ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1811 คิดถึงข้าหรือไม่
ตอนที่ 1811 คิดถึงข้าหรือไม่
………………..
“ได้ยินมานานแล้วว่าซั่งกวนเยว่ทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำตัวหนึ่ง ก่อนหน้านี้เหมือนจะถูก ‘เชิญ’ ไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงด้วย ภายหลังไม่รู้เหตุใดถึงออกมา หรือว่าที่อี้เจามาปรากฏตัวตอนนี้ก็เพราะเรื่องนั้นจริงๆ?”
“ข้าว่าใช่ถึงแปดส่วน! เผ่าหงส์ทองคำทะนงตนและรักศักดิ์ศรีถึงเพียงใด อี้เจาเองก็ไม่เคยติดต่อกับเผ่ามนุษย์มาก่อน วันนี้ถึงกับมาด้วยตนเองต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่!”
“นี่… หากเผ่าหงส์ทองคำคิดจะหาเรื่องซั่งกวนเยว่เข้าจริงๆ พระราชวังเมฆาสวรรค์เองก็คงห้ามไม่อยู่กระมัง?”
ไม่ต้องพูดถึงพระราชวังเมฆาสวรรค์เลย ไม่มีตระกูลใดในที่แห่งนี้ที่มีพลังต่อสู้เทียบเทียมกับเผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลได้เลยสักตระกูล!
ผู้คนจำนวนมากภายในโถงตำหนักล้วนลุกขึ้นยืน
“ท่านประมุขอี้เจา ยินดีที่ได้พบขอรับ!”
“พวกเราเฝ้ารอจะเจอท่านผู้ยิ่งใหญ่มานาน คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้พบท่าน!”
“ท่านประมุขอี้เจา…”
บัดนี้คนจำนวนมากที่มีสีหน้าหยิ่งผยองเมื่อครู่ต่างทยอยปั้นรอยยิ้มสุภาพนอบน้อมกันทันควัน
ฟังออกได้ไม่ยากเลยว่าในน้ำเสียงของพวกเขานั้นแฝงด้วยเจตนาประจบประแจง
แม้การเปลี่ยนท่าทีไปมารวดเร็วเช่นนี้ ดูแล้วชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย แต่ว่า…
…ใครบ้างไม่เป็นแบบนี้!
ขอร้องล่ะ!
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นถึงประมุขเผ่าหงส์ทองคำเทียวหนา!
ผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้าที่สุดที่ทิ้งให้ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนแกร่วอยู่ข้างนอกโดยไม่ลังเลผู้นั้นน่ะ!
ในที่นี่มีใครบ้างที่เทียบเคียงเขาได้?
ยามปกติมีคนมากมายตั้งเท่าไรไม่รู้ที่หวังผูกสัมพันธ์ไมตรีกับเผ่าหงส์ทองคำ น่าเสียดายที่ไม่มีหนทางทำได้
คนทุกคนล้วนมีใจชื่นชมระคนอิจฉาที่กล้าแกร่งกันทั้งนั้น
หากผูกสัมพันธ์กับอี้เจาได้จริง ต่อให้ถูกคนนินทาว่าเลียแข้งเลียขา คอยประจบเอาใจ หาที่เกาะนั่นแล้วอย่างใด?
ทว่าแม้กำลังเผชิญการทักทายจากผู้คนเหล่านี้ อี้เจากลับดูเหมือนมองไม่เห็นแม้แต่น้อย สีหน้าเขาเย็นชา ทั้งยังก้าวยาวไปข้างหน้า
ฝีเท้าของเขาว่องไวยิ่ง ยามเดินผ่านก็พาเอาสายลมเย็นพัดตามมาด้วย
ไม่ว่าเดินผ่านไปที่ใด ลมปราณก็ตามบดขยี้ทั่วทุกที่!
เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ คนจำนวนมากต่างก็รู้สึกอับอายอยู่ไม่น้อย
แต่ความอับอายเช่นนี้ก็ถูกพวกเขาขจัดออกไปในไม่ช้า
…อี้เจาเองเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
หากเขายิ้มรับคำทักทายต่างหากเล่าจึงจะนับว่าน่ากลัว!
