ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1801 ไม่สาย
ตอนที่ 1801 ไม่สาย
………………..
หนานซู่ไหวเดินไปด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
ก่อนจากไปเขายังตั้งใจกำชับกับฉู่หลิวเยว่สองสามประโยค แท้จริงแล้วสิบสามเป็นต้นกล้าที่ดี ต่อไปจะต้องสั่งสอนเขาให้ดีๆ
คำพูดนี้จริงๆ แล้วหนานซู่ไหวได้คิดแทนซู่หลิวเย่วมาแล้วถึงได้พูดเช่นนี้ออกมา
อันที่จริงสิบสามเป็นคนของเข้า ถ้าหากพัฒนาไปได้ดีสำหรับนางย่อมเป็นเรื่องดีที่สุดอย่างแน่นอน
ตอนนี้สิบสามอายุยังน้อย และยังดูความสามรถของเขาไม่ค่อยออก
สักพักเมื่อถึงวันที่เขาเติบโตขึ้น ก็มิควรมองข้ามอย่างเลี่ยงไม่ได้
ฉู่หลิวเย่วเป็นคนพาสิบสามมา และยังเป็นคนส่งเขาออกไปด้วยตนเอง
เมื่อร่างของหนานซู่ไหวค่อยๆ ไกลออกไปจนเลือนหายไป ฉู่หลิวเยว่จึงหันตัวกลับมาจ้องมองไปทางสิบสาม
สิบสามดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นนางมองมาจึงก้มหัวลงโดยไม่รู้ตัว
“…นายท่าน เมื่อครู่ข้าทำผิดใช่หรือไม่”
เขาถามขึ้นอย่างกระสับกระส่าย
ฉู่หลิวเย่วจ้องมองเขา
“เจ้าเข้าไปในห้องกับข้า”
หลังจากพูดจบนางจึงหันตัวกลับเข้าไปในห้อง
“เสวี่ยเสวี่ย เจ้ากลับไปก่อน”
เดิมทีคิดจะตามไปฟังข่าวของเสวี่ยเสวี่ย มันมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย และเกาหัวไปมาพลางมองดูเงาด้านหลังของนางอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่พักหนึ่ง
“โฮก!”
ช้าอีกหน่อยมันค่อยมา!
สิบสามลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเดินตามเขาขึ้นไป
สิบสิบยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงด้านหน้าของนาง มืองทั้งสองสั่นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นมามองฉู่หลิวเยว่อยู่บ่อยๆ
“สิบสาม เจ้ามิได้ทำอันใดผิดเลย”
เมื่อความเงียบผ่านไปสักพัก ฉู่หลิวเยว่จึงเอ่ยขึ้น
แต่ก็ไม่ได้ทำให้สิบสามวางใจลงได้
ในความทรงจำของเขาดูเหมือนว่านายท่านไม่เคยพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเช่นนี้กับเขามาก่อน
เขารู้ว่าตัวเองปฏิเสธคำแนะนำของหนานซู่ไหวผู้นั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามดังนั้นในใจของเขายังรู้สึกไม่สบายใจ
“ถึงแม้สำนักหลิงเซียวจะมีคนมากมายเฝ้าฝันอยากจะไปที่นั่น แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้เป็นเช่นนั้น เจ้าไม่ยินยอมไปเพราะเหตุผลของตนเอง เมื่อก่อนข้าไม่เคยบีบบังคับอะไรเจ้า ตอนนี้ก็คงไม่ทำเช่นกัน เพียงแต่…”
นางหยุดชะงัก สายตาราวกับมีมีดแหลมคมและกวาดตามองบนตัวสิบสาม
“ความสามารถที่โดดเด่นของเจ้า ข้าประหลาดใจเล็กน้อย”
สิบสามยิ่งแสดงความไม่สบายใจออกมา
“เรื่องนี้ต้องโทษข้า เดิมข้าควรจะใส่ใจเจ้าสักหน่อย เพิ่งจะมารู้ผลเอาตอนนี้”
ในอีกด้านหนึ่งนางก็ละเลยต่อสิบสามเช่นกัน
สิบสามเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
“ไม่! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายท่าน! สิบสามควรจะบอกกับท่านแต่แรก…”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นมา
“อันที่จริงพูดเรื่องนี้ในตอนนี้ก็ไม่สำคัญอันใดแล้ว ที่สำคัญก็คือความสามารถของเจ้ายังไม่ถูกทำให้เสียหายสักหน่อย”
สำหรับเรื่องนี้นางและอาจารย์ต่างมีความเห็นเหมือนกัน
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งต้องการจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งจำเป็นต้องมีปัจจัยหลายอย่าง
ความสามรถจึงเป็นเงื่อนไขแรกที่ไม่มีข้อโต้แย้งได้
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ในที่สุดสิบสามก็โล่งใจเล็กน้อย
“ปกติเฉิงอีสอนเจ้าเช่นนี้หรือ”
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็เปลี่ยนเรื่องพูดและเอ่ยถามขึ้น
“อืม?”
