ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1812 หนุนหลัง
ตอนที่ 1812 หนุนหลัง
………………..
อี้เจาแข็งทื่อไปทั้งตัว มือที่ขยับยุกยิกไปมาพลันสั่นระริก
มีเหตุการณ์แบบใดบ้างที่ชีวิตนี้ของเขาไม่เคยพบเจอ
แม้จะเผชิญอันตรายเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หัวใจก็ไม่ได้เต้นรัวเร็วขนาดนี้
แต่ความรู้สึกเช่นนี้…เปราะบางยิ่งนัก
ตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกับเปียกโชกอยู่ในน้ำพุร้อน ทั้งรู้สึกอบอุ่น สุขกายสบายใจ ปลอดโปร่ง
สรุปเป็นคำเดียวได้ว่าสุขสบายนัก!
ชั่วขณะนั้นเอง เขาถึงขั้นมีความคิดว่า หากถวนจื่อต้องการดาวบนฟากฟ้า เขาก็พร้อมจะหาทางสอยดาวลงมาให้นาง
ขอแค่นางมีความสุข!
ผู้อาวุโสอี้เจาที่ยืนมองอยู่ข้างๆ นิ่งค้างเป็นหินไปทั้งอย่างนั้น
เขาเหมือนรับไม้ต่อจากอี้เจาก็มิปาน
เขาอิจฉาจะตายอยู่แล้ว!
ทว่าบรรดาฝูงชนภายในโถงตำหนักในตอนนั้นไม่เพียงแค่รู้สึกอิจฉาเท่านั้น
พวกเขายังใกล้จะเสียสติเต็มที!
ข้อมูลของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงระยะสั้นๆ นี้มีมากเกินไป!
เด็กหญิงตัวน้อยที่ชื่อถวนจื่อผู้นั้นตะโกนเรียกอี้เจาว่าอะไรนะ?
ท่านปู่ประมุข?
เช่นนั้นนางก็มิได้เป็นแค่หงส์ทองคำในพันธสัญญาของซั่งกวนเยว่เท่านั้นน่ะ!
มิใช่ว่าจะมาหาเรื่องหรอกหรือ
แล้วที่ว่าสายเลือดของอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งบรรพกาลสูงส่งมากมิอาจแปดเปื้อนได้เล่า
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเด็กหญิงตัวน้อยนั่นมีพันธะเกี่ยวข้องกับซั่งกวนเยว่ มิเช่นนั้นเมื่อครู่คงไม่ปรากฏตัวขึ้นมาปุบปับอยู่ข้างซั่งกวนเยว่ได้
อี้เจาไม่สนใจเลยอย่างนั้นหรือ
ทั้งยังรักใคร่เอ็นดูถึงปานนี้อีก!
อีกอย่างหงส์ทองคำจะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ก็หลังจากที่โตเต็มวัยแล้วมิใช่หรือ
แต่หนูน้อยผู้นั้นดูยังเป็นเด็กอยู่เลยชัดๆ!
ใครบางคนทำใจดีสู้เสือถามไปว่า
“เรียนถาม…ประมุขอี้เจา…ท่านผู้นี้คือ?”
ในที่สุดครั้งนี้อี้เจาถึงได้หันศีรษะกลับมา พร้อมปรายตามองปราดหนึ่ง
“ลืมแนะนำเลย นี่คือถวนจื่อ เป็นนายหญิงน้อยเผ่าหงส์ทองคำของข้า!”
…
เงียบกริบ
ประโยคสั้นๆ ข้างต้นไม่ต่างอะไรกับสายฟ้าฟาดที่ผ่าเปรี้ยงลงตำหนักศักดิ์สิทธิ์!
บรรดาฝูงชนต่างพากันตะลึงพรึงเพริด
สีหน้าของทุกคนล้วนน่าดูชมนัก
นายหญิงน้อย…
ที่แท้เด็กหญิงผู้นี้ก็คือนายหญิงน้อยเผ่าหงส์ทองคำ!
ไม่ นี่ยังไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุด
ส่วนสำคัญที่สุดอยู่ที่ว่า นายหญิงน้อยของเผ่าหงส์ทองคำคืออสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาของซั่งกวนเยว่!
