ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1758 เจรจาสำเร็จ
ตอนที่ 1758 เจรจาสำเร็จ
………………..
อย่างเช่นจื่อเฉิน เขาอาจจะสามารถใช้แค่กระดูกส่วนปีกสองข้างของไท่ซวีเฟิ่งหลงสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ และสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของตนเองเพิ่มขึ้นได้
แต่ไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้นไม่เหมือนกัน
ไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล มีพลังแห่งสายเลือดที่สูงที่สุดบนโลกใบนี้
หากยืมใช้กระดูกของสัตว์อสูรชนิดอื่น เกรงว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร กระดูกส่วนนั้นก็ไม่สามารถทนรับแรงกดดันและแตกสลายเป็นเสี่ยงไปแล้ว
มีเพียงอย่างเดียวที่สามารถต้านทานได้ก็คือหงส์ทองคำ แต่โครงสร้างกระดูกและเส้นเลือดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลย
และเพราะโหมวเจินรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงไม่เคยหวังกับเรื่องเหล่านี้มาก่อน
แต่หรงซิวกลับพูดขึ้นว่า
“ท่านคงลืมไปเรื่องหนึ่ง ภายในร่างกายของจื่อเฉินได้ผสานเข้ากับปีกสองข้างเท่านั้น แต่ยังเหลือกระดูกส่วนอื่นๆ อยู่ และกระดูกทั้งหมดนี้ยังอยู่ในมือของเยว่เอ๋อร์”
โหมวเจินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็หันมองทางฉู่หลิวเยว่
“เจ้ามีโครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงทั้งร่างอย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอออกมาหนึ่งเสียง
แม้ว่านางจะได้รับชัยชนะจากการพนันอย่างเปิดเผย แต่ท้ายที่สุดแล้วโหมวเจินก็เป็นไท่ซวีเฟิ่งหลง
เมื่อต้องพูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าเขา นางก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
แต่สุดท้ายแล้วนางก็ต้องกัดฟันเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นออกมา
คิดไม่ถึงว่า หลังจากโหมวเจินได้ฟังจนจบ เขากลับไม่ได้ระเบิดโทสะออกมาเลย แต่กลับใช้สายตาสำรวจฉู่หลิวเยว่ด้วยความประหลาดใจ
“…มิน่าล่ะเหตุใดหงส์ทองคำกับอินทรีสามตาถึงทำพันธสัญญากับเจ้า…เหมือนว่าเจ้าจะมีฝีมืออยู่จริงๆ”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
โหมวเจินโบกมือ
“เรื่องนี้มีอันใดให้น่าโกรธกัน ถ้าจะโกรธก็ต้องโกรธโหมวเหยาผู้นั้น!”
แต่ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้ว สาเหตุที่เรื่องเหล่านั้นวุ่นวายจนถึงขั้นนี้ ต้องโทษที่โหมวเหยา
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาประมาทเลินเล่อ ในตอนนั้นฉู่หลิวเยว่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร นางไม่สามารถเอาชนะเขาได้เลย
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเย่อหยิ่งจองหองมากเกินไป เขาก็ไม่ถูกหลอกแบบนี้แน่
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อายุมากขนาดนี้แล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้อาวุโสของเผ่า คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีสมองเลย!
จากท่าทางของโหมวเจินทำให้ฉู่หลิวเยว่ทั้งลอบถอนหายใจออกมา
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โหมวเจินก็มีเหตุผลมากกว่าโหมวหยางและโหมวเหยา และสามารถเจรจาได้ง่ายกว่า
“พวกเจ้าอยากจะให้ข้าใช้กระดูกส่วนนั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น โหมวเจินก็สามารถคาดเดาความคิดของหรงซิวได้
หรงซิวพยักหน้า
“แม้ว่าจะขาดปีกทั้งสองไป แต่โครงสร้างกระดูกโดยรวมยังอยู่ครบ และพลังแห่งสายเลือดอาจจะถูกดูดไปจนหมดสิ้นแล้ว แต่ก็ยังมีพลังแห่งสายเลือดส่วนหนึ่งที่ท่านทิ้งเอาไว้ในยอดเขาสัตตบงกช ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้พอดี หากเป็นเช่นนี้ ปัญหาใหญ่ๆ ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว แน่นอนว่าระดับของกระดูกนี้ไม่สามารถเทียบเท่ากับของเดิมของท่านได้ หลังจากที่สร้างกายเนื้อได้ใหม่แล้ว เกรงว่าความแข็งแกร่งของท่านอาจจะลดลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว”
หรงซิววิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียอย่างชาญฉลาดและเป็นกลาง อีกทั้งยังอธิบายให้โหมวเจินฟังอย่างชัดเจน
โดยสรุปแล้ว มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้กลับทำให้โหมวเจินรู้สึกตกใจขึ้นมา!
