ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1810 ช่างโชคดีอันใดเช่นนี้
ตอนที่ 1810 ช่างโชคดีอันใดเช่นนี้
………………..
ฉู่หลิวเยว่ฟังด้วยความรู้สึกตื่นตะลึงที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
มิน่าเล่า!
ที่แท้นางก็ได้เห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ตัวเองไม่รู้เท่านั้น!
อ่อก!
บริเวณด้านล่างพลันมีคนผู้หนึ่งกระอักเลือดออกมา ร่างกายทรุดลงไปกับพื้น
คนที่อยู่ข้างเขาขมวดคิ้วในบัดดล เอ่ยว่า
“พระชายา! พวกเรามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อแสดงความยินดีโดยเฉพาะ ท่านโจมตีกันเช่นนี้ออกจะไม่เหมาะสมไปหน่อยกระมัง?”
แท้จริงแล้วคนผู้นั้นต้านรับแรงกดดันอันมหาศาลของคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งไม่ไหว โลหิตไหลพล่านอยู่พักหนึ่งจึงกระอักเลือดออกมา
คิ้วโก่งดำของฉู่หลิวเยว่เลิกขึ้นน้อยๆ ราวกับประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
“อื้อ? เมื่อครู่ข้าแค่ยกคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งขึ้นมาเท่านั้น แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ? ข้ายังคิดอยู่เลยว่าคนที่มาที่นี่ล้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดในอาณาจักรเสิ่นซวี่ทั้งนั้น ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไปหรือนี่? ช่างน่าละอายเสียจริง!”
พูดไปพลาง นางก็หยิบขวดหยกออกมาใบหนึ่งส่งให้เยี่ยนชิง
“นี่คือโอสถฟื้นฟูปราณ รีบเอาไปให้ท่านผู้นั้นรับยาเสีย!”
เยี่ยนชิงยื่นสองมือรับขวดโอสถมาด้วยท่าทียำเกรงยิ่ง
ตอนนี้ ไม่เพียงแต่คนที่กระอักเลือดออกมา กระทั่งคนพูดเองก็แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
เจ้าละอายใจหรือ?
นี่เจ้าละอายใจตรงไหนกัน!
เมื่อครู่นี้ดูอย่างใดก็จงใจทำชัดๆ!
ในตอนที่คนผู้นั้นกำลังจะเอ่ยปากขึ้นมาอีกครานั่นเอง หรงซิวก็วางจอกสุราในมือลง
เคร้ง
“วันนี้คือวันอภิเษกสมรสของข้ากับเยว่เออร์ จักเห็นเลือดไม่ได้ เยี่ยนชิง เอาตัวออกไป”
“ขอรับ!”
เยี่ยนชิงมองไปทางคนที่กระอักเลือด
“เชิญท่าน…“
คนผู้นั้นถูกเยี่ยนชิงจดจ้องก็สั่นไปทั่วร่างโดยไม่รู้ตัว พลันพูดอันใดไม่ออกสักคำ จึงกลืนเลือดในปากตัวเองลงไปอย่างยากลำบาก ก่อนจะลากสภาพร่างอันระโหยโรยแรงของตัวเองออกไป
ตอนที่เดินจากไป ฝีเท้าของเขาซวนเซไม่มั่นคงราวกับยังไม่หายดี
บรรดาฝูงชนต่างเงียบสงัดในบัดดล
สองสามีภรรยาคู่นี้… ช่างเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเสียจริง!
เดิมนึกว่าพวกเขาจะฟังคำพูดคุยก่อนหน้านี้แบบไม่เก็บมาใส่ใจ คงไม่เอาเรื่องกันถึงในนี้ขึ้นมาจริงๆ
ใครจะไปรู้เล่าว่าซั่งกวนเยว่จะเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น ทั้งยังลงมืออย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเช่นนี้!
ส่วนหรงซิวเองก็เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร!
พูดได้แค่ว่าคนที่ถูกซัดเมื่อสักครู่นั้นช่างโชคร้ายโดยแท้
แต่การเชือดไก่ให้ลิงดูครานี้ก็ทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นี่ตื่นตัวขึ้นมาทันใด
สองคนนี้…
เป็นคนที่เข้าไปกร่างด้วยของจริง!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วน้อยๆ ก่อนจะเก็บคทาอาญาสิทธิ์เทียนลิ่งกลับไป มุมปากนางวาดยกเป็นเส้นโค้งจางๆ
อืม ใช้ได้ดีทีเดียว
“เยว่เออร์ เวลากระชั้นชิด พ่อเลยไม่มีอันใดดีๆ มอบให้แก่เจ้า ไม่กี่วันก่อนเลยขอให้ผู้อาวุโสซั่งกวนช่วยหลอมจี้ขึ้นมาเส้นหนึ่ง พ่อขอมอบสิ่งนี้ให้เจ้า!”
