ยังมีท่าทางเป็นปรปักษ์กับนางอย่างชัดเจน
หากเป็นไปได้ นางก็ไม่อยากพัวพันกับพวกเขาเช่นนี้ต่อไปหรอก
นางควรจะจบปัญหานี้ให้สมบูรณ์ที่สุดถึงจะเป็นการดี
“ติดหนี้บุญคุณ? แล้วจะทำอย่างไร?”
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในถิ่นของคนอื่น หากคิดจะทำอะไรจริง ๆ เห็นได้ชัดว่ามันจะน่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะให้เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงมาติดหนี้บุญคุณพวกเขาเลย
หรงซิวขยับมือขึ้นแล้วชี้ไปด้านหน้า
“พวกเขาให้โอกาสมาแล้ว แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะไม่ทำเช่นนั้น”
ฉู่หลิวเยว่นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที
“เจ้าจะบอกว่า…นั่นคือบรรพบุรุษที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกของพวกเขาหรือ?”
หรงซิวพยักหน้า พูดพร้อมรอยยิ้ม
“แม้ว่าไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นจะเป็นนักโทษของเผ่า มีจุดจบที่น่าอนาถ แต่ในตอนที่เขายังไม่ตาย เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงมาก ในตอนนั้นทุกคนภายในเผ่าต่างยอมรับเป็นนัยว่าเขาคือประมุขคนต่อไป แม้แต่โหมวหยางก็ไม่สามารถเทียบกับเขาได้เลย หากในปีนั้นไม่ได้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ตำแหน่งประมุขเผ่าในตอนนี้ก็คงไม่มีทางมาถึงโหมวหยาง”
“ประมุขโหมวหยางผู้นี้ครองตำแหน่งเป็นเวลาแปดร้อยปีแล้ว เมื่อลองนับดู เหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นประมาณพันปีก่อน”
หรงซิวพูดขึ้น
เวลาพันปี ก็นับว่าเป็นเวลาที่ยาวนาน
“แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือ ไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นเคยได้รับมรดกที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
“มรดก?”
“ถูกต้อง มรดกเป็นความแข็งแกร่งของบรรพบุรุษทั้งหมดในเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง หลังจากที่พวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว กระดูกเหล่านั้นจะถูกประดิษฐานเอาไว้ในวิหารไท่ซวี ภายในกระดูกเหล่านี้มีพลังแห่งสายเลือดที่บริสุทธิ์มากของพวกเขาหลบซ่อนเอาไว้อยู่ อีกทั้งยังมีเคล็ดวิชามากมายเป็นต้น หากสามารถได้รับการยอมรับจากพลังเหล่านั้น ก็จะได้มรดกเหล่านั้นไป”
“ผู้ที่สามารถไปประดิษฐานในวิหารไท่ซวีได้นั้น และมีมรดกที่สามารถทิ้งเอาไว้ได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่เมื่อพวกเขามาอยู่ด้วยกัน ก็ยากจะหลีกเลี่ยงที่จะถูกเปรียบเทียบ ได้ยินมาว่ามรดกที่ไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นได้รับคือมรดกจากสามอันดับแรก”
หรงซิวชะงักไปเล็กน้อย
“ต้องบอกก่อนว่า นับเวลาหมื่นปีที่ผ่านมานี้ ผู้ที่ได้รับมรดกจากสามอันดับแรกนั้นมีเพียงสองคนเท่านั้น และเขาคือหนึ่งในนั้น!”
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่ามรดกสิ่งนั้นแข็งแกร่งมากขนาดไหน
อีกทั้งไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นสามารถทำเช่นนั้นได้ ก็นับว่าไม่ธรรมดาเลย!
“คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น เหตุใดถึง…”
ฉู่หลิวเยว่พูดพึมพำเสียงต่ำ ท่าทางไม่เข้าใจเล็กน้อย
หรงซิวยิ้มออกมา
“ระหว่างอัจฉริยะกับคนบ้ามีเพียงเส้นบาง ๆ ที่กั้นอยู่เท่านั้น หลังจากเวลาผ่านไปนานแล้ว เรื่องในปีนั้น ก็ไม่มีใครสามารถพูดได้อย่างชัดเจน แต่ประเด็นสำคัญก็คือหลังจากที่ไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนั้นสิ้นใจไปแล้ว มรดกชิ้นนั้นก็หายไปด้วยเช่นกัน เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงพยายามตามหาอยู่นาน แต่ก็ยังคงหาไม่เจอ”
หรงซิวกดรอยยิ้มลึกขึ้น
หัวใจของฉู่หลิวเยว่มีคลื่นลมแรงสาดซัด
ของชิ้นนี้เป็นของสำคัญของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง
หากใช้แผนตามนี้ เรื่องราวก่อนหน้านี้จะถูกแก้ไขอย่างแน่นอน
แต่เรื่องนี้พูดน่ะมันง่าย แต่เกรงว่าเวลาทำคงจะยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!
“นี่มัน…แม้กระทั่งเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงก็ยังไม่มีเบาะแสเลย แล้วพวกเราจะสามารถหาเจอได้อย่างไร?”
