ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1786 ตำแหน่ง
ตอนที่ 1786 ตำแหน่ง
………………..
ภายในท้องพระโรงคำถามต่างๆ ได้เงียบลง
บนใบหน้าของคนมากมายปรากฏความประหลาดใจขึ้น
ชั่งกวนโหยวหรือ
ผู้นี้เป็นใครกัน
เมื่อได้ยิน…เหมือนจะเป็นคนของฝั่งพระชายากระมัง?
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกกลับตาสว่างและลุกขึ้นยืนในทันที
“ยังไม่รีบไปเชิญเข้ามาอีก!”
“ขอรับ!”
เมื่อทหารรักษาการณ์คำนับและถอยออกไป
หลงเหลือไว้แต่ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรงมองหน้ากันอย่างสงสัย
ผู้อาวุโสเจิ้งฮุยจึงลองเอ่ยถามขึ้น
“ท่านผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก ซั่งกวนโหยวผู้นี้…มิทราบว่าเป็นใครมาจากที่ใดกันหรือ”
ท่านผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกหัวเราะเจือนและเอ่ยขึ้น
“เขาก็คือเสด็จพ่อของพระชายา”
ทุกคนต่างตะลึงงัน
ที่แท้ท่านนั้นก็คือจักรพรรดิไท่จู่แห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง!
เพียงแต่…
เหตุใดจู่ๆ ถึงได้เชิญเขาเข้ามา?
ทันใดนั้นมีบ้างคนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
เช่นนั้นก็ต้องยินยอมไปอย่างเงียบๆ เสียแล้ว!
คนมากมายต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าในทันทีและมีปฏิกิริยาโต้กลับอยู่ครู่หนึ่ง
แท้จริแล้วองค์ชายจะจัดงานอภิเษกสมรสอย่างยิ่งใหญ่ก็เห็นสมควรแล้ว
อย่างไรช่วงเวลาวันเริ่มคัดเลือกพระชายาได้ผ่านมานานแล้ว
ระหว่างนั้นองค์ชายได้เอ่ยถึงเรื่องงานอภิเษกอยู่สองสามครั้ง แต่ทว่ากลับโดนถ่วงเวลาด้วยเรื่องนั้นเรื่องนี้มาโดยตลอด
ด้วยเหตุนี้ทำให้ทุกคนต่างค่อยๆ เลิกสนใจกับเรื่องพวกนี้ไป
เมื่อได้ยินเข้า ก็มิอาจะเลี่ยงความประหลาดใจและสิ่งที่คาดไม่ถึงได้
“มิน่าล่ะ…”
มิน่าแม้กระทั่งเสด็จพ่อของพระชายาก็เชิญมา
ลูกสาวจะแต่งงานทั้งที อย่างไรพ่อแม่ก็ต้องมาแน่นอน
…
ไม่นานเงาร่างของชายแปลกหน้าก็ปรากฏขึ้นภายในท้องพระโรง
พร้อมด้วยเสียงรายงานของทหารรักษาการณ์ดังขึ้น
ทุกคนต่างมองด้วยความสนใจ
พวกเราส่วนใหญ่ล้วนอยากรู้กันทั้งนั้นว่าตระกูลของพระชายาเป็นเช่นไร
ก่อนที่ซั่งกวนโหยวจะมาถึงท้องพระโรง เขาได้แหงนหน้าขึ้นมอง
ตำหนักศักดิ์สิทธิ์
บรรยากาศอึมครึม แต่ทรงอนุภาพอย่างโด่ดเด่น!
ยังไม่ทันได้เข้าไปด้านในก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักหนา เป็นการมาถึงที่เงียบเชียบ!
สิ่งที่ได้เห็นและได้ยินมาทั้งหมดทำให้ซั่งกวนโหยวคิดขึ้นมาตอนระหว่างเดินทาง เขาจึงรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน
เช่นนี้ก็…
เขารู้ว่าสำนักตระกูลจงที่อยู่ในอาญาจักรเสิ่นซวี่ล้วนแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิไท่จู่แห่งราชวงศ์ เทียนลิ่ง
แต่ในที่แห่งนี้ พระราชวังเมฆาสวรรค์เป็นหนึ่งในชื่ออันดับหนึ่งที่ยังคงอยู่!
