ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1759 แพ้หรือชนะ
ตอนที่ 1759 แพ้หรือชนะ
………………..
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงอย่างมาก
นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เหมือนว่าจื่อเฉินก็รู้สึกประหลาดใจด้วยเช่นกัน ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
โหมวเจินเหลือบสายตามองมาทางนี้ จากนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“ข้าเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปเลย…ภายในร่างกายของเจ้าได้ผสานเข้ากับกระดูกทั้งสองข้างของไท่ซวีเฟิ่งหลงแล้ว แม้ว่าทั้งสองส่วนจะถูกแยกออกจากกัน แต่มันก็ยังมีการเชื่อมโยงระหว่างกันอยู่ ดังนั้นตอนที่พลังในโครงกระดูกส่วนนี้เพิ่มสูงขึ้น ลมปราณที่อยู่บนปีกนั้นก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
เหมือนว่านางจะเข้าใจขึ้นมาแล้ว…
“แต่หากเป็นเช่นนี้ พลังของโครงกระดูกส่วนนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าเช่นนั้นความแข็งแกร่งของจื่อเฉินก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยใช่หรือไม่?”
โหมวเจินพยักหน้า
“หากว่ากันตามหลักการแล้ว มันก็เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ว่าท้ายที่สุดแล้วปีกนี้ก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระดูกนี้อีกต่อไป ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของพลังก็น่าจะมีข้อจำกัด”
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้า
นางคาดการณ์ได้ถูกต้องแล้ว!
หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็สามารถพูดได้ว่าจื่อเฉินนั้นได้เปรียบอย่างมากเลยทีเดียว!
พลังมีขีดจำกัดแล้วอย่างไรเล่า?
ในเมื่อเช่นนี้มันก็เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว!
แล้วอีกอย่าง หากหลังจากนี้กระดูกส่วนนี้เป็นของโหมวเจิน แต่เขาเป็นไท่ซวีเฟิ่งหลง!
อีกทั้งยังมีพรสวรรค์และฝีมืออยู่ในขั้นสูงสุด!
ฉู่หลิวเยว่หันมองทางจื่อเฉิน จากนั้นก็เห็นว่าในแววตาของเขามีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นสายหนึ่ง
จื่อเฉินรู้ดีว่าสำหรับเขาแล้วเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ายินดีและประหลาดใจมากเพียงใด!
ก่อนหน้านี้เขาเคยปฏิเสธเงื่อนไขของโหมวเจิน เป็นเพราะว่าเขายืนหยัดกับหลักการของตนเอง
แต่แม้กระทั่งเขาก็ต้องยอมรับว่า สำหรับเขาแล้ว มันคือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจแบบนั้น แต่ความรู้สึกเสียดายก็ยังมีอยู่
คิดไม่ถึงเลยว่าเพราะกระดูกปีกทั้งสองข้างนี้จะทำให้มีการเชื่อมโยงกับโหมวเจินอีกครั้ง
หากเป็นไปตามคำบอกเล่าของโหมวเจินแล้ว ด้วยวิธีเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้รักษาฐานะและสายเลือดของเขาแล้ว ยังเป็นทางลัดที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้อีกด้วย!
ตราบใดโหมวเจินไปที่แข็งแกร่ง เขาก็จะได้รับผลกระทบ และทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย!
บนโลกแห่งนี้จะมีเรื่องใดน่ายินดีไปกว่าเรื่องนี้อีก?
โหมวเจินถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้ามีวาสนากับข้า…”
แบบนี้เกรงว่าคงจะไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นซ้ำสองอีก
ลิขิตที่สวรรค์ประทาน ต่อให้เจ้าไม่ต้องการ จนสุดท้ายหลังจากผ่านวิธีต่างๆ นานามันก็จะตกไปอยู่ในมือของเจ้าอยู่ดี!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก นางพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน
ทันใดนั้นเองถวนจื่อก็ดึงแขนเสื้อของนาง
ฉู่หลิวเยว่จึงก้มหน้าลงมามองนาง
“มีอันใดหรือถวนจื่อ?”
ถวนจื่อกัดเล็บอย่างลังเล จากนั้นก็หันหน้ามองจื่อเฉิน แล้วก็หันกลับมามองฉู่หลิวเยว่
“เมื่อครู่นี้ที่พวกเจ้าพูดกันเป็นความจริงหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ขำออกมาอย่างอดไม่ได้ นางจึงก็บีบแก้มอ้วนของถวนจื่อเบาๆ
ดังนั้นแล้วเรื่องนี้ถือข้อยุติ!
