ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1774 ใครกันแน่ที่เสียสติ
ตอนที่ 1774 ใครกันแน่ที่เสียสติ
………………..
“อ๊าก…“
โหมวหยางส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างทรุดกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
ความเจ็บปวดอันรุนแรงจากไหล่ทั้งสองข้างแล่นปราดขึ้นมา เจ็บเสียจนทั่วทั้งร่างของเขาสั่นระริก!
ส่วนแขนทั้งสองข้างของเขาก็ร่วงลงบนพื้น อยู่ห่างจากเบื้องหน้าเขาไม่ไกลนัก
เมื่อเหลือบมองเห็นแขนทั้งสองข้างของตนที่รินไหลไปด้วยเลือดร่วงแหมะลงบนพื้น นัยน์ตาโหมวหยางพลันหดลง ร่างกายสั่นระริกรุนแรงยิ่งกว่าเก่า!
ความหวาดกลัวที่มิอาจบรรยายได้พรั่งพรูขึ้นมาจากก้นบึ้งจิตใจอย่างบ้าคลั่ง!
บรรดาฝูงชนภายในจัตุรัสเองก็ถูกภาพฉากนี้ตรึงไว้กับที่
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นว่องไวมาก
พวกเขายังไม่ทันประมวลความคิดนี้ด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมาเกิดอันใดขึ้น ก็เห็นแขนของโหมวหยางถูกสะบั้นขาดแล้ว!
ส่วนโหมวเจินที่อยู่อีกฝั่งกลับมีสภาพต่างจากโหมวหยางในตอนนี้โดยสิ้นเชิง
เปลวเพลิงสองกลุ่มก้อนนั้นทะยานหยุดเบื้องหน้าเขา จากนั้นก็ประกบเข้ากับบริเวณแขนของเขาอย่างน่าดูชม แล้วแปรสภาพเป็นรูปร่างแขนทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว!
ท่ามกลางประกายแสงสว่างเรืองรองสามารถมองเห็นสีของโลหิตแฝงอยู่ได้เลือนราง
กลิ่นคาวเลือดจางๆ แผ่กระจายออกไปในอากาศ
ฉู่หลิวเยว่ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก นางหันขวับมองหรงซิวโดยไม่รู้ตัว
มุมปากของหรงซิวหยักยกขึ้นน้อยๆ ผงกศีรษะเป็นเชิงยืนยัน
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างน้อยๆ
…โหมวเจินช่วงชิงพลังแห่งสายเลือดของตัวเองกลับมาได้สำเร็จ ทั้งยังฟื้นฟูกายเนื้อของตนจนอยู่ในสภาพสมบูรณ์!
ความบ้าดีเดือดและแข็งแกร่งระดับนี้ช่างพบเจอได้ยากจริงๆ!
การที่หลอมสร้างแขนของตัวเองให้งอกขึ้นมาอีกครั้งกับขอให้หรงซิวช่วยหลอมกายเนื้อขึ้นมาใหม่นั้นไม่เหมือนกัน
ในแง่มุมหนึ่ง นี่ต้องยอมรับอันตรายที่มากขึ้นและความทรมานที่รุนแรงกว่าเก่า
อย่างใดเสียอันหนึ่งนั้นเริ่มจากศูนย์ ส่วนอีกอันหนึ่งเริ่มงอกจากของเก่าที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าข้อหลังยากเย็นอย่างมาก
ทว่าโหมวเจินกลับทำเช่นนี้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!
ระหว่างที่แขนทั้งสองข้างค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ลมปราณบนตัวโหมวเจินก็เพิ่มพูนขึ้นอีกครั้ง!
เพราะว่ารับแรงกดดันอันมหาศาลนี้ไม่ไหว ผู้อาวุโสหลายท่านที่ยืนอยู่เบื้องหน้าจึงทยอยถอยหลังกันไปหลายก้าวด้วยสีหน้าตะลึงงัน
ต่อให้ตอนนั้นโหมวเจินยังไม่ตาย แต่กายเนื้อก็ถูกทำลายจนหมดจดไปแล้วหนา!
พวกเขาต่างก็ดูออกว่ากายเนื้อของเขาในตอนนี้ย่อมมาจากความช่วยเหลือจากหรงซิวและซั่งกวนเยว่
หากแต่ระดับของกระดูกนั้นมิอาจนับได้ว่าสูงนัก มิเช่นนั้นแล้วคราที่โหมวเหยาก่อกรรมทำเข็ญคงมิถูกเปิดโปงออกมาง่ายดายปานนั้น
พูดตามหลักแล้ว โหมวเจินสมควรไม่เหลือพลังอันใดแล้วต่างหาก
ทว่าบัดนี้เขาไม่เพียงแต่เอาชนะโหมวหยางได้อย่างง่ายดาย แต่ว่า… ระดับการฝึกตนยังคงพุ่งทะยานขึ้นไม่หยุด!
สีหน้าของโหมวฝูซานกลับสับสนยิ่งนัก
โหมวเจิน… ยังคงเป็นโหมวเจินในครานั้นอยู่วันยังค่ำ!
ตอนนั้นเขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในเผ่า
เหล่าชนรุ่นหลังส่วนใหญ่เคยได้ยินแต่เรื่องที่เขาสังหารเผ่าเดียวกันอย่างเลือดเย็นบ้าง เสียสติจนสิ้นชีวิตบ้าง แต่กลับรู้เรื่องความสามารถและพรสวรรค์ของเขาน้อยมาก
ในความเป็นจริงแล้ว…
พรสวรรค์ชวนตื่นตะลึงจนน่าอิจฉา สักหมื่นปีจะพบเจอได้คนหนึ่ง!