นี่มันหมายความว่าอะไรกัน
ไม่มีใครรู้เลยว่านี่มันหมายถึงอะไร
เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลยน่ะสิ!
พวกเขาจะไปตั้งรับไหวได้อย่างไร
ไม่สิ มันมีคนแบบนี้ที่ไหนกันเล่า
เจ้าทำพันธะกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็แล้วไปเถอะ แถมยังเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งบรรพกาลด้วย
เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งบรรพกาลนี่ก็ไม่เท่าไร แต่ยังจะเป็นนายหญิงน้อยอีก
คนธรรมดาฝันกลางวันยังไม่กล้าคิดถึงขั้นนี้เลย!
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตาหยีก่อนกล่าวว่า
“ประมุขอี้เจา ผู้อาวุโสอี้อวี่ เชิญท่านทั้งสองนั่งลงเถิด!”
จากนั้น นางก็เบนสายตาไปทางบรรดาฝูงชนภายในตำหนักด้วยรอยยิ้มสว่างไสวเป็นมิตรกว่าเก่า
“ทุกท่านมัวตื่นตกใจอันใดกัน โปรดนั่งลงเถิด! วันนี้เป็นวันอภิเษกสมรสของฝ่าบาทกับข้า ทุกท่านอย่าได้ลำบากเลย พวกเราต่างซาบซึ้งใจนัก ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ทำตัวตามสบายให้เหมือนอยู่บ้านตัวเองเถอะ!”
ใครไปเป็นคนบ้านเดียวกับเจ้ากัน!
พวกข้ามิได้มีความสัมพันธ์ไมตรีแบบเดียวกันกับเผ่าหงส์ทองคำเช่นเจ้าเสียหน่อย!
ชั่วขณะนั้นเอง ในใจของคนนับไม่ถ้วนผรุสวาทออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เพียงแต่เพราะอี้เจากับอี้อวี่อยู่ที่นี่ พวกเขาจึงไม่กล้าพูดมากแม้แต่ครึ่งคำ
จนกระทั่งอี้เจาที่อุ้มถวนจื่อเอาไว้ทรุดตัวลงนั่งแล้ว บรรดาฝูงชนถึงได้ทยอยนั่งลงไปกันทีละคนสองคน
ทั้งยังนั่งลงกันแบบไม่ติดที่ด้วย
บัดนี้ในความคิดของคนจำนวนมากหลงเหลือเพียงความคิดเดียว
ล่วงเกินซั่งกวนเยว่ ก็เท่ากับว่าล่วงเกินถวนจื่อ ล่วงเกินถวนจื่อ ก็เท่ากับล่วงเกินเผ่าหงส์ทองคำทั้งหมด
หากว่าตาบอดไปสังหารซั่งกวนเยว่เข้า ก็ยิ่งเท่ากับสังหารนายหญิงน้อยเผ่าหงส์ทองคำไปด้วย!
ดูจากนิสัยของอี้เจาแล้ว ถูกประหารสิบชั่วโคตรก็ไม่พอเป็นแน่!
“พับผ่าสิ! ซั่งกวนเยว่ยังมีคนเช่นนี้หนุนหลังอยู่ด้วย? ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินข่าวเลยเล่า”
“แต่ทำไมอี้เจาเห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ได้ ไม่สมเหตุสมผลเลย!”
“เจ้าอยากรู้นักรึ? ไปถามเองสิ! แต่ข้าไม่เอาด้วยหรอก รู้ไปแล้วได้อันใดขึ้นมา ยังคิดอยู่เลยว่าเมื่อครู่ไปล่วงเกินใครเขาบ้าง!”
“ไอ้อีตัวไหนมันบอกข้าว่าซั่งกวนเยว่ฐานะต้อยต่ำ หัวเดียวกระเทียมลีบ? ข้าจะกลับไปกระทืบมันสักที! ถ้านี่ไม่ได้เรียกคนหนุนหลัง พวกเราก็อย่าอยู่ต่อเลย!”
