ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1788 พบเจอกัน
ตอนที่ 1788 พบเจอกัน
………………..
เดิมทีนางกลับมาพร้อมกับหรงซิวและคนอื่นๆ แต่หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าเสด็จพ่อมาถึงแล้ว นางจึงตัดสินใจกลับไปเปลี่ยนชุดและล้างหน้าล้างตาก่อนจึงค่อยออกไปพบกับเสด็จพ่อ
ช่วงที่นางวิ่งวุ่นไปมาอยู่ตลอดนี้ แม้ว่าบนร่างกายของนางไม่ได้ทิ้งรอยแผลอะไรเอาไว้ แต่ดูรวมๆ แล้วยังมีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางอยู่บ้าง
ทว่าเป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับเสด็จพ่อที่อาณาจักรเสินซวี่ แน่นอนว่านางต้องการให้เห็นหน้าใบที่ดูดีที่สุด เพื่อให้เสด็จพ่อวางพระทัย
คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งจะมาถึงที่นี่ก็มาได้ยินคนพวกนั้นที่พูดถึงตนและเสด็จพ่อ
นางตั้งค่ายกลอย่างง่ายดายและซ่อนมันเอาไว้
เช่นนี้คำพูดของพวกเขาก็จะได้ยินทั้งหมดอีกครั้ง
“อาเยว่”
ถวนจื่อที่อยู่ในใจนางเอ่ยถามขึ้น
“พวกเขาพูดกับเจ้าเช่นนั้น เจ้าไม่โกรธรึ!”
เมื่อครู่ที่นางได้ยินคำพูดเหล่านั้น หากอดกลั้นไม่ไหวอีกนิดคงได้พุ่งตัวออกมาแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะด้วยเสียงบางเบา
“เหตุใดถึงโมโหอีกแล้วล่ะ เดิมทีที่พวกเขาพูดก็เป็นเรื่องจริง”
นางรู้ดีว่าอาณาจักรเสิ่นซวี่เป็นสถานที่เช่นไร
ในที่แห่งนี้ผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพ
ตัวนางเองก็มิใช่คนที่มีชาติกำเนิดมาจากตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ เช่นนี้ก็มีอะไรดีที่จะโต้แย้งกลับไป
แม้ว่าตอนนี้จะมีองค์ไท่จู่แล้วก็ตาม แต่ในปีนั้นองค์ไท่จู่ทรงงานหนักผู้เดียวมาโดยตลอด และแม้ว่าเขาจะพยายามให้ได้มาด้วยชื่อเสียงอันสุงสูด แต่ไม่ว่าจะมีความสามารถมากมายเพียงใดคงมิอาจเอาชนะได้ด้วยตัวคนเดียว หากเอาแต่พึ่งพาองค์ไท่จู่เพียงผู้เดียวคงมิอาจปกป้องตระกูลซั่งกวนไว้ได้
ฝ่ายตระกูลจงที่ตั้งหลักในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ ล้วนต้องมาจากตระกูลผู้แข็งแกร่งระดับเทพชั้นยอด อีกทั้งต้องใช้พลังแห่งสายเลือดที่สืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นที่ได้รับการสั่งสมและปลูกฝังมาอย่างแนบแน่น
เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยวพูดเช่นนี้ ถวนจื่อจึงส่งเสียงฟึดฟัดด้วยความโมโห
“ข้าไม่สน! เมื่อพวกเขาพูดถึงเจ้าเช่นนี้ จะต้องได้รับโทษ! เสียงของคนพวกนั้นข้าจำไว้หมดแล้ว! ถ้าครั้งหน้าได้เจอพวกเขาอีก ข้าจะทำให้พวกเขาได้เจอดีเป็นแน่!”
แม้แต่ท่านปู่ของนางที่เป็นถึงท่านประมุขยังไม่เกรงกลัว แล้วจะมากลัวคนเหล่านี้ได้อย่างไรกัน!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
ขณะที่ถวนจื่อยังโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย…แต่นางกลับชอบมันมากจริงๆ
แต่ทว่า…
“ถวนจื่อ ข้ารู้ว่าเจ้าจัดการพวกเขาทีละคน สองคน หรือทั้งสามคนได้ แต่ถ้าเยอะกว่านี้เจ้าจะจัดการเขาได้งั้นรึ”
ถวนจื่อชะงักไปชั่วครู่
“ทั่วทั้งพระราชวังเมฆาสวรรค์จะต้องมีคนที่คิดเช่นนี้อยู่ไม่น้อย แม้ว่าเจ้าจะเอาคืนไม่กี่คนเหล่านั้นได้ แต่ก็มิอาจเปลี่ยนความคิดของพวกเขาได้หรอกนะ”
ถวนจื่อเอ่ยขึ้นด้วยความสับสนว่า “เช่นนั้นจะทำอย่างใด”
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปทางยอดเขาซู่หมิง
หากมองขึ้นไปจากตรงนี้คงเพียงพอที่จะได้เห็นตำหนักศักดิ์สิทธิ์ที่เข้มงวดและเรียบง่ายได้
อีกทั้งไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าในเวลานี้คนที่สำคัญมากมายจะมารวมตัวกันทั้งหมดในพระราชวังเมฆาสวรรค์นั่น
แววตาของนางส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวนับหมื่นนับพันที่ร่วงลงมา ทั้งส่องสว่างด้วยแสงเล็กๆ ไปทั่ว
“หากต้องการให้พวกเขายอมรับในสถานะของนาง จึงมีวิธีเดียวเท่านั้นก็คือกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งหมด!”