แต่ทว่าเมื่อได้เขามาถึงที่นี้จริงๆ แล้ว เขากลับพบว่าเรื่องทั้งหมดเกินกว่าที่คาดคิดไว้ หรือยังมียิ่งกว่านี้อีก…
ในขณะนั้นซั่งกวนโหยวไม่รู้จะพูดออกมาเป็นคำใดได้ เพื่ออธิบายถึงความรู้สึกที่อยู่ข้างใน เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังล้นทะลักออกมาจากอก
“ใต้เท้าซั่งกวน ผู้อาวุโสทุกคนต่างรออยู่ด้านในแล้ว เชิญท่านขอรับ… “
บนใบหน้าของอวี๋มั่วเผยให้เห็นรอยยิ้มดีใจและเชิญซั่งกวนโหยวเข้าไปอย่างนอบน้อมและสุภาพ
แม้ว่าซั่งกวนโหยวเป็นถึงจักรพรรดิของราชวงศ์เทียนลิ่ง แต่บัดนี้มาอยู่ที่อาณาจักรเสิ่นซวี่ คงจะไม่ดีแน่ถ้าจะให้เรียกเขาเช่นนั้น
เมื่อคิดได้ขึ้นมาซั่งกวนโหยวจึงเสนอให้เขาเรียกตนเองแบบนี้แทน
อย่างไรก็เป็นเพียงแค่ชื่อเรียกของคนหนึ่งเท่านั้น เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญก็คือการมาหาเยว่เออร์
ซั่งกวนโหยวพยักหน้าและก้าวเท้าเข้ามาในท้องพระโรง
…
เมื่อซั่งกวนโหยวเข้ามาได้ครู่หนึ่ง สายตานับไม่ถ้วนต่างจับจ้องไปที่เขา!
ดูแล้วเขาอายุน่าจะประมาณสี่สิบได้และสวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม
ถึงแม้ว่าบนใบหน้าจะมีร่อยรอยที่เกินกว่าอายุอยู่สองสามส่วน แต่กลับยังคงดูเหมือนตอนหนุ่มๆ ทั้งหล่อเหลาและท่วงทาสง่างามยิ่ง
รูปร่างหน้าตาของซั่งกวนโหยวจริงๆ แล้วก็ดูคล้ายเขาอยู่สามสี่ส่วน
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดคือเขามีนิสิยและท่าทางที่ไม่ธรรมดา
ถึงแม้ว่าเขาจะมาจากนอกอาณาจักรเสิ่นซวี่ เมื่อมาถึงตำหนักศักดิ์สิทธิ์ที่รวมเหล่าผู้แข็งแกร่งไว้ที่แห่งนี้ สีหน้าและท่าทางกลับแสดงออกด้วยความสุขุมสงบนิ่งอย่างมาก
มีบางคนแอบครุ่นคิดอยู่ในใจ
คนของตระกูลซั่งผู้นี้บนร่างของเขาดูเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่…สบายใจงั้นหรือ
ไม่ว่าจะเป็นซั่งกวนเยว่ในตอนแรก หรือซั่งกวนโหยวในตอนนี้ก็ตาม ดูเหมือนว่านางจะไม่รู้ว่า อะไรคือความหวาดกลัว อะไรคือความอ่อนแอ
ก็มักจะเผยให้เห็นเศษเสี้ยวของความขี้ขลาดและความกลัวอยู่บ่อยครั้ง
แต่ทว่าซั่งกวนโหยวกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ใต้เท้าซั่งกวน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”
ผู้เฒ่าหมิงที่สามสิบหกลุกขึ้นยืน พลางยิ้มและเดินเขาไปหา
ซั่งกวนโหยวประเมินสถานการณ์ที่อยู่ท้องพระโรงอย่างฉับไว ทั้งที่ชี้ชัดว่าผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้าท่านนี้ น่าจะเป็นคนเดียวที่ตำแหน่งสูงที่สุดณที่แห่งนี้
ทำให้เขารับรู้ได้ถึงเจตนาและการตอนรับที่ดีของฝ่ายตรงข้าม ซั่งกวนโหยวรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย และทำความเคารพเขาด้วยรอยยิ้มในทันที
“คาราวะ ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก”
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกประหลาดใจขึ้นเล็กน้อย
“เจ้ารู้จักข้ารึ?”
