ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1767 พลังปราณดั้งเดิมคือสายของฉิน
ตอนที่ 1767 พลังปราณดั้งเดิมคือสายของฉิน
………………..
ภายในวิหารไท่ซวี ร่างกายของโหมวหยางสั่นสะท้าน เขาเบิกตากว้างขึ้น ภายในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ!
“เป็นไปได้อย่างใด!”
ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสคนอื่นๆ ที่อยู่ในท้องพระโรงต่างได้รับพลังสะท้อนกลับในพลังที่แตกต่างกัน ใบหน้าของพวกเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีไป แล้วมองไปเสาเคลื่อนมังกรอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
เมื่อครู่นี้…ซั่งกวนเยว่ขัดขวางการโจมตีของค่ายกลสังหารมารอย่างนั้นหรือ?
นางเป็นเพียงแค่ระดับเทพขั้นสูงไม่ใช่หรือ?
และเมื่อครู่นี้เหมือนว่านางกำลังจะพ่ายแพ้แล้ว?
แต่เหตุใดสถานการณ์ในตอนนี้จึงกลายเป็นเช่นนี้ได้?
โหมวฝูซานขมวดคิ้วขึ้น
“เมื่อครู่นี้พวกเจ้าได้ยินเสียงอันใดหรือไม่?”
ทุกคนต่างเงียบเสียงลงในชั่วขณะ
จากนั้นก็มีคนถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่า
“เหมือนว่าจะเป็น…เสียงฉิน?”
โหมวฝูซานพยักหน้าอย่างตึงเครียด
“ถูกต้อง นั่นเป็นเสียงฉินอย่างแน่นอน! ภายในเสียงฉินยังแฝงไปด้วยพลังที่น่าตกใจ ซั่งกวนเยว่ที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงไม่มีทางมีพลังเช่นนี้แน่! และไม่รู้ว่านางใช้เล่ห์กลอันใดถึงจะมีการช่วยเหลือเช่นนี้ได้…”
ต่อให้ไม่ใช่พลังของนางเอง แต่นางก็สามารถควบคุมและนำมาต้านทานพวกเขาได้!
“สามารถต้านทานค่ายกลสังหารมารได้…ต่อให้เป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถทำได้! นาง…”
ทุกคนรู้สึกตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก
โหมวหยางกัดฟันกรอด
หรือว่าที่นางทำตัวกำเริบเสิบสานมาก่อนหน้านี้ ที่แท้เป็นเพราะว่านางยังมีท่าไม้ตายเช่นนี้อยู่อีก!
“ประมุข ท่านมีความเห็นว่า…พวกเราควรจะทำอย่างใดต่อไปดี?”
ในแววตาของโหมวฝูซานมีความลังเลปรากฏขึ้น
“แม้ว่าค่ายกลสังหารมารจะมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อใช้ภายในเสาเคลื่อนมังกรก็ยังถูกแรงกดดันของบรรพบุรุษปราบปรามโดยธรรมชาติ พลังของค่ายกลสังหารมารนี้จึงไม่สามารถแสดงออกไปได้เต็มที่ หากซั่งกวนเยว่พึ่งพาพลังนี้อยู่ตลอดเวลา เช่นนั้นการที่พวกเราจะสังหารนางนั้น ก็เป็นเรื่องยากขึ้นมาเล็กน้อย”
แม้ว่าคำพูดนี้จะไม่น่าฟัง แต่มันก็เป็นความจริง
ภายในใจของโหมวหยางรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากที่ไม่ได้สังหารพวกเขาตั้งแต่ในตอนแรก!
หากในตอนนั้นเขาสามารถจัดการปัญหาทั้งสองนี้ได้ จะมีเรื่องวุ่นวายมากมายติดตามมาขนาดนี้ได้อย่างไร!
แต่ในตอนนี้ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
พวกเขามีเพียงสองทางเลือก
หนึ่ง ใช้วิธีที่รุนแรงบีบบังคับให้พวกเขาออกมาจากด้านใน
สอง รออยู่ที่นี่อย่างอดทน พวกเขาไม่มีทางอยู่ภายในนั้นได้ตลอดชีวิต อีกฝ่ายออกมาเมื่อไร พวกเขาก็ลงมือเมื่อนั้น
แต่โหมวหยางไม่ต้องการตัวเลือกที่สอง
เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงที่ยิ่งใหญ่ คาดไม่ถึงว่าจะถูกมนุษย์ทั้งสองคนปั่นหัว อีกทั้งพวกเขายังทำตัวกำเริบเสิบสานภายในวิหารไท่ซวี!
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ศักดิ์ศรีของคนทั้งเผ่าก็ไม่ต้องเก็บเอาไว้แล้ว!
ชื่อของโหมวหยางก็จะกลายเป็นตัวตลกของอาณาจักรเสิ่นซวี่ในทันที!
“ทำต่อไป!”
ภายในสายตาของโหมวหยางมีความบ้าคลั่งเปล่งประกายขึ้นมาสายหนึ่ง
กลางฝ่ามือของเขามีลำแสงสว่างวาบขึ้น ทันใดนั้นเองก็มีเกล็ดที่แหลมคมปรากฏขึ้นมาในทันที
จากนั้นเขาก็ใช้เกล็ดนั้นกรีดลงที่กลางฝ่ามืออย่างไม่ลังเล!