ฉู่หนิงเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนจะยื่นกล่องหยกขนาดเท่าฝ่ามือไปให้
ทว่าในสายตาของคนที่มาร่วมงานวันนี้แล้วดูธรรมดายิ่งนัก กระทั่งนับว่าเป็นของคุณภาพต่ำเลยด้วยซ้ำ
บรรดาฝูงชนต่างพร้อมใจกันพรูลมหายใจออกมา
…ในที่สุดก็มีของธรรมดาเสียที!
นี่แหละคือระดับของที่พวกเขาสมควรมอบให้!
ฉู่หลิวเยว่กลับมิได้ใส่ใจในเรื่องพวกนั้น นางรับกล่องหยกมาด้วยสองมือ ก่อนจะเปิดออก
น้ำเต้าสีเขียวหยกขนาดเล็กลูกหนึ่งห้อยเรียงร้อยด้วยเส้นด้ายสีแดง
ภายในน้ำเต้าหยกมีกระแสสีแดงเจือจางลอยละล่อง
นางหยิบน้ำเต้าหยกขึ้นมา
สายตานับไม่ถ้วนต่างหยุดอยู่ที่น้ำเต้าหยก
ใครบางคนถึงหัวเราะลั่นออกมาอย่างอดไม่ไหว
นี่มันอันใดกัน!
วัสดุที่ใช้ทำกล่องหยกเป็นของพื้นๆ ก็แล้วไปเถอะ อย่างใดเสียมันก็เป็นแค่ภาชนะบรรจุของกำนัล
แต่น้ำเต้าหยกชิ้นนี้… คุณภาพมันก็ไม่เท่าไรนี่นา!
ดูสีของมันที่มีจุดด่างดวงนั่นสิ ช่างน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่งโดยแท้
เหตุใดถึงได้เอาของแบบนี้มาส่งมอบให้กัน?
ซั่งกวนเยว่ไม่อับอายขายขี้หน้าคนบ้างหรือไร?
สายตาฉู่หลิวเยว่กลับเข้มขึ้น จดจ้องน้ำเต้าหยกชิ้นนั้นอยู่นานทีเดียว ก่อนจะเอ่ยถามว่า
“ท่านพ่อ ด้านในนี้ก็คือ…“
“นั่นเลือดของฉู่หนิงน่ะ”
ซั่งกวนจิ้งพลันเอ่ยปากตอบ
บรรดาฝูงชนได้ยินดังนั้นต่างก็หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
นี่ออกจะหยาบคายไปหน่อยแล้วกระมัง!
ทำไปเพื่ออันใดกัน!?
“โอ้สวรรค์ ต่อให้ไม่มีอันใดจะส่งมอบ ก็ไม่น่าจะจนขนาดนี้กระมัง? มอบเลือดตัวเองให้? นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน?”
“พูดก็พูดเถอะ… ต่อให้เขายืมของกำนัลมาส่งมอบ ก็คงจะดีกว่านี้หรือไม่นะ?”
“หากข้าเป็นซั่งกวนเยว่ คงรับของสิ่งนั้นไว้ไม่ได้จริงๆ…”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ดังกระหึ่มขึ้นมา
ฉู่หนิงกำหมัดแน่น
นี่มันเป็นของที่เขา… อยากมอบให้ แล้วก็เป็นของที่ดีที่สุดที่ให้ได้แล้ว
ซั่งกวนจิ้งกวาดตามองรอบๆ คราหนึ่ง จากนั้นก็ฉีกยิ้มขึ้นมาในทันใด
“ข้าไม่เห็นจะรู้เลยว่าโลหิตเทพของร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะจะกลายเป็นของไร้ค่าปานนี้?”
สิ้นเสียงคำพูด ภายในโถงตำหนักพลันเงียบกริบ!
คนบางส่วนยังคงรอยยิ้มเย้ยหยันไว้บนใบหน้า ทว่าแววตากลับทอประกายตื่นตกใจ ดูแล้วทั้งประหลาดทั้งน่าขัน
ส่วนบางคนก็รีบตวัดสายตาหันไปมองฉู่หนิงอย่างว่องไว!
ร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะอย่างนั้นหรือ!?
ฉู่หนิงมีร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะในครอบครอง!?
นั่นคือหนึ่งในร่างศักดิ์สิทธิ์ที่พบเจอยากที่สุดในใต้หล้าเทียวหนา! เขาเป็นแค่จอมยุทธ์ระดับสี่ เหตุใดถึงได้…
ไม่ ไม่ถูกต้อง!
