ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1764 ค่ายกลสังหารมาร
ตอนที่ 1764 ค่ายกลสังหารมาร
………………..
ตอนที่ 1764 ค่ายกลสังหารมาร
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินไปที่ด้านหน้าของเสาเคลื่อนมังกรอีกครั้ง พร้อมยกมือขึ้น
เกล็ดสีม่วงทองปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปกคลุมฝ่ามือของเขาเอาไว้ทั้งหมด
เกล็ดเหล่านั้นแหลมคมเป็นอย่างมาก และยังมีความเย็นชาที่ส่องสะท้อนออกมา
จากนั้นเขาก็กำหมัดแน่น และออกหมัดหนึ่งครั้ง!
ตู้ม!
พลังที่แข็งแกร่งก็กระแทกเข้ากับเสาเคลื่อนมังกรอย่างรุนแรง!
…
เปรี้ยง!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังมาจากเหนือน่านฟ้า!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง
หลังจากการเคลื่อนไหวนั้นหยุดไปครู่หนึ่ง
ในตอนนั้นโหมวเจินเหมือนจะสัมผัสอะไรบางอย่างได้
และเป็นเช่นนั้นจริงๆ ต่อมาเสียงของโหมวหยางก็ดังขึ้น
“หรงซิว! ซั่งกวนเยว่! พวกเจ้านี่กำเริบเสิบสานมากเลยนะ!”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
นางรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ไม่สามารถปิดบังได้นาน
โหมวหยางไม่ใช่คนโง่ เขาแค่ครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ไปดูที่ยอดเขาสัตตบงกช ก็สามารถเข้าใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
แต่ว่าตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถออกไปได้
ดังนั้นในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ นางจึงต้องรับประกันว่าหรงซิวจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากโลกภายนอก
ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ การกระทำของพวกเขาจะต้องสูญเปล่าอย่างมากแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่กลั้นลมหายใจแล้วรวบรวมสมาธิเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่อาณาเขตเทพเซียนของตนเอง!
…
วิหารไท่ซวี โหมวหยางมองทางเสาเคลื่อนสวรรค์ตรงหน้าที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเลยแม้แต่น้อย!
ความโกรธที่อยู่ภายในใจแทบจะปะทุออกมา!
ดวงตาของเขาแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือด
“ประมุข เหมือนว่าเขาจะมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะอยู่ด้านในนั้น”
โหมวฝูซานส่ายหน้าแล้วพูดเกลี้ยกล่อม
“พวกเราอยู่ด้านนอก พวกเขาอยู่ด้านใน นอกเสียจากพวกเขาจะออกมาเอง ไม่อย่างนั้นแล้ว…เกรงว่าพวกเรายากจะบังคับให้พวกเขาออกมาได้”
เสามังกรเคลื่อนบรรจุพลังของบรรพบุรุษเอาไว้ สูงส่งและศักดิ์สิทธิ์ จนไม่อาจสั่นคลอนได้
ต่อให้พวกเขาทุกคนร่วมมือกัน แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี
สถานการณ์ในตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น
โหมวหยางไม่ได้พูดอะไร
ผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งกลับพูดเสียงเบา
“นี่เป็นเรื่องน่าแปลกมาก…เดิมทีมนุษย์สองคนนี้ไม่ควรจะเข้ามาในวิหารไท่ซวีได้ด้วยซ้ำ แต่เหตุใดเขาถึงสามารถเข้าไปด้านในของเสาเคลื่อนสวรรค์อย่างไร้ซุ่มไร้เสียงได้อย่างใดเล่า?”
เมื่อเขาถามคำถามนี้ขึ้นก็ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้ทันที
“ใช่แล้ว! ที่แห่งนี้ไม่ใช่แค่คนของเผ่าเราเท่านั้นที่จะสามารถเข้ามาได้หรอกหรือ?”
“อย่าว่าแต่เผ่าพันธุ์มนุษย์เลย แม้กระทั่งเผ่าของพวกเราเองหากต้องการจะเข้าไปในเสาเคลื่อนมังกรนี้อย่างราบรื่น ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วพวกเขาสามารถทำได้อย่างใด?”
โหมวหยางหัวเราะเสียงเย็น
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายไม่ใช่หรือ? อย่าลืมสิว่าซั่งกวนเยว่มีกระดูกของบรรพบุรุษเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงอยู่!”
อีกทั้งอินทรีสามตาตัวนั้นก็ยังยืมใช้พลังของกระดูกนั้นสร้างกายเนื้อใหม่!
ด้วยความสัมพันธ์ระดับนี้หากพวกเขาต้องการจะเข้าไปในเสาเคลื่อนมังกรมันจะมีอะไรยากกัน?
ทุกคนเงียบเสียงลง
พวกเขาประเมินฝีมือทั้งสองคนนี้ต่ำเกินไปแล้ว คิดว่าหากพวกเขาทั้งสองถูกคุมขังแล้ว ทุกอย่างจะราบรื่นและสงบสุข
แต่ใครจะคิดเล่าว่า พวกเขาจะมีความสามารถถึงขนาดนี้?
โหมวฝูซานถามขึ้นมา
“ท่านประมุขวางแผนจะทำอย่างใดต่อไป?”
หากจะให้รอเช่นนี้ต่อไปจริงๆ มันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะออกมาเมื่อใด?
โหมวหยางหลับตาลง
“วางค่ายกลสังหารมาร!”