หรงซิวเบนสายตาออก จากนั้นก็หันไปมองทางผนังถ้ำ
เวลาหลายปีผ่านมา ร่องรอยเหล่านี้ก็ยังแสดงให้เห็นความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นในปีนั้นอย่างชัดเจน
เขายกมือขึ้น
กลางฝ่ามือมีไข่มุกขนาดเท่ากับดวงตาของมังกรปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เงาร่างเล็ก ๆ ของไท่ซวีเฟิ่งหลงปรากฏขึ้นจากภายในนั้น!
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ
นี่มัน…
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าหลอมไขกระดูกส่วนนั้น ข้าได้เก็บพลังแห่งสายเลือดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง”
หรงซิวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ใช่จริง ๆ ด้วย!
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจได้ในทันที แต่ในขณะเดียวกันนางก็ยังรู้สึกตกใจ
ตอนที่หรงซิวทำเรื่องเหล่านี้ คาดไม่ถึงว่านางจะไม่ได้สังเกตเลย!
ส่วนโหมวหยางและคนอื่น ๆ ก็น่าจะไม่รู้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายไม่มีทางปล่อยพวกเขามาอย่างง่ายดายแน่นอน
การใช้กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลใต้เปลือกตาของอีกฝ่ายนั้น…
รอบข้างเงียบสงัด
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกตกใจที่เห็นว่าคราบเลือดสีดำเข้มเหล่านั้น จะกลายเป็นสีแดงสดอย่างกะทันหัน!
ต่อมา คราบเลือดเหล่านั้นก็เริ่มรวมตัวกันขึ้น จนสุดท้ายก็กลายเป็นหยาดเลือดเม็ดหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศ!
พรึ่บ!
เปลวเพลิงสีทองกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือของหรงซิว!
เปลวเพลิงนั้นพุ่งตัวไปด้านหน้าเข้าล้อมรอบเลือดเม็ดนั้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นไข่มุกสีเลือดทอง
หรงซิวเดินเข้าไปหยุดยืนที่ด้านข้าง
ไข่มุกเม็ดนั้นก็ติดตามเขาออกมา จากนั้นก็ตกลงไปในคราบเลือดสีเข้มที่เหลือด้วยความเร็ว
เหมือนกับได้รับการชี้นำของพลังไข่มุกเลือด คราบเลือดส่วนนั้นจึงกลายเป็นสีสดอย่างรวดเร็วและหลอมรวมกันในที่สุด
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นว่า
“เจ้าต้องการจะหลอมเลือดทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันหรือ?”
“ไม่”
หรงซิวส่ายหน้า
“หลอมรวมเพียงแค่ส่วนนี้เท่านั้น”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เจ้าจะบอกว่า นอกจากส่วนนี้แล้วในสถานที่แห่งนี้ยังมีเลือดของไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวอื่นอีกหรือ?”
“โหมวหยาง”
เสียงของจื่อเฉินดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
“ที่แห่งนี้มีเลือดของไท่ซวีเฟิ่งหลงสองตัว ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของคนพูดนั้น แต่ที่เหลือ…เป็นของโหมวหยาง”
ภายในร่างกายของจื่อเฉินมีพลังแห่งสายเลือดของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงอยู่ส่วนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงมีความอ่อนไหวต่อเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ในเมื่อเขาพูดว่าเป็นโหมวหยาง ถ้าเช่นนั้นก็ต้องไม่มีผิดพลาดแน่นอน
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ…
เหตุใดที่แห่งนี้ถึงมีคราบเลือดของโหมวหยางอยู่ด้วย
ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกว่า ในปีนั้นคนผู้นั้นธาตุไฟเข้าแทรก ก่อนจะถูกขังอยู่ที่นี่จนเสียชีวิตไม่ใช่หรือ?
โหมวหยางมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกได้ว่า ที่แห่งนี้จะต้องมีความลับที่น่าตกใจซ่อนอยู่อย่างแน่นอน!
และตอนนี้พวกเขายืนอยู่ห่างจากความลับนั้นเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
เดิมทีถวนจื่อรีบร้อนอยากจะพาพวกเขาออกไป แต่หลังจากได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้แล้ว ก็คิดว่าคำพูดนี้มีเหตุผลไม่น้อย จึงยืนรออยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง
ด้านในถ้ำ มีเพียงความเงียบสงัด
มีแต่ไข่มุกเลือดที่อยู่กลางฝ่ามือของหรงซิวเท่านั้น ที่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร สีเลือดนั้นกลับยิ่งเข้มมากขึ้น
และสิ่งตามมาคือแรงกดดันที่เลือนรางคล้ายมีคล้ายไม่มีสายหนึ่งที่แข็งแกร่งอย่างมาก!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกหวาดกลัวและตกใจ
เพียงแค่คราบเลือดที่เหลือเหล่านี้ เมื่อหลอมรวมกันแล้วยังมีพลังที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก
ในตอนนั้นคนผู้นั้นแข็งแกร่งมากเพียงใดกันแน่?
………………..