คำอธิบายเช่นนี้ย่อมมิได้เกินจริงแต่อย่างใด!
ต่อให้ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ก็ยังไร้ผู้ใดเทียบเคียงเขาได้
กระทั่งลืมเลือนโหมวหยางที่นอนอยู่บนพื้นไปเสียสนิท
ความจริงแล้วในเวลานี้ก็ไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปซึ่งหน้าแล้ว
การที่โหมวเจินตัดแขนโหมวหยางสองข้างได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังช่วงชิงเอาเปลวเพลิงทั้งสองกลุ่มที่กักเก็บพลังอันมหาศาลจากภายในร่างของเขาออกมาได้ ก็พอจะอธิบายได้แล้ว!
…พลังสายนั้นย่อมเป็นของที่โหมวเจินมีแต่เดิมอยู่แล้ว!
ในเมื่อเขาอยากจะแย่งชิงพลังแห่งสายเลือดของตัวเองกลับคืน ใครกันจะขัดขวางได้!?
หรือก็คือว่า อย่างน้อยที่สุดคำพูดทั้งหมดเมื่อครู่ที่เขาพูดไปก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน!
ในใจของคนจำนวนมากต่างบังเกิดความสงสัย ความสับสนที่เกิดขึ้นไร้ทางจบ
นี่เป็นเรื่องจริง แล้ว… เรื่องอื่นเล่า?
ครานั้นคนของเผ่าทั้งเจ็ดคนถูกใครสังหารกันแน่!?
…
โหมวหยางกระอักเลือดออกมากองหนึ่ง ในใจรู้สึกกรุ่นโกรธนัก
เขาอยากจะลุกยืนขึ้นมา แต่พอสูญเสียแขนทั้งสองข้างไป การเคลื่อนไหวนี้ก็กระทำได้ยากลำบากขึ้นมาก
หลังจากลองอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเขาก็หยัดกายขึ้นมาได้
ทว่าบัดนี้ร่างกายของเขาเปรอะชุ่มไปด้วยคราบเลือด ดูแล้วสภาพน่าเวทนาเหลือจะเอ่ยโดยแท้
ไม่หลงเหลือมาดและภาพลวงตาของท่านประมุขผู้สูงศักดิ์ในวันวานแม้แต่น้อย
เขาจ้องโหมวเจินที่ยืนห่างอยู่ไม่ไกลนักเขม็ง ดวงตาทั้งสองข้างฉาบด้วยสีแดงก่ำ
มิน่าโหมวเจินมันถึงได้กล้าดีขนาดนี้!
ที่แท้ก็มาไม้นี้นี่เอง!
พูดว่าไม่มีหลักฐานบ้าบออันใด… เหลวไหลทั้งเพ!
โหมวเจินตั้งใจรอเขาอยู่ที่นี่ชัดๆ!
เขารู้ดีว่าไม่ว่าวันนี้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร ชื่อเสียงของเขา ตำแหน่งของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา… จวนตกอยู่ในความบรรลัยเต็มที!
เขาถ่มเลือดออกมา ก่อนจะแผดเสียงตะโกน
“ทุกคนฟังคำสั่ง! โหมวเจินวางแผนชั่ว ตัดหัวมันทิ้งที่นี่เสีย!”
ทว่าสิ้นเสียงคำพูด ในจัตุรัสกลับไม่มีผู้ใดลงมือ
โหมวหยางกวาดตามองทั้งสี่ทิศประหนึ่งสิ้นสติไปแล้วมิปาน
“อันใด พวกเจ้าคิดจะต่อต้านหรือ!? ทำหูทวนลมแม้แต่กับคำสั่งของประมุขน่ะ!”
โหมวฝูซานมองเขาพลางเอ่ยเสียงเรียบ
“ท่านประมุข บัดนี้ความจริงกำลังเผยออกมา จะให้ลงมือได้อย่างใด? ว่าแต่ท่านเถิด ยังมิได้อธิบายให้กระจ่างเลยมิใช่หรือว่าเหตุใดพลังแห่งสายเลือดของโหมวเจินถึงไปอยู่ในตัวท่านได้’”
เดิมคิดว่าโหมวหยางได้รับสืบทอดของดีมาถึงได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ทว่าบัดนี้พอมาดูแล้ว… บางทีที่นี่อาจจะยังแอบซ่อนความลับอันใหญ่โตเอาไว้!
คำถามของโหมวฝูซานทำเอาโหมวหยางอับจนคำพูด
ลูกกระเดือกของเขากลิ้งกลอกไปมา ริมฝีปากสั่นระรัว พูดอันใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เขาจะอธิบายอย่างใดเล่า?
ในเมื่อมันไม่มีทางอธิบายได้อยู่แล้ว!
ทุกคนล้วนเป็นเผ่าเดียวกัน และต่างก็รู้ถึงพลังแห่งสายเลือดดี
การที่เขาคิดจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ความย่อมเป็นไปไม่ได้
เห็นเขามีกิริยาตอบสนองเช่นนี้ ข้อคาดเดาในใจโหมวฝูซานก็ถูกยืนยันไปแล้วแปดเก้าส่วน
เขาหลับตาลง ถอนใจเสียงเบา
“เหตุใดหนอถึงต้อง…”
โหมวหยางถูกเขามองเสียจนใจเย็นวาบ
“ผู้อาวุโสฝูซาน! ท่านเลือกที่จะฟังคำของคนบ้ามากกว่าเชื่อข้าหรือ!?”
โหมวฝูซานหยุดชะงัก
“ท่านประมุข คนที่เสียสติน่ะ มันใครกันแน่?”
………………..