ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1763 สังหาร
ตอนที่ 1763 สังหาร
………………..
ความเร็วของพวกเขานั้นสูงมาก ภายในชั่วพริบตาร่างของพวกเขาก็หายไปจากครรลองสายตาของผู้คุ้มกันทั้งสองแล้ว
“นี่…นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันหรือ?”
ทั้งสองคนที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังมีสีหน้ามึนงง
ผู้คุ้มกันคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า
“เหตุใดท่านประมุขถึงมาอย่างกะทันหันเช่นนี้? อีกทั้ง…สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่เป็นอย่างมาก”
เขาไม่เคยเห็นท่าทางกรุ่นโกรธของประมุขแบบนี้มาก่อนเลย!
“หรือว่าทั้งสองคนจะไม่มีความเคลื่อนไหวมานาน ท่านประมุขจึงรำคาญที่จะรอแล้ว?”
ส่วนอีกคนหนึ่งก็ขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“แย่แล้ว! ยอดเขาสัตตบงกชเกิดเรื่องแล้ว!”
ในตอนนั้นเขาก็สาวเท้าตามโหมวหยางไปในทันทีโดยไม่คิดสิ่งใดแล้ว!
ผู้คุ้มกันอีกคนก็รีบติดตามไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้! มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ รอข้าก่อนสิ”
…
โหมวหยางเดินทางมาถึงยอดเขาสัตตบงกชแล้ว จากนั้นเขาเข้าไปในถ้ำบริเวณไหล่เขา!
ทันทีที่มาถึงปากถ้ำ เขาก็สามารถเห็นร่องรอยของการเผาไหม้ หนังตาของเขากระตุกอย่างรุนแรงทันที
เขาจึงรีบเดินเข้าไปด้านในด้วยความรวดเร็ว
ตอนที่ผู้คุ้มกันทั้งสองมาถึง พวกเขาก็เห็นว่าเงาร่างของโหมวหยางหายเข้าไปในถ้ำแล้ว
ทั้งสองสบสายตากัน แต่กลับไม่กล้าเหยียบเข้าไปในพื้นถ้ำ ทำได้เพียงยืนรออยู่ด้านนอก
ผู้คุ้มกันที่เคยสับสนนั้น ในที่สุดตอนนี้เขาก็สามารถตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว ที่แห่งนี้จะต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ผู้คุ้มกันอีกคนหนึ่งไม่พูดไม่จา แต่ในแววตาของเขามีความสับสนและหวาดกลัวปรากฏขึ้น
ปฏิกิริยาเช่นนี้ของประมุขสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
แต่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาที่เป็นผู้รับผิดชอบเฝ้าคุ้มกันอยู่ที่นี่จะต้องได้รับโทษแน่นอน!
ในตอนนั้นเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปอย่างยากลำบากอย่างมาก
ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าใดแล้ว ในที่สุดโหมวหยางก็เดินออกมาจากถ้ำ
เมื่อเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ หัวใจของผู้คุ้มกันทั้งสองก็จมดิ่งลงในทันที
โหมวหยางเอามือข้างหนึ่งไพล่ด้านหลัง สายตาที่เย็นชามองมายังร่างของพวกเขาทั้งสอง
“พวกเขาล่ะ?”
เขาถามขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้น พวกเขาทั้งสองก็มึนงงไปในทันที
หมายความว่าอย่างไร?
ทั้งสองคนนั้นหายไปหรือ?
หรงซิวกับซั่งกวนเยว่…หนีไปแล้วหรือ?
ในที่สุดโหมวหยางก็ตะคอกขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
“ข้าถามพวกเจ้าว่า พวกเขาล่ะ!”
ในที่สุดเสียงนี้ก็ทำให้เขาได้สติกลับคืนมา
ตึง!
พวกเขาทั้งสองคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียง!
“ท่านประมุข พวก…พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่ามันเกิดอันใดขึ้น!”
แต่ถ้าพวกเขาสามารถสังเกตถึงอะไรได้ พวกเขาจะไม่ไปรายงานได้อย่างไร!