“ท่านผู้นี้เหมือนกับข่าวลือไม่มีผิด เย็นชาทั้งภายนอกและภายใน…”
“ยิ่งไปกว่านั้นนะ ได้ยินมาว่าพละกำลังไร้เทียมทาน ลงมือโหดเหี้ยม หลายปีมานี้ เสียงของเขาแทบจะแทนเผ่าหงส์ทองคำทั้งเผ่าแล้ว! ไม่ต้องว่าแต่พวกเรา ขนาดคนในตระกูลเขาเองยังไม่กล้าขัดคำสั่งเขาแม้แต่ครึ่งคำ!”
“พวกเจ้ารู้สึกได้หรือไม่? ลมปราณเย็นยะเยือกที่อยู่บนตัวเขาน่ะ… นี่ขนาดยังไม่ทันลงมือ แรงกดดันท่วมท้นยังน่ากลัวเพียงนี้! หากเขามาหาเรื่องกันจริงๆ เกรงว่าคนในนี้ไม่มีใครรับมือเขาได้เลยหนา!”
“ดูจากท่าทีเขาแล้ว ซั่งกวนเยว่จบเห่แน่! กล้าทำพันธสัญญากับหงส์ทองคำ… อี้เจาจะไม่มาเอาเรื่องนางได้หรือ?”
ภายใต้สายตาของคนทุกผู้ที่จับจ้อง อี้เจาเดินเข้ามาในโถงตำหนัก
หรงซิวเป็นฝ่ายยืนขึ้นมาก่อน มุมปากประดับรอยยิ้มจางๆ
“ท่านประมุขอี้เจา ไม่พบกันเสียนาน ช่วงนี้สบายดีกระมัง?”
บรรดาฝูงชนต่างพร้อมใจกันตกตะลึง
หรงซิวรู้จักอี้เจาอยู่แล้วหรือ?
อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงแล้ว ดูเหมือน… ความสัมพันธ์ระหว่างกันจะไม่เลวเลยด้วย?
ในตอนที่ทุกคนสงสัยใคร่รู้เต็มอกนั่นเอง อี้เจากลับผงกศีรษะ ก่อนตอบด้วยเสียงราบเรียบว่า
“ทุกอย่างปกติดี”
คนจำนวนไม่น้อยลอบสบสายตากันและกัน
นี่…รู้จักกันจริงๆ หรือ!?
อี้เจาเบี่ยงสายตาน้อยๆ มามองทางฉู่หลิวเยว่
“ซั่งกวนเยว่”
สุ้มเสียงของเขาทุ้มต่ำทั้งยังเย็นเยียบ
ใจของทุกคนต่างรู้สึกหวิวขึ้นมา
มาแล้ว! จะเริ่มแล้ว!
ครานี้ต่อให้พระราชวังเมฆาสวรรค์และสำนักหลิงเซียวร่วมมือกัน ก็ปกป้องนางไว้ไม่…
“ยินดีกับงานอภิเษกสมรสของท่านทั้งสองด้วย ตอนรู้ข่าวก็ช้ามากแล้ว จึงมาสายนิดหน่อย ยังไม่พลาดอันใดไปกระมัง?”
อี้เจาเอ่ยถาม
สีหน้าของบรรดาฝูงชนแทบทุกคนล้วนแข็งทื่อโดยพลัน
อี้เจา… พูดว่ากระไรนะ!?
เขาไม่เพียงแต่ไม่ตำหนิซั่งกวนเยว่ กลับกันยัง… อวยพรที่คนทั้งสองอภิเษกสมรสกันอีกหรือ!?
บรรยากาศภายในโถงตำหนักประหนึ่งว่าหยุดไหลเวียนโดยฉับพลัน
สุ้มเสียงจอกแจกจอแจทั้งหมดหายไปในพริบตา หลงเหลือแต่เพียงความเงียบงันจนน่าอึดอัด
ฉู่หลิวเยว่หยัดกายลุกขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน
“จะเป็นไปได้อย่างใด? ท่านมาได้จังหวะพอดีต่างหาก! ก่อนหน้านี้เหตุใดไม่เห็นได้ยินว่าท่านจะมา? พวกเราเลยไม่ได้เตรียมการต้อนรับ ช่างบกพร่องแล้วจริงๆ”
หรงซิวสั่งให้คนเตรียมที่นั่งแก่เขาแล้วเรียบร้อย
ยามที่ทุกคนมีสีหน้าเหลอหลา ก็เห็นว่าจู่ๆ มีเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งปรากฏตัวด้านหน้าฉู่หลิวเยว่
เด็กหญิงคนนั้นดูแล้วอายุอานามไม่เกินสามสี่ขวบ สวมชุดกระโปรงใบบัวสีทองอร่าม ศีรษะเกล้าผมมวยกลมสองข้างผูกด้วยระฆังสีทองกรุ๊งกริ๊ง นางมีดวงหน้าหยกขาวเล็กน่ารัก ชวนให้ยื่นมือไปบีบแก้มสักทีสองทีอย่างอดไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่ผลักนางเบาๆ จากด้านหลัง
“ถวนจื่อ ไปคารวะท่านประมุขอี้เจาเร็วสิ”
ถวนจื่อเองก็ประหลาดใจและตื่นเต้นยิ่งนัก เท้าเปลือยคู่จ้อยของนางจึงรีบออกวิ่งเตาะแตะไป
“ท่านปู่ประมุข!”
