ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1777 ส่งคืน
ตอนที่ 1777 ส่งคืน
………………..
ชั่วขณะนั้น ก็มีแรงกดดันมหาศาลอันเกรียงไกรสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วโลกา!
บรรดาฝูงชนเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงที่ยืนอยู่ในจัตุรัสล้วนหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นก็ทยอยคุกเข่าลงข้างหนึ่งทีละคน!
“ยินดีต้อนรับท่านบรรพชน!”
ชั่วพริบตา ทุกคนในจัตุรัสก็พากันคุกเข่าลงข้างหนึ่ง!
รวมถึงพวกโหมวฝูซานที่น้อมตัวลงคำนับด้วยท่าทียำเกรงอย่างมาก!
มีเพียงโหมวหยางมองเงาร่างมหึมาที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจและตกตะลึง
ในหัวของเขาพลันขาวโพลน
บรรพชน…
นี่คืออำนาจแห่งบรรพชนจริงๆ!
บรรพชนของไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้นจากไปตั้งแต่อดีตกาลแล้ว
ทว่าในตอนนั้น ท่านผู้นั้นจงใจทิ้งลมปราณสายหนึ่งไว้ที่วิหารไท่ซวีเพื่ออำนวยพรแก่คนทั้งเผ่า
ยามคนในเผ่าเข้าไปในวิหารไท่ซวี ต่างก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันและลมปราณคล้ายมีคล้ายไม่มีสายนี้
ดังนั้น พวกเขาจึงรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมาก
และด้วยเหตุนี้นี่เอง ทันทีที่เงาร่างนั้นปรากฏขึ้น ลมปราณไร้ขีดจำกัดที่แผ่ขยายทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ยอมสยบลงทีละคน!
โหมวหยางสองขาสั่นระริก รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง จวนเจียนจะล้มมิล้มแหล่ ราวกับสามารถทรุดตัวลงพื้นด้วยยืนหยัดไม่ไหวได้ทุกเมื่อ
เขารู้แก่ใจว่าฉากที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านั้นแปลว่าอันใด
…การสืบทอดจากบรรพชนยังคงติดตัวโหมวเจินอยู่จริงๆ!
อีกทั้งดูจากสถานการณ์แล้ว มีความเป็นไปได้มากว่าโหมวเจินจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วด้วย!
เหตุใด…
“โหมวหยาง เจอหน้าบรรพชนแล้วเหตุใดยังไม่คุกเข่าลงอีก!?”
โหมวหยางพลันได้สติกลับคืน สีหน้าของเขาซีดเผือด
มิรอให้เขาได้โต้กลับ เงาร่างของไท่ซวีเฟิ่งหลงที่ตั้งมั่นอยู่กลางอากาศพลันกู่ร้องคำรามลั่นผืนฟ้า!
โฮก!
กระแสพลังอันหนักหน่วงหาสิ่งใดเปรียบมิได้กดทับบนไหล่ของโหมวหยางอย่างแรง!
ปึก!
ร่างของเขาสั่นไหวน้อยๆ สองเข่าทรุดลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นเสียงดังก้อง!
ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง เสียงกระดูกแตกหักก็ดังลั่นตามมาด้วย
กระแสพลังสายนั้นแข็งกร้าวนัก ทันทีที่เข่าของโหมวหยางกระแทกลงพื้นดิน บริเวณโดยรอบพลันบังเกิดรอยแตกร้าวขยายไปทั่ว
ร่างของเขาสั่นเทิ้มรุนแรงยิ่งกว่าเก่า สีหน้าเองก็ทวีความขาวซีดขึ้นไปอีก
…อำนาจแห่งบรรพชนมิอาจดูแคลนได้โดยแท้ เพียงแค่นี้ กระดูกหัวเข่าของเขาก็แตกร้าวแล้ว!
บรรดาฝูงชนที่ได้ยินสุ้มเสียงนี้ต่างก็ทยอยกันหันไปมอง
ครั้นมองเห็นสภาพอันดูไม่จืดของโหมวหยางในยามนี้แล้ว ทุกคนล้วนมีสีหน้าแตกต่างกันไป
ใครจะไปคาดคิดได้เล่าว่าประมุขที่เปี่ยมด้วยเกียรติและน่าเกรงขามมาโดยตลอดอย่างโหมวหยาง วันหนึ่งจะตกอยู่ในสภาพอันน่าเวทนาเช่นนี้ได้
อำนาจแห่งบรรพชนที่มาเยือนเข้าลงทัณฑ์โหมวหยางอย่างจัง
ด้วยเหตุนี้ บรรดาฝูงชนจึงไม่กล้าเข้าใกล้เขายิ่งกว่าเก่า ทั้งยังไม่กล้าช่วยพูดแทนเขาแม้แต่ครึ่งคำ
แม้นตำแหน่งประมุขจะมีฐานะในเผ่าสูงส่ง แต่สถานการณ์บัดนี้กลับแตกต่างออกไป
โหมวหยางใช้วิธีการอันเสื่อมเกียรติอย่างเห็นได้ชัด ฉวยชิงเอาพลังแห่งสายเลือดส่วนหนึ่งของโหมวเจินไป แล้วใช้มันขึ้นครองตำแหน่งประมุข
ลำพังแค่ความจริงข้อนี้ ก็เพียงพอให้ผู้อาวุโสทั้งเก้าร่วมกันปลดเขาลงจากตำแหน่งประมุข
…
โหมวเจินมองไปยังฝ่ายโหมวฝูซาน
“เชิญผู้อาวุโสทุกท่านลุกขึ้นก่อนเถิด ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้ คงต้องขอให้พวกท่านในที่แห่งนี้ช่วยเป็นพยานด้วย”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสทั้งหลายรวมถึงตัวโหมวฝูซานต่างสบสายตากันไปมา จากนั้นก็ลุกขึ้นด้วยท่าทีกระสับกระส่าย
มิใช่ว่าพวกเขาขี้ขลาด แต่วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ทั้งยังน่าหวาดหวั่นจนถึงขั้นเกินไปเสียด้วยซ้ำ!
หากพูดออกไปแล้ว เกรงว่าคงมิมีใครเชื่อ!
สุดท้าย สายตาของพวกเขาจึงจดจ้องไปที่โหมวฝูซานเป็นตาเดียว
เขานับว่าเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุดในที่แห่งนี้ วาจาของเขาย่อมหนักแน่นที่สุด
ดังนั้นให้เขาเป็นผู้ออกหน้าย่อมเหมาะสมที่สุด
โหมวฝูซานในตอนนี้แม้ดูภายนอกจะสงบนิ่ง แต่แท้จริงแล้วในใจเองก็กระวนกระวายไม่แพ้กัน
ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะประสานมือไปทางโหมวเจิน
แน่นอนว่าการคำนับครานี้ก็เพื่อเงาร่างของบรรพชนที่อยู่เหนือศีรษะโหมวเจินด้วย
หลังจากทำการคำนับอย่าง
แท้จริงแล้วในใจเขาพอเดาอันใดบางอย่างออก เพียงแต่ไม่กล้ายืนยันเท่านั้น
“โหมวเจิน เจ้า… อัญเชิญอำนาจแห่งบรรพชนมาได้อย่างใดกัน?”
ความเร็วในการพูดของโหมวฝูซานเชื่องช้านัก เขาถามออกมาอย่างชัดเจนและระแวดระวังอย่างมาก
บรรดาฝูงชนต่างเงี่ยหูฟังกันเต็มที่
เพราะนี่ก็เป็นเรื่องที่พวกเขาสงสัยมากที่สุดเช่นกัน
ต้องเข้าใจก่อนว่า หมื่นปีมานี้ยังไม่มีใครทำสิ่งนี้สำเร็จมาก่อน!
บัดนี้โหมวเจินทำสำเร็จแล้ว พวกเขาจะอดใจไม่ตกตะลึงได้อย่างใด
โหมวเจินหัวเราะร่า ก่อนเอ่ยด้วยเสียงก้องกังวาน
คนจำนวนมากต่างพากันสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าปอด
สืบทอดพลังบรรพชน!
หลายปีมานี้ ยังไม่มีผู้ใดจากเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงทำได้มาก่อน
มิคิดเลยว่าที่แท้โหมวเจินจะทำสำเร็จตั้งแต่ปีนั้นแล้ว…
โหมวฝูซานเองก็ตระหนกตกใจมาก เขาเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัวว่า
“เจ้าพูดว่าอันใดนะ? เจ้าสืบทอดพลังบรรพชนจากงานหมื่นคีรีมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรือ!?”