สิบสามชะงักไปครู่หนึ่ง
“พี่ใหญ่…ได้ให้หนังสือข้าสองสามเล่น ให้ข้าเรียนรู้ด้วยตนเอง หลังจากนั้นก็…ให้ข้าไปวิ่งเล่น พี่ใหญ่บอกว่าเมื่อใดที่ข้าวิ่งได้เร็วกว่าเขา ก็สามารถช่วยงานท่านได้”
มุกปากของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้น
“เฉิงอีพูดกับเจ้าเช่นนี้ตลอดเลยหรือ”
สิบสามพยักหน้าและพูดอย่างตรงไปตรงมา
ฉู่หลิวเยว่แอบไม่เห็นด้วยอย่างเงียบๆ
ฉิงอีเจ้าเด็กคนนี้คาดไม่ถึงว่ายังเจ้าเลห์เหมือนกับเมื่อก่อน!
นึกไม่ถึวว่าแม้แต่เด็กก็ยังโกหก!
ขั้นพลังปราณเขาคืออะไร! สิบสามมีขั้นพลังปราณอะไร
สิบสามพยายามจะไล่ตามเขา แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้กำลังและเวลามากมานเพียงใด!
นางให้เขาพาสิบสามไปดูแลดีๆ ส่วนเขาก็ให้สัญญาที่เลื่อนลอยเช่นนี้กับเด็กหรือหรือ
ฉู่หลิวเยว่นวดระหว่างคิ้วไปมา
สิบสามจึงพูดขึ้นต่อว่า
“อีกทั้ง…หลายปีที่อยู่ตรงกลางพี่ใหญ่ก็ไม่อยู่มาตลอด…ข้าติดตามพี่ห้ากับพวกพี่สิบมาตลอด…”
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเดิมทีเฉิงอีกับซื่อจิงต้องอยู่ที่แดนภังคะเป็นเวลานาน เพื่อช่วยนางปกป้องไก่ฟ้าเก้าสี
เมื่อคิดเช่นนี้สิบสามจึงมีชีวิตที่พลิกผันเปลี่ยนแปลงไปมา
“เรื่องเกี่ยวกับความสามารถของเจ้า ยังมีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้าง”
สิบสามลังเลสักพักเสียงเล็กๆ จึงเอ่ยขึ้น
“นอกจากพวกพี่ใหญ่แล้ว ก็ไม่มีคนอื่นเลย…”
จะว่าไปแล้ว คนอื่นๆ ของสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ล้วนรู้เรื่องนี้กันหมด มีเพียงนางที่เป็นนายท่านคนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างนั้นหรือ
ฉู่หลิวเยว่หายใจเข้าลึกๆ หลับตาแล้วโบกมือขึ้น
“เจ้ากลับไปแล้วเรียกเฉิงอีมาหาข้าหน่อย”
…
เฉิงอีรีบมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากเขาผลักประตูเข้ามา ฉู่หลิวเยว่จึงหันไปมองทางด้านหลังเขา
แต่สิบสามไม่ได้มากับเขา
เฉิงอีเอ่ยขึ้น
“การเดินทางที่สิบสามวางแผนไว้ในวันนี้ยังวิ่งไม่เสร็จข้าจึงให้เขาไปก่อน”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
เดิมทีสิ่งที่ควรถามนางก็ได้ถามแล้ว
ปัญหาต่อมาน่าจะอยู่ที่เฉิงอีผู้นี้
“ความสามารถของเขาเจ้ารู้แต่แรกแล้ว เหตุใดถึงไม่พูดอันใดเลยล่ะ”
ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างตรงไปตรงมา
สีหน้าเฉิงอีสงบนิ่ง
“ในตอนแรกข้าตั้งใจจะบอกกับท่าน แต่ยังหาโอกาสที่เหมาะสมไม่ได้ อีกทั้งในเวลานั้นร่างกายของเขาไม่ค่อยแข็งแรงมาตลอด ข้าคิดว่ารอหลังจากสภาพร่างกายของเขามั่งคงกว่านี้แล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับท่าน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาจะเกิดเรื่องมากมาย จนล่วงเลยเวลามาจนถึงตอนนี้”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง
คำพูดของเฉิงอีใช่ว่าจะไร้เหตุผล
“แต่…เรื่องสำคัญเช่นนี้ควรจะบอกข้าให้เร็วหน่อย หากรู้เร็วกว่านี้…”
“นายท่าน อันที่จริงท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป หลายปีมานี้การฝึกฝนของสิบสามราบรื่นอย่างมาก ถึงแม้ว่ามิได้บอกกับท่านในทันที แต่…ในเมื่อตอนนี้ท่านรู้แล้ว ก็ไม่สายเกินไปใช่หรือไม่”
………………..