ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1753 ในป่าลึก
ตอนที่ 1753 ในป่าลึก
………………..
นอกจากพวกเขาแล้ว ภายในท้องพระโรงก็ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
มันเงียบเสียจนพวกเขาสามารถได้ยินเสียงหัวใจของตนเอง
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจ
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า พวกเขาจะมาปรากฏตัวอยู่ในที่แห่งนี้ได้
เฉกเช่นเดียวกับเผ่าหงส์ทองคำ วิหารไท่ซวีเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างมากของพวกเขา และไม่สามารถเข้ามาอย่างง่ายดาย
แม้กระทั่งหากคนของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงต้องการจะเข้ามา ก็ต้องผ่านการตรวจสอบมากมาย ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย?
ในตอนนั้นเองภายในใจของฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
เหมือนว่าช่วงนี้…นางจะมีวาสนากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลทั้งสองมากเลยทีเดียว?
ภายในช่วงเวลาสั้นๆ นางได้ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง อีกทั้งยังได้พูดคุยกับบรรพบุรุษท่านนั้นภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงด้วย
อีกทั้งในตอนนี้นางก็มาถึงเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีนางถูกขังเอาไว้อยู่ แต่ใครจะคิดเล่าว่า แต่ภายในชั่วพริบตานางก็มาปรากฏตัวอยู่ในวิหารไท่ซวีแล้ว…
ฉู่หลิวเยว่หันศีรษะกลับไปมอง ก่อนจะจมอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง
แค่นางกับหรงซิวมาที่นี่ก็ช่างเถิด แต่ยังพาถวนจื่อและจื่อเฉินมาที่นี่ด้วย
คนหนึ่งเป็นนายน้อยแห่งเผ่าหงส์ทองคำ ส่วนอีกคนหนึ่งใช้กระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงเพื่อหลอมกายเนื้อขึ้นมาใหม่…
แบบนี้มันคือการก่อกรรมชัดๆ
ฉู่หลิวเยว่กุมขมับของตัวเอง และรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
ก่อนจะหันมองประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่ จากนั้นนางกำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่านางควรจะออกไปอย่างไรถึงจะสะดวกที่สุด
“ด้านนอกประตูบานนี้ก็คือพวกของโหมวหยาง”
หรงซิวพูดแล้วหัวเราะเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกท้อแท้ขึ้นมาในทันที
แค่คิดก็รู้แล้วว่าด้านนอกต้องมีไท่ซวีเฟิ่งหลงจำนวนมากเฝ้าอยู่แน่นอน
นอกเสียจากพวกเขาจะกลับไปทางเดิม ไม่อย่างนั้นก็จะต้องถูกขังอยู่ที่นี่แล้ว!
“อาเยว่ๆ เจ้าดูของที่อยู่ในเสาต้นนั้นสิ!”
ทันใดนั้นถวนจื่อก็ดึงแขนเสื้อของฉู่หลิวเยว่แล้วพูดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองก่อนที่จะจ้องตาเขม็ง
ภายในเสามังกรเคลื่อนต้นนั้น มีประกายแสงสีม่วงอยู่สี่จุด
“นั่นน่าจะเป็นไท่ซวีเฟิ่งหลงพี่กำลังค้นหามรดกอยู่ภายในนี้”
หรงซิวอธิบาย
เขาค่อนข้างรู้จักงานหมื่นคีรีเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อคาดเดาเล็กน้อย ก็สามารถทราบได้ในทันที
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดขึ้นมา
“เช่นนั้นก็หมายความว่า…ความจริงแล้วภายในเสามังกรเคลื่อนมีดินแดนอีกแห่งหนึ่งอยู่หรอกหรือ?”
“เห็นเกล็ดที่อยู่ตรงนั้นหรือไม่?”
จื่อเฉินพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ภายในเกล็ดแต่ละเกล็ดมีมรดกอยู่ภายในหนึ่งชิ้น เกล็ดที่ยังคงส่องสว่างอยู่ ก็หมายถึงมรดกยังไม่ได้ถูกเอาไป
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจได้ในทันที
ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินหรงซิวและจื่อเฉินพูดว่า มรดกของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้นจะได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
คนที่ได้รับมรดกนั้น หลังจากเสียชีวิตไปแล้วมรดกนั้นจะกลับคืนสู่วิหารไท่ซวีอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าไท่ซวีเฟิ่งหลงที่เข้ามาไปในเสามังกรเคลื่อนนั้นก็ต้องการตามหามรดกเหล่านั้น
ในตอนนั้นเอง ชั่วพริบตาเดียวบนเสาหยกขาวที่ถูกแกะสลักเป็นมังกรตัวนั้นก็ส่องสว่างขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นกระหน่ำ สัญญาณเตือนภัยของนางก็ดังขึ้นในทันที!