ท่านประมุขต้องการจะสังเวยเลือด?
เพื่อบีบบังคับให้มนุษย์สองคนออกมาจากเสาเคลื่อนมังกรอย่างนั้นหรือ?
แม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะสามารถกระตุ้นให้ค่ายกลสังหารมารทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ทำให้ร่างกายของโหมวหยางได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ตั้งแต่เขาเป็นประมุข ตลอดเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา เขายังไม่เคยใช้วิธีสังเวยเลือดอย่างเป็นทางการเลย
ตอนนี้…
โหมวหยางกลับตัดสินใจได้แล้ว เลือดบนฝ่ามือควบรวมกลายเป็นเม็ดเลือดพร้อมพุ่งตัวไปทางเสาเคลื่อนมังกร!
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เม็ดเลือดเม็ดนั้นก็จางหายไปภายในเสาเคลื่อนมังกรอย่างรวดเร็ว
ชั้นเลือดสีจางๆ ค่อยๆ จางหายไปอย่างรวดเร็ว!
…
เมื่อมองไปยังแส้ยาวที่หักครึ่ง ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ก็เปล่งประกายราวกับมีดวงดาวอยู่ภายในนับพัน
สำเร็จแล้ว!
เดิมทีนางแค่อยากจะทดลองเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่านางจะสามารถทำได้จริงๆ!
“อาเยว่สุดยอดมาก!”
ถวนจื่อดึงสติกลับมาได้แล้ว ทันใดนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา แต่เดิมใบหน้าที่ดูซีดขาว ตอนนี้มีสีเลือดฝาดขึ้นมาเพราะความตื่นเต้น
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เมื่อครู่นี้ตอนที่นางซ่อนอยู่หลังโล่สีดำ ความจริงแล้วนางก็คิดอะไรได้มากมาย
นางรู้ดีว่าการซ่อนตัวอยู่ตลอดไม่ใช่วิธีที่ดีนัก
นางจึงจำเป็นต้องคิดหาหนทางอื่นเพื่อขัดขวางการโจมตีของคู่ต่อสู้ และเพื่อยื้อเวลาให้กับหรงซิวมากยิ่งขึ้น
นางที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง ฝีมือมีจำกัด หากจะเอาชนะด้วยพลัง เกรงว่าจะไม่สามารถทำได้
หลังจากนางประสานเนื้อเพลงฉินที่ขาดสองส่วนเข้าด้วยกัน จากนั้นมันก็กลับคืนเข้าสู่รูปลักษณ์เดิม เป็นไข่มุกธาราที่ลอยนิ่งๆ อยู่ภายในตันเถียนของฉู่หลิวเยว่
นางนึกขึ้นได้ว่าตอนแรกที่อยู่สุสานสังหารเทพ ผู้ว่าอาวุโสอาจิ่งอาศัยเพียงบทเพลงเดียว ทำให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
ในเมื่อนางเป็นเจ้าของเนื้อเพลงฉินสองในสามส่วนแล้ว อีกทั้งนางยังคุ้นเคยกับบทเพลงนั้นเป็นอย่างมาก แล้วเหตุใดถึงไม่ทดลองสักหน่อยเล่า?
สำหรับคนอื่นแล้วนางแค่หลับตานั่งสมาธิ เหมือนกับกำลังต้องการจะยอมแพ้
ความจริงแล้วในตอนนั้นนางกำลังคิดถึงบทเพลงฉินนี้
ในมือของนางไม่มีฉิน ตอนที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในสมอง ไข่มุกธาราที่อยู่ภายในตันเถียนมีปฏิกิริยาตอบรับขึ้นในทันที
พลังปราณดั้งเดิมอันมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากภายใน จากนั้นก็แผ่กระจายไปทั่วกระดูกทั้งขาและแขน จนสุดท้ายก็แผ่ออกมาจากกลางฝ่ามือของนาง
ท่ามกลางความมืดมิด นางก็สัมผัสได้เหมือนกับว่าใต้ฝ่ามือของนางนั้นมีฉินอยู่หลังหนึ่ง
เสียงฉินในตอนนั้นยังคงดังก้องอยู่ในสมองของนางอยู่
นางสะบัดนิ้วเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว ทำให้เกิดเสียงฉินดังขึ้น!
ในเสี้ยววินาทีนั้นนางก็เข้าใจว่าจะมีฉินหรือไม่มีนั้นไม่สำคัญ!
เพราะว่าหากต้องการจะเล่นเนื้อเพลงฉินแผ่นนี้ จำเป็นจะต้องใช้พลังปราณดั้งเดิมเป็นดั่งสายของชิ้น!
นางก้มศีรษะลงต่ำหลุบสายตามอง
เชือกหลายเส้นเปล่งประกาย และมันชัดเจนยิ่งกว่าสายของฉิน อีกทั้งไม่รู้ว่ามันมาอยู่ตรงหน้านางตั้งแต่เมื่อใด!
ดูจากลักษณะรูปร่างแล้วมันเหมือนกับฉินของผู้อาวุโสอาจิ่งเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์นัก
อาจจะเป็นเพราะว่า…เนื้อเพลงฉินในตัวของนางนั้นยังมีส่วนขาดหาย
แต่…สำหรับฉู่หลิวเยว่แล้ว เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว!