ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1799 ข้าไม่ไป
ตอนที่ 1799 ข้าไม่ไป
………………..
ฉู่หลิวเยว่ชะงักงัน จากนั้นจึงวางชาที่เพิ่งจะแตะริมฝีปากลง
ไม่นึกเลยว่าท่านอาจารย์จะชอบเจ้าสิบสามน้อย
สายตาของท่านอาจารย์มีชื่อเสียงในด้านความละเอียดพิถีพิถัน
มิเช่นนั้นคงไม่ใช่หลายปีที่ผ่านมาได้รับนางไว้เป็นลูกศิษย์
ทำให้เขาชื่นชอบ พอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าสิบสามน้อยมีความโดดเด่นอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่คิดแล้วจึงไม่ได้ตอบกลับในทันทีและถามขึ้นว่า
“เหตุใดจู่ๆ ท่านอาจารย์คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเจ้าคะ ท่านได้ตรวจสอบคุณสมบัติของเจ้าสิบสามแล้วหรือ”
หนานซู่ไหวสายหัว
“ยังเลย คือว่าเมื่อหลายวันก่อนเด็กคนนี้วิ่งเล่นอยู่แถวภูเขากว้าง เพราะข้าดูแล้วว่าอายุของเขายังไม่มากนัก เดิมทีขั้นพลังปราณก็เพิ่งจะเป็นจอมยุทธ์ระดับหก แต่ความว่องไว้นี้กลับเทียบได้กับจอมยุทธ์ระดับเก้า…คิดดูแล้ว เด็กคนนี้น่าจะเส้นเอ็นกระดูกไม่ธรรมดา เดิมข้าอยากจะเรียกเขามาดูสักหน่อย แต่อันที่จริงเขาเป็นคนของเจ้า ดังนั้นข้าเลยลองมาถามความคิดเห็นจากเจ้าดูเสียก่อน”
ริมฝีปากของฉู่หลิวเย่วโค้งงอเล็กน้อย
“ทำให้ท่านอาจารย์มองเห็นได้ ช่างเป็นโชคดีของสิบสาม หากเข้าไปฝึนฝนที่สำนักได้จริงๆ ยิ่งเป็นเรื่องดีที่หายากได้สำหรับสิบสาม ท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปเรียกเขามา”
นางลุกขึ้นกำลังจะเรียกหาคน จู่ๆ คิดอะไรได้ขึ้นมาจึงถามขึ้น
“หากเงื่อนไขของสิบสามไม่ธรรมดา ท่านอาจารย์คิดว่าจะรับเขาเป็นลูกศิษย์ของท่านเองใช่หรือไม่ เจ้าคะ”
หนานซู่ไหวกลับส่ายหัว
“ไม่ใช่ แค่ข้ามีเจ้าเป็นลูกศิษย์คนเดียวก็พอแล้ว แต่ถ้าเขาเป็นอย่างที่ข้าคิดจริงๆ ในสำนักมีคนที่เหมาะสมจะเป็นอาจารย์ของเขามากกว่า
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“สิบสาม!”
