ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1781 ผูกมิตร
ตอนที่ 1781 ผูกมิตร
………………..
“ตอนนี้ข้าว่าเรื่องนี้พูดไปแล้วก็ยาว พวกเรามุ่งหน้ากลับไปพระราชวังเมฆาสวรรค์ก่อน แล้วค่อยคุยกันระหว่างทางเถิด”
ฉู่หลิวเยว่กล่าว
พวกซั่งกวนจิ้งเห็นว่าสภาพของนางและหรงซิวดูไม่แย่ จึงพากันผงกศีรษะเป็นเชิงเห็นด้วย
คนกลุ่มนี้จึงเดินทางมุ่งตรงกลับไปยังพระราชวังเมฆาสวรรค์ด้วยประการฉะนี้
…
ระหว่างทาง ฉู่หลิวเยว่ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลานี้โดยคร่าวให้พวกเขาฟังไปรอบหนึ่ง
“… เรื่องราวก็เป็นประมาณนี้”
ระหว่างที่เล่า ฉู่หลิวเยว่พยายามเล่าให้เรื่องฟังดูเรียบๆ อย่างสุดความสามารถ ทั้งยังตัดเรื่องราวออกไปตั้งมากมาย
ทว่าหลังเอ่ยจบ พวกซั่งกวนจิ้งทั้งสามคนต่างจมดิ่งสู่ความตระหนกตกใจอันมากล้น
หลังจากที่เงียบกันไปพักใหญ่ คนทั้งสามก็พร้อมใจกันยิงคำถาม
“พวกเจ้าได้เจออัจฉริยะของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงเมื่อหมื่นปีก่อนอย่างโหมวเจินผู้นั้น แล้วยังช่วยเขาหลอมกายเนื้อขึ้นมาใหม่หรือ?”
“ประมุขเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง โหมวหยางไม่เพียงแต่ถูกปลดจากตำแหน่งประมุข ยังกลายเป็นคนพิการอีกหรือ?”
“พวกเจ้าเป็นพันธมิตรกับประมุขคนใหม่ของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลง แล้วเขายังมาส่งพวกเจ้าด้วยตัวเองอีก?”
…
มิน่าแปลกที่คนทั้งสามมีข้อสงสัยมากมายปานนี้ ด้วยเรื่องราวพวกนี้ชวนให้ตื่นตกใจมากโดยแท้
อย่างใดเสียทั้งสามคนนี้ล้วนเคยประสบพบเจอเรื่องราวใหญ่โตมาไม่น้อย ทำให้พวกเขามีปฏิกิริยาใหญ่โตปานนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องพวกนี้มันน่าหวาดผวาสำหรับพวกเขามากเพียงใด
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปฏิกิริยาโต้ตอบของพวกเขาเองก็นับเป็นเรื่องปกติ
สิ่งที่ฉู่หลิวเยว่พูดมาเมื่อครู่ทั้งหมด หากแพร่งพรายออกไปโดยไม่คิดแล้วละก็ อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้เลย!
เมื่อเผชิญกับคำถามของคนทั้งหลาย ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกอยู่มากทีเดียว แต่ก็ยังกลั้นใจอธิบายทุกอย่างให้ละเอียด
“… เมื่อครู่ข้าพูดไปแล้วว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริง มิเช่นนั้นพวกข้าจะออกมาจากเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลเช่นนี้หรือ?”
คนทั้งสามต่างพูดไม่ออก ก่อนจะสบสายตากันอย่างจนปัญญา
นี่ก็จริง
ไม่ว่าพวกเขาทั้งสองจะมีพละกำลังแข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะผ่านเขตแดนของเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์เข้าไปได้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง หนานซู่ไหวก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้พลางส่ายศีรษะ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! พวกเจ้าหาวิธีการพาตัวเองออกมาได้อยู่แล้ว เลยไม่ได้กลับมาทางค่ายกลเคลื่อนย้ายสินะ”
ฉู่หลิวเยว่คลี่ยิ้มอย่างรู้สึกผิด
“ทำให้ท่านอาจารย์ต้องเป็นกังวลแล้ว”
หนานซู่ไหวหัวเราะร่า สีหน้าเต็มไปด้วยความทะนงองอาจ
“พูดอันใดแบบนั้นเล่า! อาจารย์ยินดีกับเจ้าช้าไปต่างหาก! เยว่เออร์ของพวกเราโดดเด่นเกินใครจริงๆ!”
นี่เป็นเรื่องที่คนธรรมดาจะกระทำได้สำเร็จหรือ?
ก็มีแค่สองคนนี้ที่เข้าขากันอย่างสมบูรณ์แบบเท่านั้นแหละจึงจะทำเช่นนี้ได้!
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่รู้ว่าจะมีคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจมากมายเท่าไร แล้วทำให้คนอีกมากเท่าใดต้องลอบอิจฉาและถอนใจด้วยความตื่นตะลึง!
หนานซู่ไหวรู้สึกปลื้มปิติจากใจจริง
หลายปีมานี้ แม่หนูเยว่เออร์เองก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเรื่อยๆ!