เขาจำไม่ได้ว่าเคยได้พบกับซั่งกวนโหยวมาก่อน
ซั่งกวนโหยวพยักหน้าพลางยิ้มรับ
“ก่อนหน้านี้อวี๋มั่วเคยพูดถึงท่านอยู่บ้างระหว่างทางที่มา ข้าเห็นลักษณะท่าทางที่โด่ดเด่นไม่เหมือนใครของท่านแล้ว จึงคิดว่าน่าจะเป็นท่านอย่างแน่นอน”
คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนได้ยินกันทั้งหมด คำพูดเช่นนี้มีความหมายที่ดูจริงใจและเป็นมิตรอยู่บ้าง
แล้วจะเป็นเช่นไรกันเล่า?
ผู้เฒ่าหมิงที่สามสิบหกมีสถานะสูงศักดิ์ ทุกคนที่พระราชวังเมฆาสวรรค์ล้วนให้ความเคารพนอบนอบและเกรงอกเกรงใจเขา นับประสาอะไรกับซั่งกวนโหยวที่มาจากนอกอาณจักรเสิ่นซวี่?
อีกอย่างผู้เฒ่าหมิงที่สามสิบหกผู้นี้เป็นคนจู้จี้จุกจิก คนทั่วไปที่คอยเอาอกเอาใจเขาก็ยังมีท่าทีไม่ค่อยพอใจ
“ฮ่าๆ! ใต้เท้าซั่งกวนเกรงใจแล้ว!”
เมื่อผู้เฒ่าหมิงที่สามสิบหกได้ยินเข้าก็หัวเราะลั่นด้วยความเบิกบานใจขึ้นทันที
ผู้คนมากมายแอบส่งสายตามองกันไปมา
ดูเหมือนพระชายาจะมีความสำคัญกับผู้เฒ่าหมิงที่สิบหกมากจริงๆ มิเช่นนั้นคงไม่รักษาหน้าซั่งกวนโหยวถึงเพียงนี้
“องค์ชายและพระชายากำลังเร่งรีบกลับมาจากข้างนอก วันนี้น่าจะกลับมาถึง ข้าคิดว่าใต้เท้าซั่งกวนมารอพวกเขาด้วยกันดีหรือไม่”
ผู้ฒ่าหมิงที่สามสิบหกรู้ว่าเขาต้องคิดถึงลูกสาวของตนมากเป็นแน่น จึงอธิบายขึ้นอย่างกระตือรือร้น
ซั่งกวนโหยวเพิ่งจะเข้าใจในที่สุด
มิน่าหล่ะพวกเขามาที่นี่ได้สักพักแล้วแต่ยังไม่เห็นเยว์เออร์เลย
ที่แท้เป็นเพราะนางยังไม่กลับมาหรอกหรือ
เขาพยักหน้ารับ
“เช่นนั้นรบกวนท่านแล้วล่ะ“
ผู้อาวุโสหมิงสามสิบหกหัวเราะฮ่าาา
“เช่นนี้จะเป็นการรบกวนได้อย่างใดกันเล่า ใต้เท้าซั่งกวนตามข้ามาก็พอ”
เมือพูดเช่นนั้นแล้วผู้ฒ่าหมิงที่สามสิบหกจึงพาซั่งกวนโหยวเดินเข้ามาที่ด้านในสุดของท้องพระโรง
“ใต้เท้าซั่งกวน เชิญนั่ง!”
ซั่งกวนโหยวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“เกรงว่า…จะไม่เหมาะสมกระมัง”
ด้านในท้องพระโรงได้แบ่งเก้าอี้ออกเป็นสองฝั่ง
ผู้เฒ่าหมิงที่สามสิบหกนั่งตรงตำแหน่งแรกของทางซ้ายบน
และให้เข้านั่งตรงตำแหน่งลำดับที่หนึ่งทางด้านขวา…
ผู้เฒ่าหมิงที่สามสิบหกเอ่ยขึ้น
“เจ้าคือเสด็จพ่อของพระชายาสถานะสูงศักดิ์ นั่งตรงนี้ได้อย่างแน่นอน!”