“เด็กนั่นเหมือนจะอยู่ตั้งครึ่งหุบเขานั่น ไกลขนาดนี้ เขาน่าจะได้ยิน…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เงาร่างอายุน้อยที่ผอมบางก็เข้ามาด้วยความว่องไวจากที่ไกล
เขาวิ่งเร็วอย่างมาก การเคลื่อนไหวทั้งบางเบาและคล่องแคล่ว เพียงพริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่
เพราะวิ่งมาด้วยความรีบร้อน ทั้งหน้าผากและปลายจมูกของเขามีเม็ดเหงื่อซึมออกมา
ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายความใสบริสุทธิ์และจริงใจ นำพาความเยาว์วัยและพลังที่เป็นเอกลักษณ์ของวัยหนุ่มสาว
ชั่วแวบเดียวที่ฉู่หลิวเย่วเห็น
หลายปีมานี้สิบสามโตขึ้นแล้งจริงๆ
ในความทรงจำของนางเขายังคงเป็นเด็ก
“นายท่าน ท่านเรียกหาข้าหรือ”
เมื่อฉู่หลิวเยว่กลับมาได้สติจึงพยักหน้า
“เจ้าเข้ามาสิ”
เมื่อพูดจบนางจึงเดินกลับไปยืนข้างๆ หนานซู่ไหว
“ผู้อาวุโสคิดว่าความสามารถของเจ้าไม่ธรรมดา ช่วยพิสูจน์ความสามารถของเจ้าให้ดูสักหน่อยหากคุณสมบัติเหมาะสมจริงๆ ต่อไปเจ้าก็สามารถไปฝึกฝนที่สำนักหลิวเซียวได้”
ฉู่หลิวเย่วพูดขึ้นอย่างรวบรัดชัดเจน
แต่สิบสามกลับชะงักไปชั่วขณะพลางจ้องมองหนานซู่ไหวและมองไปทางฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
นี่หมายความว่า…
หลังจากเขามาหลายวัน
อาจารย์ที่นายท่านเอ่ยคนนั้นเป็นใคร เขาต้องรู้อย่างแน่นอนถึงสถานะของฝ่ายตรงข้าม เพราะข้าก็ได้ยินข่าวมาหมดแล้ว
เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเกี่ยวข้องกับตนเองได้
เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นเขาตะลึงงันเลยคิดว่าอาจทำให้เด็กตกใจเสียแล้วจึงยิ้มพลายเอ่ยขึ้น
หลังจากนี้ข้าจะแบ่งกำลังออกมาและเข้าไปในชีพจรเดิมของสิบสาม
ในขณะนั้นนัยน์ตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจขึ้น
ฉู่หลิวเยว่จึงถามขึ้น
“ท่านอาจารย์ เป็นอย่างใดบ้าง”
หนานซู่ไหวยังไม่ได้ตอบกลับปัญหานี้ในทันที เพียงแต่ถอนมือกลับ หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนเดินไปหาสิบสามข้างๆ และบีบไหล่ของเขา
สิบสามมองไปทางฉู่หลิวเยว่อย่างทำตัวไม่ถูก
ฉู่หลิวเยว่ส่งสายตาที่ผ่อนคลายกลับไป
สิบสามจึงรอคอยอย่างเงียบๆ ต่อไปและปล่อยให้หนานซู่ไหวนวดกระดูกหัวไหล่และแขนของตนเอง
ผ่านไปชั่วครู่หนานซู่ไหวจึงหยุดลง
ในขณะนั้นสายตาที่เขามองสิบสามช่างแตกต่างจากตอนแรกอย่างมาก
“ท่านอาจารย์ เป็นอย่างใดบ้าง”
ฉู่หลิวเยวามองปฏิกริยาเช่นนี้ของเขา ในใจก็รู้สึกว่างเปล่าอยู่พักหนึ่ง
“สิบสามสามารถเข้าไปฝึกฝนที่สำนักได้หรือไม่ เจ้าคะ”
แน่นอนว่าในใจของนางคาดหวังให้สิบสามได้ดียิ่งขึ้น
หนานซู่ไหวหยุดชะงักไปพักใหญ่ จึงหันหน้าไปทางฉู่หลิวเยว่ สีหน้าดูจริงจัง แต่สายตากลับปรากฏรอยยิ้มขึ้น
“ถ้าหากความสามารถเข่นนี้ยังไปสำนักไม่ได้เช่นนั้นในใต้หล้านี้เกรงว่าจะมีคนไม่มากนักที่ทำได้!”
เช่นนี้ก็ถือว่ามีคุณสมบัติพร้อม!
ใจของฉู่หลิวเยว่ผ่อนคลายลงทันที มุมปากยกขึ้น รอยยิ้มเจิดจรัส
“จริงหรือ?”
“เรื่องที่ไม่จริงกลับเป็นจริงได้! ท่านอาจารย์ยังหลอกเจ้าได้ไม่สำเร็จหรือ”
นางไม่รู้มาก่อนเลยว่าสิบสามมีความสามารถยอดเยี่ยมเช่นนี้!