คนที่ลอบบุกเข้าไปในวิหารไท่ซวีจะต้องเป็นพวกเขาแน่นอนยังไม่ต้องสงสัย!
คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนนี้กำลังเล่นกันอยู่ท่ามกลางเสียงปรบมือของคนทั้งเผ่า!
ผู้คุ้มกันทั้งสองตัวสั่นระริก
แค่คิดก็รู้แล้วว่า พวกเขาทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ หากครั้งนี้พวกเขาไม่ตายก็ต้องถูกถลกหนังแล้ว
“ช่วงนี้พวกเจ้าไม่พบสิ่งผิดปกติเลยแม้แต่น้อยหรือ?”
โหมวหยางถามขึ้นอย่างไม่วางใจ
ทันใดนั้นผู้คุ้มกันคนหนึ่งก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงสิ! ไม่กี่วันก่อนหน้านี้กลางยอดเขาสัตตบงกชเหมือนจะมีระลอกคลื่นสายหนึ่งแผ่ออกมา แต่ทว่าการเคลื่อนไหวนั้นมันแผ่วเบาอย่างมาก อีกทั้งยังจางหายไปอย่างรวดเร็ว ข้าจึงคิดว่าสองคนนั้นแค่ก่อเรื่อง และไม่ได้เก็บมาใส่ใจ…”
ยิ่งพูดน้ำเสียงของเขายิ่งเบาลงเรื่อยๆ ภายในหัวใจของเขามีความสิ้นหวังปรากฏขึ้น
ในตอนนั้นเองแม้กระทั่งเขาก็ยังสามารถตระหนักได้ว่านี่คือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขา!
เพียงเพราะความประมาทเลินเล่อทำให้ทั้งสองคนหนีไปได้!
เดิมทีเรื่องนี้เขาไม่สามารถโต้เถียงได้เลย!
โหมวหยางโมโหจนหัวเราะออกมา
ดูจากตอนนี้แล้วเหมือนว่าทั้งสองคนจะก่อเรื่องได้เก่งจริงๆ!
มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า ในตอนนั้นพวกเขาสามารถหนีออกจากยอดเขาสัตตบงกช และไปที่วิหารไท่ซวีได้!
โหมวหยางมองพวกเขาสองคนด้วยสายตาเย็นยะเยือก หน้าอกของเขาเหมือนมีเปลวเพลิงลุกท่วม นี่แทบจะทำให้เขาเป็นบ้าอยู่แล้ว!
ทั้งสองคนนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงอันตราย และในตอนที่เขากำลังจะเปิดปากพูด
“ท่าน…”
ตึง!
โหมวหยางยกมือขึ้นลำแสงที่คมกริบสายหนึ่งพุ่งออกมา! และทะลุหน้าอกของผู้คุ้มกันหนึ่งคนในนั้น!
แต่แววตาของคนผู้นั้นปูดโปนออกมา และแววตายังแฝงไปด้วยความแววกลัว
คล้ายกับคนตายไปแล้ว!
ผู้คุ้มกันอีกคนหนึ่งที่เห็นภาพเหตุการณ์นั้นก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงไม่อนุญาตให้สังหารคนเผ่าเดียวกันตามใจชอบ
ต่อให้คนผู้นั้นจะทำความผิดร้ายแรง แต่ก็ต้องจัดการตามระเบียบวิธี คือการผ่านการตัดสินจากเหล่าผู้อาวุโส
แล้วทำไมท่านประมุขถึงลงมือโดยตรงเช่นนี้?
เขาหันมองทางโหมวหยาง แต่กลับพบว่าใบหน้าที่เคยอ่อนโยนของท่านประมุข ในตอนนี้เปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่งและโหดเหี้ยม!
เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจึงหมุนตัวและจะวิ่งหนีไป!
แต่เพียงสาวเท้าไปได้ก้าวเดียว ประกายคมแสงหล่านั้นก็โจมตีจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว! พร้อมตัดกลางเอวของเขาขาดครึ่ง!