ในขณะนั้นมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“เยว์เออร์”
ฉู่หลิวเยว่หันหน้ามาเห็นหรงซิวโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามาปรากฏอยู่ด้านหลังนางตั้งแต่เมื่อใด
เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งชุดสีดุจราวหิมะขาว
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มพลางส่ายหัว
“ไม่หรอก ข้าก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน”
หรงซิวเดินเข้าไปใกล้นางเล็กน้อย
เมื่อมายืนตรงนี้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ บนตัวของนางหลังจากที่ทำความสะอาดร่างกายมาแล้ว
เมื่อค่อยๆ ลดสายตาลงยิ่งได้เห็นใบหน้าที่สวยงดงามของนางมากขึ้น
ตั้งแต่หน้าผากลงมาทั้งเรียบเนียนและอวบอิ่ม ขนตายาวหนาเรียงกันราวกับพัดสองเล่ม สันจมูกโดดเด่น และยังมองเห็นริมฝีปากแดงระเรื่อ
หลังจากช่วงที่วุ่นวายนี้ดูเหมือนนางจะซูบผอมลงไปเล็กน้อยแต่กลับทำให้รูปร่างเพรียวชัดและดูสูงสง่างดงามยิ่งขึ้น
ลมหายใจของหญิงสาวตัวน้อยที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนนั้น ได้มลายหายไปอย่างช้าๆ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
นางเหมือนดั่งดอกไม้บานสะพรั่งที่ค่อยๆ เผยความสวยและงดงามของตนเองออกมา
เพียงแค่มองแวบเดียวก็ทำให้ผู้คนจิตใจหวั่นไหวได้
รูปลักษณ์ของนางกับเมื่อก่อนยิ่งคล้ายกันมากขึ้นๆ…
“หรงซิว เยว์เออร์”
ในขณะนั้นซั่งกวนจิ้งและทั้งสามคนเข้ามาอย่างเร่งรีบ
เมื่อครู่หรงซิวตั้งใจมอบหมายให้พวกเขาดูแลและจัดเตรียมสถานที่
ดังนั้นในเวลานี้พวกเขาทั้งสามคนได้เปลี่ยนความผันผวนในชีวิตเมื่อครั้งก่อนกลายเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ไปมากทีเดียว
หรงซิวยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ขณะนี้ทุกคนมาถึงกันครบแล้ว เช่นนั้น…ก็เชิญขึ้นไปบนตำหนักศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันเถอะ”
…
“องค์ชายเสด็จ! พระชายาเสด็จ!”
เมื่อเสียงรายงานแผ่ขยายไปทั่ว ทำให้ทุกคนที่กำลังรอคอยกันอยู่ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน
บุรุษที่อยู่ด้านซ้ายนั้นสวมชุดขาวยิ่งกว่าหิมะขาว รูปร่างสูงสง่า ใบหน้าเย้ายวนชวนหลงใหล ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยความสูงส่งจนมิอาจพรรณนาออกมาได้ทั้งหมด ทำให้ทุกคนต่างแหงนหน้าขึ้นมองด้วยความชื่นชม
สตรีที่ยืนอยู่ข้างกายเขาสวมชุดแดงพริ้วไสว นางเพรียวบางและสูงสง่า งดงามหาใครเทียบได้ ทั้งใบหน้าที่สวยงามสดใสแยกกันอย่างเด่นชัด รูปคิ้วทั้งสองรับกับดวงตาที่สว่างสดใส ทั้งสุขุมและละเอียดอ่อน นำพาให้เห็นถึงความองอาจกล้าหาญบางส่วนจากสายตาที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษนั่น
ทั้งสองเดินเคียงคู่กันเข้ามาพร้อมแสงส่องสว่าง ท่ามกลางสายตาของผู้คนทั้งหมดในที่แห่งนี้ แสงบางๆ ได้แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขาทั้งคู่
เมื่อมองดูจึงเห็นราวกับเทพทั้งสองจับมือกันเข้ามา
ช่างเป็นคู่ที่ดงามนัก!
ชั่วครู่ทุกคนในท้องพระโรงล้วนมิอาจปิดซ่อนความรู้สึกไว้ได้
อย่างอื่นคงมิต้องเอ่ยถึงทั้งรูปลักษณ์และความงดงามเจิดจรัส พวกเขาทั้งสองคนช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุด
เกรงว่าเพียงมองพวกเขาเช่นนี้ล้วนทำให้ทุกคนรู้สึกสบายตาสบายใจกันยิ่งนัก
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกยิ้มพลางลุกขึ้นดินไปกล่าวทักทายต้อนรับ
“ข้าน้อย ยินดีต้อนรับการกลับมาขององค์ชายและพระชายา พ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อเขาแสดงออกเช่นนี้ทุกคนจึงตอบรับกลับในทันทีด้วยการโค้งคำนับตาม
“ข้าน้อยรอต้อนรับองค์ชายและพระชายากลับมา พ่ะย่ะค่ะ!”
สายตาของฉู่หลิวเยว่กลับมองข้ามคนเหล่านี้ไปบนร่างนั้นได้ร่วงหล่นลงเข้าไปในส่วนลึกที่สุดในท้องพระโรง
ทั้งรูปร่างและใบหน้านั้นนางคุ้นเคยอย่างยิ่ง!
ซั่งกวนโหยวลุกขึ้นซึ่งเดิมที่เขาต้องการจะเดินเข้าไปหา แต่กลับพบว่าใจของเขาเต้นขึ้นอย่างรุนแรง จนขาทั้งสองข้างแข็งค้าง ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจะขยับตัวได้
สายตาทั้งสองของเขาจ้องมองไปยังใบหน้านั้นที่คำนึงหาอยู่ทุกค่ำคืน ริมฝีปากที่สั่นเทาไม่ง่ายเลยที่จะเปล่งเสียงออกมา
“เยว์เออร์!”