ถวนจื่อขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล นางลังเลอยู่นาน จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“เช่นนั้น…แล้ว…หลังนี้เขาจะแข็งแกร่งกว่าข้าหรือไม่?”
นางเงยหน้าเล็กๆ ขึ้นท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่เกือบจะกลั้นขำไม่ได้
“ดังนั้นเมื่อครู่นี้ที่เจ้าเป็นกังวลอยู่นาน เพราะกำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่หรือ?”
“ใช่แล้ว!”
ถวนจื่อทำปากมุ่ย
ก่อนหน้านี้นางสู้จื่อเฉินไม่ได้ จนกระทั่งนางได้ทะลวงด่านเป็นหงส์ทองคำ ในที่สุดนางถึงได้กอบกู้สถานการณ์กลับคืนมา
ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดหรือฝีมือนางก็เหนือกว่าจื่อเฉินหนึ่งขั้น
แต่ในตอนนี้ภายในร่างกายของจื่อเฉินได้ผสานเข้ากับพลังแห่งสายเลือดของไท่ซวีเฟิ่งหลงแล้ว อีกทั้งด้วยเหตุนี้ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโหมวเจินด้วย!
หลังจากนี้เมื่อมีการสนับสนุนจากโหมวเจิน แค่คิดก็รู้ได้ทันทีว่า ความแข็งแกร่งของจื่อเฉินจะก้าวกระโดดขึ้นอย่างแน่นอน!
แล้วนางไม่มีข้อได้เปรียบสักนิดเลยหรือ?
ฉู่หลิวเยว่อดหัวเราะกับท่าทางฮึดฮัดของนางไม่ได้
นางเกือบลืมไปเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างจื่อเฉินและถวนจื่อระหองระแหงไม่ดีมาโดยตลอด
นอกเสียจากตอนที่ต้องต่อสู้ร่วมกัน โดยปกติแล้วทั้งสองคนนี้จะไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไรนัก
แน่นอนว่าปกติแล้วถวนจื่อจะเป็นฝ่ายโห่ร้องต้องการที่จะต่อสู้ แต่จื่อเฉินนั้นเมินเฉยมาโดยตลอด
แต่เมื่อถูกเสียงของถวนจื่อก่อกวนมากเข้า เขาจะลงมืออย่างรวดเร็ว
แต่เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ตอนนี้ถวนจื่อกับจื่อเฉินก็เกือบจะอยู่ในระดับที่เท่ากันแล้ว
ฉู่หลิวเยว่พูดพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเจ้ามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมขนาดนี้ การทำเรื่องเหล่านี้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากเลยไม่ใช่หรือ?”
ถวนจื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นมีเหตุผลมาก!
ถูกต้อง!
หากจื่อเฉินแข็งแกร่ง นางก็ต้องแข็งแกร่งกว่า!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคนโปรดอันดับหนึ่งของอาเยว่ก็ต้องเป็นนาง!
“ถูกต้อง! ข้าสามารถเอาชนะได้แน่นอน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น จื่อเฉินก็เหลือบสายตามมามองทางนี้
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ถวนจื่อก็กำหมัดเล็กๆ แล้วเชิดหน้าขึ้น ท่าทางเตรียมพร้อมต่อสู้อยู่ตลอดเวลา
แววตาของจื่อเฉินขยับไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนจะหันศีรษะกลับไปแล้วหลับตาลง
ลมปราณบนร่างกายของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง!
ถวนจื่อโกรธจนรู้สึกคันฟัน
แข็งแกร่งขึ้นน่ะหรือ?
ใครๆ ก็ทำได้!
รอให้ออกไปจากที่นี่เสียก่อน นางจะต้องสู้กับจื่อเฉินสักยกแน่นอน!
…
เวลาเคลื่อนผ่านอย่างเงียบเชียบ
เปลวเพลิงเหล่านั้นที่อยู่บนกระดูก ค่อยๆ จางหายไป
บริเวณที่เปลวเพลิงจางหายไปนั้นล้วนสุกสกาววาววับราวกับหยกน้ำดี
กระจ่างใสเสียจนสามารถมองเห็นของเหลวที่เคลื่อนที่อยู่ด้านในได้อย่างคลุมเครือ
นั่นคือพลังแห่งสายเลือดที่ซ่อนอยู่ในก้อนเลือดของโหมวเจินก้อนนั้น!
เมื่อเปลวเพลิงสีทองสายสุดท้ายดับมอดลง หรงซิวก็เงยหน้าขึ้น
“ผู้อาวุโส เชิญ…”