โหมวเจินยิ้ม มิได้เอ่ยตอบอันใด
ทว่านี่ก็เท่ากับเป็นการยอมรับกลายๆ
ในความเป็นจริงแล้ว ต่อให้เขาไม่พูด บรรดาฝูงชนก็รู้ได้ว่านี่ย่อมเป็นเรื่องจริง
ชั่วพริบตานั้นเอง ภายในหัวของโหมวฝูซานก็ปรากฏภาพฉากขึ้นมานับไม่ถ้วน
ราวกับมีเส้นด้ายเส้นหนึ่งร้อยเรียงเศษชิ้นส่วนที่แตกกระจายทั้งหมดเข้าด้วยกัน!
มิน่าเล่า…
มิน่าโหมวหยางถึงต้องลงมือจัดการเขาให้ได้!
มิแปลกใจเลยว่าแม้นปีนั้นเขาจะเผชิญกับสถานการณ์จนตรอก เขาก็ยังสามารถหนีตายออกมาหลบซ่อนอยู่ในเสามังกรเคลื่อนได้เป็นหมื่นปี!
มิน่าเล่าเขาถึงสามารถอดทนอดกลั้นอยู่มาเป็นหมื่นปีได้ทั้งที่เหลือเพียงดวงวิญญาณดวงเดียว!
บัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดล้วนได้รับการอธิบายแจ่มแจ้งแล้ว!
…ร่างของเขารับสืบทอดพลังบรรพชนมานี่เอง!
โหมวเจิน…
เขาคือผู้สืบทอดที่บรรพชนวางตัวเอาไว้แล้วนี่เอง!
“แต่เหตุใดพวกข้าถึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย มีเพียงโหมวหยางเท่านั้นถึงรู้?”
แต่กับกรณีของโหมวเจินแล้ว…
เขาควรจะพูดออกมาสิ!
หากปีนั้นเขาพูดออกมาแต่เนิ่นๆ ตำแหน่งประมุขย่อมตกอยู่ในมือของเขา เหตุใดถึงเปิดโอกาสให้โหมวหยางก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้กันเล่า?
โหมวเจินหัวเราะกับตัวเอง
“นี่ต้องโทษข้าจริงๆ ที่ตอนนั้นทะนงตนและอวดดีเกินไป ทั้งยังไม่ได้ระแวดระวังป้องกันเพียงพอจนต้องประสบความยากลำบาก พูดได้แค่ว่าข้าสมควรได้รับแล้ว”
ตอนนั้นเขานับเป็นลูกรักสวรรค์ของเผ่า อวดดีเกินใครเทียบ
หลังจากได้รับการสืบทอดพลังบรรพชน ความอวดดีประเภทนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นความทะนงตน
เขาไม่ได้เอ่ยข่าวเรื่องนี้ออกมาในทันที คิดเพียงว่ารอหลังจากตัวเองเข้าใจถึงการสืบทอดพลังบรรพชนอย่างถ่องแท้แล้ว ค่อยป่าวประกาศต่อธารกำนัล
แต่ว่าเขายังไม่ทันได้รอถึงวันนั้น ก็ต้องเจอกับแผนการจัดฉากของโหมวหยางเสียก่อน
ครานั้นเขาไม่ทันได้เตรียมตัวอันใดทั้งสิ้น กระทั่งเขาพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง คิดจะตอบโต้ก็สายไปเสียแล้ว!
การล่าช้าครานี้กินเวลาออกไปเป็นหมื่นปี
เขามองไปยังโหมวหยาง
อีกฝ่ายคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหมดหวังเพราะพ่ายแพ้เต็มรูปแบบ
ไม่มีอันใดจะพิสูจน์ทุกอย่างได้ดีไปกว่าสิ่งนี้แล้ว!
ครานี้มัน… จบสิ้นแล้วจริงๆ!
โหมวเจินก้าวไปข้างหน้า ก่อนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโหมวหยาง ใช้สายตาปรายมองเขาจากด้านบน
“โหมวหยาง เจ้าขโมยเอาพลังแห่งสายเลือดของข้าและตำแหน่งประมุขนี่ไปตั้งหลายปี บัดนี้ถึงเวลาคืนแล้วกระมัง?”