“ในเมื่อเรื่องของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงอยู่ตัวแล้ว อีกทั้งพวกเจ้ายังผูกมิตรกับโหมวเจินไว้ได้อีก เช่นนั้นภายหลังก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฝั่งไท่ซวีเฟิ่งหลงแล้ว แบบนี้… ก็นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายได้กระมัง!”
ซั่งกวนจิ้งถอนใจพลางมองคนทั้งสอง ก่อนจะกล่าวออกมา
นี่มิได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย ล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น
หากแต่ไท่ซวีเฟิ่งหลงถูกจัดให้เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเหมือนกับหงส์ทองคำที่ทะนงในศักดิ์ศรีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยมองเห็นเผ่าอื่นอยู่ในสายตาและไม่คู่ควรที่จะผูกมิตรด้วย
หลายปีมานี้ สถานการณ์ของไท่ซวีเฟิ่งหลงเหมือนจะดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่เรื่องพวกนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นแค่การผูกมิตรแบบไว้หน้าเท่านั้น
ความจริงแล้ว ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างสองเผ่าเรียกได้ว่าไม่มีแม้แต่ตระกูลเดียว!
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวผูกมิตรสร้างสัมพันธ์กับโหมวเจินได้สำเร็จลุล่วงแล้วอย่างเห็นได้ชัด
อีกทั้งเป็นความสัมพันธ์ที่อีกฝ่ายให้คำมั่นว่าจะยื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างแน่นอน!
นี่จะไม่ให้ตื่นตกใจ ไม่ให้ปลื้มปิติได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะพลางผงกศีรษะ
ความจริงแล้วนางเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน
เดิมทีเพราะว่ามีถวนจื่ออยู่ ดังนั้นนางจึงค่อนข้างมีอคติกับเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงมาโดยตลอด
นางมิเคยคิดเลยว่าตัวเองจะอยู่ร่วมโลกกับเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงได้ กระทั่งว่าอีกฝ่ายคือประมุขเผ่าด้วยซ้ำ!
แค่คนธรรมดาจะไปมีสายสัมพันธ์กับหนึ่งในสองเผ่านี้ได้ก็ทำได้ยากมากแล้ว
ตอนนี้นางกลับรักษาความสัมพันธ์กับทั้งสองเผ่าได้อย่างน่าประหลาดใจ
อีกอย่าง อสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาทั้งสองของนางเองก็มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทั้งสองเผ่านี้ด้วย
นี่มิใช่เรื่องที่จะอธิบายได้ด้วยคำว่า “โชคดี” สองคำอย่างแน่นอน
รอจนอารมณ์ของคนทั้งสามสงบลงบ้างแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“จริงสิ กลับไปพระราชวังเมฆาสวรรค์ครานี้ ยังมีเรื่องสำคัญมากอีกเรื่องหนึ่งด้วย”
พูดมาถึงตรงนี้ นางก็ชะงักไป
พวกซั่งกวนจิ้งทั้งสามคนต่างพากันหันมองนาง
ริมฝีปากแดงของฉู่หลิวเยว่เผยอขึ้นน้อยๆ ประกายแดงระเรื่อบนแก้มของนางค่อยๆ เข้มขึ้น
หรงซิวกุมมือของนางเอาไว้พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า
“ข้ากับเยว่เออร์ตั้งใจแล้วว่ากลับไปครานี้จะตบแต่งกันทันที”
…
ณ ตระกูลหนาน
ทั่วทั้งยอดเขาทั้งลูก ภายในบริเวณลานจวนทั้งในและนอกล้วนปกคลุมด้วยความเย็นเยียบ บรรยากาศเย็นยะเยือกแข็งที่แฝงอยู่ทำเอาคนหายใจแทบไม่ออก
โดยเฉพาะยามเข้าใกล้เรือนฝ่ายใน ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
บรรดาคนรับใช้ต่างพากันระมัดระวัง ถึงขั้นที่ต้องหายใจกันด้วยความระวังอย่างยิ่งยวด
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินมาได้หนึ่งเดือนแล้ว
ตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว หลังประมุขพาคุณชายใหญ่และคุณหนูรองกลับมาก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว
แม้ข่าวจะถูกปิดไว้ แต่ก็มีคนในตระกูลจำนวนไม่น้อยที่พอเดาอันใดบางอย่างได้รางๆ
…คุณชายใหญ่และคุณหนูรองเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายกลับมา!
วันแรกที่พวกเขากลับมาถึงตระกูลหนาน ก็มีคำสั่งเรียกเซียนหมอทั้งตรงหน้าเข้าไปทันที
เซียนหมอจำนวนไม่น้อยอยู่ในห้องเป็นเวลาสองวันสองคืน จนกระทั่งรุ่งสางของวันที่สามถึงได้มีผู้อาวุโสทยอยเดินออกมาจากห้องกัน
เพียงแต่สีหน้าของพวกเขาล้วนแต่ย่ำแย่อย่างมาก
บางคนลอบเดาได้ว่าครานี้เห็นได้ชัดเลยว่าสถานการณ์ของคนทั้งสองย่อมไม่สู้ดีอย่างแน่นอน!
…