โหมวฝูซานและคนอื่นๆ ก็หน้าเปลี่ยนสีไปในทันที
ค่ายกลสังหารมาร เป็นค่ายกลระดับสูงของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง จำเป็นต้องใช้ผู้อาวุโสมากกว่าสิบคนในการร่วมมือกัน
ในสถานการณ์ปกติ พวกเขาไม่มีทางใช้ค่ายกลสังหารมารอย่างง่ายดายเด็ดขาด
โหมวฝูซานถามขึ้นอย่างลังเลว่า
“ท่านประมุข ค่ายกลสังหารมารต้องใช้พลังมาก งานหมื่นคีรีของพวกเราเพิ่งจะเสร็จสิ้น หากจะใช้ค่ายกลสังหารมารในตอนนี้ไม่ทราบว่าจะเหมาะสมหรือไม่?”
โหมวหยางถามกลับ
“เช่นนั้นผู้อาวุโสฝูซานมีหนทางอื่นที่ดีกว่านี้หรือไม่? ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในเสาเคลื่อนมังกรแล้ว แล้วจะทำอย่างไรได้ ใครรับประกันได้ไหมว่าหากพวกเขาก่อเรื่อง…”
เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นภายในเผ่ามาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องเตรียมตัวเแล้วระมัดระวังอย่างมาก
ไม่กลัวหนึ่งหมื่น กลัวหนึ่งในหมื่น
“เช่นนั้นก็ทำตามคำสั่งของท่านประมุข”
โหมวหยางพยักหน้า
จากนั้นผู้อาวุโสทุกท่านก็เดินกระจายตัวออกไป โดยมีเสาเคลื่อนมังกรอยู่ตรงกลาง
“แช่แข็ง!”
โหมวหยางลงมือก่อนเป็นคนแรก
ลำแสงสีม่วงทองสายหนึ่งพุ่งออกจากฝ่ามือของเขา!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง กลางหน้าผากของเขาก็มีสัญลักษณ์หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ผู้อาวุโสคนอื่นที่อยู่ด้านหลังก็ติดตามมาอย่างใกล้ชิด!
ภายในชั่วพริบตาลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาแล้วตกลงที่เสาเคลื่อนมังกร!
แสงสีม่วงทองเข้มข้นแพร่กระจายบนเสาเคลื่อนมังกรหยกสลักนั้นอย่างรวดเร็ว!
ลำตัวมังกรที่สลักอยู่บนนั้นค่อยๆ ส่องสว่างขึ้น!
แรงกดดันมหาศาลกระจายออกมาอย่างเชื่องช้า!
โหมวหยางตะโกนขึ้น
“ค่ายกลสังหารมาร เปิด!”
…
หลังจากที่ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนบนน่านฟ้าสองสามครั้ง จากนั้นเสียงก็หายไปอีกครั้ง
ครั้งนี้แม้กระทั่งเสียงของโหมวหยางก็ไม่มีอีกต่อไป
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ยกมือขึ้น พร้อมเงยหน้ามองท้องฟ้าและขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
แล้วเขาจะยอมเลิกราได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถเข้ามาได้ ดังนั้นจึงตั้งใจจะปักหลักรออยู่ด้านนอก
เมื่อไหร่ที่พวกเขาออกจากที่นี่ โหมวหยางถึงค่อยลงมืออย่างนั้นหรือ…
ความคิดนี้เพิ่งจะผ่านเข้ามาในสมอง ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถสังเกตได้ถึงความผิดปกติในทันที
น้ำเสียงที่อันตรายดังขึ้นมาจากด้านหลัง
นางหันกลับไปมอง
เสียงนั้นเหมือนจะดังขึ้นจากส่วนลึกของป่า
แต่อย่างไรก็ตามป่าที่หนาทึบก็สายตาบดบังการมองเห็นของนาง จนนางไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เสียงนั้นก็คืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ถึงสามารถแยกแยะได้…เหมือนกับเป็นเสียงต้นไม้ล้มระเนระนาด!
ตอนนั้นในที่สุดนางก็สามารถมองเห็นเงาที่ทอดยาวมาจากระยะไกลได้
ภายใต้เงาที่หนาทึบ ต้นไม้ที่หนาและสูงตระหง่านฟ้าก็ค่อยๆ ล้มไปทีละต้น!
ตู้ม!
ต้นไม้ต้นหนึ่งล้มลงอย่างกะทันหัน!
ใบไม้กระจัดกระจาย พื้นดินสั่นสะเทือน!
ฉู่หลิวเยว่ตกใจเป็นอย่างมาก!
พลังเช่นนี้มัน…
โครมๆ!
เสียงแบบเดียวกันดังขึ้นจากด้านขวามือของนาง
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นนางก็ต้องอ้าปากค้าง
เงาดำนั้นคืบคลานมาจากทุกสารทิศและล้อมพวกเขาเอาไว้!
แรงกดดันเข้มข้น จิตสังหารรุนแรง พลังทั้งสองแผ่เข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน!
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้คาดไม่ถึงว่าโหมวหยางจะลงมือกับพวกเขาแล้ว!
ต่อให้พวกเขาไม่สามารถเข้ามาภายในที่แห่งนี้ได้ แต่ว่าพวกเขาก็มีหนทางอื่นที่ใช้จัดการนางได้!
ฉู่หลิวเยว่หันมองทางหรงซิว
กายเนื้อของโหมวเจินที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังจะสมบูรณ์แล้ว!