ฝีเท้าของเขาชะงักกึกไป หลังจากแข็งค้างไปเล็กน้อย ร่างกายของเขาก็ร่วงหล่นลงพื้นอย่างแรง กระแสเสียงจางหาย
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็จบชีวิตผู้คุ้มกันทั้งสอง
สีหน้าของโหมวหยางเย็นชา เขาสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ศพทั้งสองก็ถูกเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ภายในชั่วพริบตาเดียวศพทั้งสองก็กลายเป็นเถ้าธุลีแล้วรอยหายไปในอากาศ
แม้กระทั่งคราบเลือดที่อยู่บนพื้น ก็ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ไปจนหมดสิ้น
โหมวหยางหันศีรษะกลับไปมอง ในแววตามีความหม่นหมองขึ้นสายหนึ่ง
จากนั้นเขาก็สาวเท้าออกมาหนึ่งก้าว เงาร่างหายไปจากในตำแหน่งเดิมทันที
…
วิหารไท่ซวี
ภายในท้องพระโรง ทุกคนกำลังยืนรออย่างเงียบงัน
ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไรแล้ว ประตูบานใหญ่ก็เปิดออก โหมวหยางกลับเข้ามาด้านในอีกครั้ง
ฝีเท้าของเขารีบร้อน ใบหน้าเย็นชา ทั่วทั้งร่างกายเหมือนถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง
“ท่านประมุขสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
โหมวหยางกลับมาอยู่ด้านหน้าเสาเคลื่อนมังกรพร้อมรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก
“หรงซิวและซั่งกวนเยว่ได้หลบหนีออกจากยอดเขาสัตตบงกชนานแล้ว คนที่อยู่ด้านในนี้…จะต้องเป็นพวกเขาอย่างแน่นอน!”
บรรยากาศภายในท้องพระโรงตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
“ยอดเขาสัตตบงกชมีการคุ้มกันแน่นหนา เหตุใดพวกเขาถึง…คนที่รับผิดชอบเรื่องคุ้มกันม่านพลังล่ะ?”
โหมวหยางมีสีหน้าราบเรียบ
“พวกเขาขอฆ่าตัวตายเพื่อรับโทษ”
ผู้อาวุโสทุกคนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นคนที่มีนิสัยเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก เรื่องฆ่าตัวตายเช่นนี้ ในสายตาของพวกเขาเป็นเรื่องที่น่าละอายเป็นอย่างมาก
ดังนั้นแทบจะไม่มีใครเลือกใช้วิธีนี้จบชีวิตตนเอง
โหมวฝูซานชะงักไปเล็กน้อย
“เช่นนั้น…ศพของพวกเขาเล่า?”
โหมวหยางถอนหายใจออกมา
“พวกเขาเลือกที่จะเผาตัวเองทั้งเป็น ดังนั้นจึงไม่หลงเหลือกระดูกเอาไว้”
ผู้อาวุโสหลายท่านอ้าปากค้าง
ใบหน้าที่ผ่านกาลเวลาของโหมวฝูซานสั่นระริกเล็กน้อย สุดท้ายก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมา
“น่าเสียดายมาก…แม้ว่าเรื่องนี้จะร้ายแรง แต่มันก็ไม่ถึงขั้นนั้น…”
แม้กระทั่งกระดูกยังไม่เหลือทิ้งไว้ ชื่อของเขาก็จะถูกลบออกจากวงศ์ตระกูล
หลังจากนี้แม้กระทั่งความทรงจำก็ยังไม่เหลือทิ้งเอาไว้
นี่นับว่าเป็นการลงโทษที่โหดร้ายอย่างมาก
โหมวหยางหลุบสายตาลงต่ำ
“ตอนนั้นข้ากำลังคิดถึงเรื่องของหรงซิวอยู่ จึงไม่ได้สังเกต…”
“ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ต่อให้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์”
โหมวฝูซานหมุนตัวกลับมาแล้วหันมามองเสาเคลื่อนมังกร
“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเราต้องพาพวกเขาออกจากที่นี่!”
โหมวหยางพยักหน้า
“ข้าจัดการเอง”