เขาพูดว่าตนเองไม่มีกายเนื้อ แต่…เหตุใดเขาไม่เคยนึกถึงจุดนี้มาก่อนเลย?
เขาถูกขังอยู่ที่นี่มานานแรมปี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองมีชีวิตอยู่มาได้อย่างไร!
อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย…
เขาอยากจะออกไปจากที่นี่!
เขาอยากจะไปแย่งชิงทุกอย่างคืนมา!
เขาเคยมีความเย่อหยิ่งมากเพียงใด ความปรารถนาที่อยากจะออกไปก็แข็งแกร่งมากเพียงนั้น!
เพียงแต่ว่าเขารู้ดีมากกว่าใคร ความหวังนี้มันช่างริบหรี่มากแค่ไหน
จนหัวใจของเขาค่อยๆ ด้านชา อีกทั้งเก็บความคิดเหล่านี้ไว้ในส่วนลึกของใจ
มีหลายครั้งที่เขารู้สึกว่า เขาเป็นเพียงแค่วิญญาณที่เงียบเหงา ไม่รู้ว่าน้ำมันตะเกียงจะหมดไปเมื่อใด แต่หากหมดแล้วทุกอย่างก็ว่างเปล่า
แต่ที่สุดแล้ว…เขาก็ไม่ยินยอม!
ดังนั้นในตอนนี้ ตอนที่เขาได้ฟังคำพูดของหรงซิว พายุลูกใหญ่ที่อยู่ในใจของเขาก็ถูกปลุกขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้!
ความยินดีพวยพุ่ง จนเขาแทบจะปกปิดได้ไม่มิด!
ต่อให้ระดับจากถดถอยลงไปเล็กน้อย ฝีมือจะอ่อนด้อยลง แล้วมันจะสำคัญอย่างไรเล่า?
หากสามารถสร้างกายเนื้อได้ใหม่ เขาก็จะออกจากที่แห่งนี้ได้!
ทุกสิ่งที่เขาต้องการ เขาจะได้คืนมาทั้งหมด!
จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก?
โหมวเจินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง
“หากพวกเจ้าสามารถสร้างกายเนื้อให้ข้าใหม่ได้จริง หลังจากนี้ไม่ว่าเจ้าจะต้องการสิ่งใด ขอเพียงพวกเจ้าเอ่ยปาก ข้าโหมวเจิน จะพยายามทำอย่างสุดกำลัง!”
หรงซิวเม้มริมฝีปากแดงก่ำ แล้วยกยิ้มขึ้น
“ตกลง”
…
เมื่อพูดแล้วก็ทำเลย
ฉู่หลิวเยว่หยิบกระดูกส่วนนั้นออกมา
พลังแห่งสายเลือดที่อยู่ภายในแทบจะถูกดูดออกมาจนเกลี้ยงแล้ว ดังนั้นในตอนนี้กระดูกเหล่านั้นจะหม่นแสงไปเล็กน้อย
จื่อเฉินสาวเท้าไปด้านหน้า แล้วสยายปีกทั้งสองขึ้น
พรึ่บ…
เลือดขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา!
หรงซิวยืนอยู่ด้านหน้าโครงกระดูกนั้นและยกมือขึ้นมาโบกไปมาเบาๆ
เปลวเพลิงสีทองสายหนึ่งลอยออกมา จากนั้นก็ห่อหุ้มเลือดนั้นเอาไว้
ภายใต้การควบคุมของเปลวเพลิง เลือดก้อนนั้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของเขา นอกจากนี้ก็ยังอยู่ตรงหน้าของโครงกระดูกส่วนนั้นด้วย
จากนั้นหรงซิวก็กลั้นลมหายใจ มือข้างหนึ่งชี้ขึ้น!
ตู้ม!
เสียงระเบิดหนึ่งดังขึ้น ก้อนเลือดนั้นแตกกระจายในทันที จากนั้นกลายเป็นหยดเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนจะลอยมายังกระดูกส่วนนั้น!
เปลวเพลิงลุกโชน ปกคลุมกระดูกเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เลือดเหล่านั้นก็ค่อยๆ ผสานเข้ากับกระดูก!
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป พลังแห่งสายเลือดที่ซ่อนอยู่ในก้อนเลือดก็เริ่มผสานเข้ากับกระดูกอย่างสมบูรณ์!
กระดูกที่เคยหม่นแสงก็กลับมาส่องประกายแวววาวอีกครั้ง!
แรงกดดันสายหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากกระดูกนั้น!
ฉู่หลิวเยว่ลอบตกใจกับความแข็งแกร่งที่หรงซิวแสดงออกมา ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นจึงหันไปมองทางจื่อเฉิน ก่อนจะเห็นว่าบนปีกทั้งสองข้างของเขามีลำแสงเป็นจุดๆ ส่องประกายออกมา!
ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ลมปราณบนร่างกายของมันนั้นเริ่มเพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจ!
………………..