การปรากฏตัวและจุดยืนของอี้เจาทำให้ท่าทีของบรรดาฝูงชนส่วนใหญ่เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือ
หากแต่ไร้ทางเลือก
กำปั้นอันแข็งแกร่ง คือความจริงอันสูงสุด
ในตอนนี้ไม่มีใครสนใจแล้วว่าเหตุใดท่าทีที่อี้เจามีต่อการทำพันธะระหว่างซั่งกวนเยว่และถวนจื่อถึงได้ใจกว้างถึงเพียงนี้
พากันเรียกนายหญิงน้อยออกมาตรงๆ ทั้งยังช่วยหนุนหลังให้อีก นี่ยังไม่พออีกหรือ!
ถวนจื่อเอนกายพิงอกอี้เจา คลี่ยิ้มกว้างอย่างสุขใจ
อี้เจาและอี้อวี่เห็นนางมีความสุขดีก็พากันวางใจ
ความเป็นจริงแล้วที่พวกเขาตัดสินใจมาครั้งนี้ เหตุผลใหญ่ข้อหนึ่งคือก่อนหน้านี้ถวนจื่อเล่าเรื่องที่พวกนางไปเยือนเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์มาให้ฟัง
ต่อให้ถวนจื่อจะพูดเองว่าไม่เป็นไร พวกเขาก็ยังไม่วางใจ คิดไปคิดมา จึงตัดสินใจมากันอยู่ดี
นอกจากนี้ การมาเยือนเช่นนี้จะทำให้ซั่งกวนเยว่และถวนจื่อเดินเหินไปมาในอาณาจักรเสิ่นซวี่หลังจากนี้ได้สะดวกสบายมากขึ้น
ออกแรงครั้งเดียวได้ผลลัพธ์มากมาย มีอะไรไม่ดีตรงไหน
อี้เจากล่าวขึ้น
“จริงสิ งานอภิเษกสมรสของพวกเจ้าครั้งนี้ เผ่าหงส์ทองคำของเรามีของขวัญเล็กน้อยมามอบเป็นสินน้ำใจด้วย”
ระหว่างที่พูด เขาก็หันไปผงกศีรษะให้ผู้อาวุโสอี้อวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
ผู้อาวุโสอี้อวี่ก้าวมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมอบขวดหยกใบหนึ่งส่งให้
“ด้านในคือน้ำพุที่กลั่นมาจากถ้ำน้ำแข็งบนภูเขาเฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์ ร้อยปีจะกลั่นมาได้สักขวด มีประโยชน์ต่อการฝึกตนมากมายมหาศาล ของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ นี่มิอาจแทนความเคารพได้”
นัยน์ตาของฉู่หลิวเยว่ทอแววตื่นตะลึง
นางรู้จักของสิ่งนี้
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นในครานั้นมุ่งหน้าไปยังภูเขาเฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อตามหาของสิ่งนี้
อีกทั้งตอนนั้นเหมือนจะขอเพียงไม่กี่หยดด้วย
ผลลัพธ์คือกระทั่งภูเขาเฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์เขาก็เข้าไปไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงได้อาจเอื้อมเอาน้ำพุจากถ้ำน้ำแข็งเลย
คิดไม่ถึงว่าพวกอี้เจาไม่เพียงแต่มาหาด้วยตัวเอง ยังมอบของกำนัลเช่นนี้ให้นางอีกด้วย!
ฉู่หลิวเยว่รับมันมาด้วยสองมือ ก่อนกล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง
บรรดาฝูงชนภายในโถงตำหนักต่างพากันแสดงสีหน้าอิจฉาออกมา
คนบางคนนี่โชคดีเสียจนมิอาจอธิบายได้เลยจริงๆ
พอวันนี้ผลออกมาเป็นแบบนี้แล้ว ภายหลังพวกเขาคิดจะทำสิ่งใด ก็ต้องคิดคำนึงถึงกำลังของตัวเองด้วย!
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะทุ้มต่ำหากแต่ก้องกังวานดังแว่วมาจากที่ไกลๆ
“ฮ่าๆ! ในนี้ครื้นเครงดีจัง! ข้ามาสายไปหรือเปล่า”
………………..