เสียงหัวเราะใสกระจ่างดุจระฆังเงินและเสียงเรียกทำเอาใจของอี้เจาอ่อนยวบลงทันที
เขายวบตัวลงโดยไม่รู้ตัว อ้าสองแขนรับตัวถวนจื่อเข้ามาไว้มั่น จากนั้นก็อุ้มนางขึ้นมา
ยามเจ้าตัวเล็กผิวนุ่มนิ่มซุกเข้าอก บนตัวของนางยังคงติดกลิ่นนมหอมจางๆ มาด้วย รอยยิ้มสว่างเจิดจ้า นัยน์ตาดำกลมโตดุจผลองุ่นทอประกายวาบ
อี้เจาที่มีสีหน้าเย็นชามาโดยตลอด ในที่สุดก็เผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมา
“ถวนจื่อ คิดถึงท่านปู่ประมุขบ้างหรือไม่?”
ถวนจื่อผงกศีรษะสุดแรง
“อื้อ! คิดถึงซี่! เหตุใดก่อนหน้านี้ท่านปู่ประมุขไม่เห็นบอกเลยว่าจะมา?”
อี้เจายังไม่ทันพูดอันใด ก็มีสุ้มเสียงหัวเราะเริงร่าแว่วดังมาจากด้านนอก
“ก็เพราะว่าอยากทำให้เจ้าประหลาดใจน่ะสิ!”
ในขณะเดียวกัน เงาร่างหนึ่งก็ลอยล่องเข้ามา
ถวนจื่อเงยหน้ามองตาม ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงยิ่งกว่าเก่า
“ท่านปู่อี้อวี่!”
ทุกคนในที่แห่งนี้ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางหัวก็มิปาน
อี้อวี่!
นี่พวกเขา… มาเหตุใดกัน!?
อี้อวี่เดินยิ้มตาปิดเข้ามา ก่อนจะยื่นมือไปบีบจมูกที่เชิดขึ้นน้อยๆ ของถวนจื่อ
“ถวนจื่อคิดถึงท่านปู่อี้อวี่บ้างหรือไม่ฮึ?”
“คิดถึงเจ้าค่ะ!”
ถวนจื่อหัวเราะคิกคัก
ผู้อาวุโสอี้อวี่พึงพอใจอย่างยิ่ง
อี้เจาตวัดสายตาเย็นเฉียบไปมอง
ทว่าผู้อาวุโสอี้อวี่มิได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย
“ถวนจื่อรู้หรือไม่ ท่านปู่ประมุขน่ะคิดถึงเจ้ามากจนทิ้งข้าไว้กลางทางตอนขามานี่เอง! ฮี่ฮี่!”
หางคิ้วของอี้เจากระตุกน้อยๆ
บางคนนี่ต้องโดนดีเสียบ้างถึงจะหลาบจำจริงๆ
“เจ้ามันใช้การไม่ได้”
เดินทางมาช้าขนาดนั้น งานอภิเษกสมรสได้จบก่อนพอดี!
ผู้อาวุโสอี้อวี่กระแอมไอคราหนึ่ง พลางถูจมูกไปมา
เขาเองก็ไม่ได้ถูกคนตำหนิเช่นนี้มานานแล้ว… ใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นประมุขกันเล่า!
เอาชนะได้หรือไม่?
ก็ไม่ได้
ทำได้แค่ทนนี่ล่ะ!
“ที่แท้ท่านปู่ประมุขก็คิดถึงข้าขนาดนี้นี่เอง!”
ถวนจื่อเข้าใจโดยพลัน จากนั้นก็ดึงเคราของอี้เจา ยันตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะหอมบนใบหน้าของเขา
“ถวนจื่อเองก็คิดถึงท่านปู่ประมุขเหมือนกัน!”
………………..