ได้ยินมาว่าครึ่งเดือนก่อนจะมายังพระราชวังเมฆาสวรรค์ เขายังเป็นจอมยุทธ์ระดับหนึ่งอยู่เลย!
ภายในระยะเวลาสั้นเพียงนี้ เขากลับบุกทะลวงไปแล้วสามระดับรวด!
“ร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาก ขอเพียงยังมีลมหายใจก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีพลังต่อสู้ที่สูงยิ่ง ฉู่หนิงหลอมโลหิตเทพ ก่อนจะถ่ายพลังเข้าไปในน้ำเต้าหยก หากเจ้าสวมจี้ไว้ติดกาย ก็จะสามารถติดต่อกับเขาได้ตลอดเวลา พบเจอปัญหาอันใดให้เรียกเขาก็เป็นอันใช้ได้ หากตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ก็ทำลายน้ำเต้าหยกเสีย โลหิตเทพจะช่วยเจ้าฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้”
“ตอนนี้ระดับพลังปราณของฉู่หนิงไม่สูง พลังของโลหิตเทพจึงค่อนข้างบางเบา ระยะนี้เขาต้องทรมานไม่น้อยเลยกว่าจะหลอมโลหิตเทพขึ้นมาได้สักหยด”
ฉู่หนิงรีบส่ายศีรษะเป็นพัลวัน
“ไม่ใช่สักหน่อย ผู้อาวุโสซั่งกวนกล่าวเกินไปแล้ว พ่อไม่มีอันใดจะให้เจ้า หวังเพียงแค่เยว่เออร์จะปลอดภัยไร้กังวล”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกจมูกอื้อนัก หากแต่มุมปากกลับคลี่ยิ้มกว้าง
“ขอบคุณท่านพ่อมากเจ้าค่ะ!”
เขาไม่มีของล้ำค่าใดจะให้ มีเพียงความรัก จึงส่งมอบหยาดเลือดสายนี้ให้โดยไม่ลังเล
นางช่างโชคดีอันใดเช่นนี้
“ท่านพ่อ ของกำนัลของท่านชิ้นนี้มิได้ด้อยไปกว่าผู้ใดเลย!”
บรรดาฝูงชนต่างเงียบกริบ
ไม่จำเป็นต้องพูดเลยด้วยซ้ำ!
โลหิตเทพของร่างศักดิ์สิทธิ์อมตะ… กระทั่งพวกเขายังไม่แม้แต่จะคิดถึงด้วยซ้ำ!
ซั่งกวนเยว่กลับมีทั้งสิ้น!
ใครบ้างไม่อยากมีชีวิตเพิ่มมาอีกครึ่งหนึ่ง
ช่างตื่นตาตื่นใจเสียจริง กระทั่งฉู่หนิงที่เป็นตัวตนดูต่ำต้อยเช่นนี้ กลับส่งมอบสมบัติอันสะท้านฟ้าเช่นนี้!
เช่นนั้นโชคดีแบบใดหนอที่ซั่งกวนเยว่พบเจอ!?
ในตอนนั้นเอง ด้านนอกพลันมีเสียงป่าวประกาศดังขึ้น
“ประมุขเผ่าหงส์ทองคำ อี้เจา มาถึงแล้ว…“
คนทั้งหมดล้วนหันกลับไปมองกันเป็นตาเดียว!
อี้เจาหรือ?
ประมุขของเผ่าหงส์ทองคำนั่นน่ะหรือ?
เขามาที่นี่เพราะเหตุใดกัน!?
ภายใต้สายตาของบรรดาฝูงชน เงาร่างสูงใหญ่กำยำร่างหนึ่งปรากฏให้เห็นอยู่นอกประตูใหญ่!
ทันทีที่ปรากฏตัว แรงกดดันมหาศาลอันแข็งกร้าวไร้ขีดจำกัดก็แผ่ขยายออกมาจากร่างของเขา!
คนที่ถูกแรงกดดันกดทับต่างหายใจแทบไม่ออก!
คนทุกคนล้วนแต่สะกดกลั้นลมหายใจของตนอย่างลืมตัว
อี้เจา…
สำหรับพวกเขาแล้ว อี้เจาเป็นบุคคลที่เล่าลือต่อกันมาเลยก็ว่าได้!
ใครบางคนพึมพำออกมาเสียงต่ำ
“อี้เจาก็มาด้วยหรือนี่! หรือว่าเขามาหาเรื่องซั่งกวนเยว่กันอย่างนั้นหรือ?”