แต่หลังจากนั้นไม่นานนางก็พบว่า ดวงตาคู่นั้นไม่ได้กำลังมองนาง แต่มองไปทางจื่อเฉิน!
ความคิดนี้ของนางเพิ่งจะปรากฏขึ้น แต่พลังอันมหาศาลกลับพวยพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน!
ทันใดนั้นเงาร่างของผู้คนทั้งหลายก็หายไปจากที่เดิม!
ในตอนนั้นเองบนเสามังกรเคลื่อนต้นนั้น ก็มีประกายแสงหลายดวงเพิ่มขึ้นมา!
มันลอยอยู่อย่างแผ่วเบา แต่ก็ส่องสว่างพร่างพราว!
…
ด้านนอกวิหารไท่ซวี
ทุกคนกำลังรอคอยอยู่
หลังจากชายหนุ่มคนสุดท้ายที่ได้ออกมาได้รับมรดกที่ไม่เลว ทุกคนจึงโล่งใจขึ้นไม่น้อย
การรอคอยไม่ใช่เรื่องยากลำบากอีกต่อไป
โหมวหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้
เขาอยู่ที่ด้านหน้าของวิหารไท่ซวี ด้วยสีหน้าราบเรียบเช่นเดิม
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปถามว่าผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างว่า
“สถานการณ์ที่ยอดเขาสัตตบงกชเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อพิจารณาแล้วนี่ก็ผ่านมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ตามหลักการแล้วทั้งสองคนนั้นควรจะ “คิดตก” ได้แล้ว
แต่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย
ผู้อาวุโสท่านนั้นรีบตอบว่า
“เรียนท่านประมุข ทุกอย่างยังคงปกติดี”
ความจริงแล้วผู้รับผิดชอบในการคุ้มกันจะมารายงานเขาวันละครั้ง
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ โหมวหยางกลับถามขึ้นมาด้วยตนเอง เห็นได้ชัดว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้มากเพียงใด
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบุกเข้ามาในเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ ไม่เพียงแค่โหมวหยาง แต่ทุกคนภายในเผ่าก็ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ไม่มีใครคำนึงถึงความเป็นไปได้อย่างอื่นเลย
รวมถึงโหมวหยางด้วย
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นแน่นอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้วเรื่องนี้มันผิดปกติอย่างมาก…
พวกเขาสามารถอยู่ภายในยอดเขาสัตตบงกชได้วันสองวัน แต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะยังไม่ยอมก้มหัว
ช่างเป็นคนที่หัวแข็งจริงๆ!
แววตาของโหมวหยางเย็นลงหลายส่วน
“เช่นนั้นก็รอต่อไป!”
รอจนกว่าพวกเขาจะออกมาเอง!
“ขอรับ!”
…
อีกด้านหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ก็มาถึงภายในเสามังกรเคลื่อนแล้ว
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเพียงว่าทิวทัศน์ตรงหน้าของนางเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ไม่สามารถมองได้อย่างชัดเจน
จนสุดท้ายร่างกายของพวกเขาก็หนักขึ้น ปลายเท้าทั้งสองข้างแตะพื้น
ด้านหน้าของพวกเขาเป็นป่าที่เขียวชอุ่ม
เสียงสายธารไหลรินดังมาจากระยะไม่ไกล
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปจ้องอย่างตั้งใจ
เหมือนว่ามีทะเลสาบแห่งหนึ่งอยู่ภายในส่วนลึกของป่า
หมอกสีขาวจางๆ ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ อีกทั้งยังมีความสงบอยู่หลายส่วน
หลังจากนั้นภายในหัวใจของฉู่หลิวเยว่ก็มีเสียงสัญญาณเตือนดังลั่น!
นี่เป็นสัญชาตญาณของนาง ร่างกายตึงเกร็ง ท่าทางเต็มไปด้วยความระแวดระวัง!
หรงซิวกุมมือของนางเอาไว้ แล้วก้าวมาด้านหน้า ปกป้องนางที่อยู่ข้างหลัง
ถวนจื่อก็กำชายเสื้อของนางจนแน่น ดวงตาดำเข้มราวกับลูกองุ่นมองตรงไปทางด้านหน้า!
มีเพียงจื่อเฉินเท่านั้นที่กะพริบตาขึ้นเพราะความสงสัย!
“ในที่สุดก็มีคนหาที่แห่งนี้เจอแล้วหรือ…”
เสียงที่แหบพร่าสายหนึ่งดังออกมาจากทะเลสาบแห่งนั้น!
น้ำเสียงนั้นสงบราบเรียบเป็นอย่างมาก แต่ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกว่าทุกถ้อยคำที่เอ่ยออกมาเหมือนกับเสียงอัสนีที่น่าตกใจ! จนทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก!
“หือ? คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์จริงๆ?”