นางเบิกตากว้างเล็กน้อยและมองไปทางสิบสาม
สิบสามกะพริบตาถี่ๆ สีหน้าดูใสซื่อบริสุทธิ์ นัยต์ตาแสดงถึงความว่างเปล่าอยู่บางส่วน
ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้างถึงสถานการณ์ตรงหน้า
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้า
“สิบสาม เจ้า…เหตุใดก่อนหน้าถึงไม่พูดอันใดเลย”
สิบสามลังเลอยู่สักพักและเอ่ยขึ้น
“ข้าก็ไม่รู้เรื่องเหล่านี้…”
หนานซู่ไหวถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“พื้นฐานการฝึกปราณของเจ้าดีเช่นนี้แต่เจ้าไม่เคยทำการทดสอบที่เกี่ยวเนื่องกันมาก่อนใช่หรือไม่?”
สิบสามส่ายหัว
ฉู่หลิวเยว่เพิ่งนึงขึ้นมาได้ว่าจริงๆ ว่าสิบสามไม่เคยตรวจสอบสิ่งเหล่านี้มาก่อน
ตอนที่นางเก็บสิบสามได้ในปีนั้นเขายังเด็กมาก
ที่เมืองหลวงหิมะตกหนัก หนาวเย็นถึงกระดูก
บนตัวเขาสวมแค่ชุดบางๆ ขดตัวงออยู่ในมุมคนเดียวอีกทั้งเนื้อตัวก็สกปรกมอมแมม
ในตอนนั้นนางเพียงสั่งคนให้ไปส่งอาหารและเสื้อผ้าให้เขาจากนั้นนางก็จากไปทันที
ทว่าหลังจากเดินออกมาไกลมากนัก นางจึงพบว่าเด็กคนนั้นยังคงตามนางมาจากด้านหลังไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ตลอด
ในเวลานั้นนางเพียงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
เพราะว่าความเร็วของรถม้านางถือว่าเร็วมากแล้ว นับประสาอะไรกับเด็กสักคนหนึ่ง แม้แต่ผู้ฝึกตนที่แท้จริงก็มิอาจตามทันได้
อย่างไรก็ตามสภาพร่างกายของเด็กคนนั้นผอมบาง แต่ฝีเท้ากลับว่องไวอย่างมาก ถึงได้ตามมาได้อย่างงายดายเช่นนั้น
ที่สำคัญที่สุดคือเขาตามมาอย่างเงีบบๆ ราวกับมนุษย์ล่องหน
ถ้าหากไม่ใช่เพราะภายหลังที่นางรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและได้พบกับเขา ทุกคนคงไม่รับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของเขา
ฉู่หลิวเยว่คิดว่าเด็กคนนี้น่าสนใจอย่างมากจึงพาเขากลับไป
เดิมทีนางต้องการดูว่าพรสวรรค์และความสามารถของเขาเป็นเช่นไร แต่ในตอนนั้นเกิดเรื่องขึ้นมากมาย นางยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องต่างๆ จึงไม่ได้ทันทำสิ่งเหล่านี้ เพียงแต่ผลักเขาให้กับเฉิงอีเพื่อช่วยดูแลสิบสาม
หลังจากมีเวลาว่าง เมื่อนางคิดถึงสิบสาม ก็จะไปหาเฉิงอีเพื่อถามถึงสถานการณ์ของสิบสาม
เฉิงอีพูดว่าความสามารถของสิบสามไม่ธรรมดาจึงแนะนำให้ฉู่หลิวเยว่รับเขาไว้และให้พวกเขาคอยสั่งสอนอย่างดี
ฉู่หลิวเยว่แทบจะไม่ลังเลอันใดจึงตอบตกลงไป
ตั้งแต่สิบสามกลายเป็นหนึ่งในสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดคนนั้น
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
เกี่ยวกับสถานการณ์ของสิบสาม เฉิงอีควรรู้เรื่องนี้ด้วย เหตุใดถึไม่พูดอะไรเลย…
หนานซู่ไหวลูบเคราและเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกที่ว่า
“เด็กคนนี้แม้ว่าจะไปสำนักหลิงเซียวและอยู่ในกลุ่มที่มีพรสวรรค์นั่น ก็ยังเป็นคนโดดเด่นที่สุดอย่างแน่นอน!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า กำลังจะเอ่ยปาก แต่สิบสามกลับเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า
“นายท่าน ข้ามิไปเรียนที่สำนักได้หรือไม่”