ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1821 รับใช้
ตอนที่ 1821 รับใช้
………………..
เดิมฉู่หลิวเยว่คิดอยากจับตัวคนกล่อมมาทุบสักที หากแต่ร่างกายปวดร้าวนัก หมดสิ้นเรี่ยวแรงโดยสมบูรณ์ เอ่ยงึมงำไปได้สองประโยคก็หลับไปในไม่ช้า
หลังกล่อมคนให้หลับได้แล้ว หรงซิวถึงได้ลุกขึ้น
เขาสวมชุดตัวในสีขาวหิมะอย่างสบายๆ ไม่ใส่ใจนัก เผยให้เห็นกล้ามอกแข็งแกร่งดุจหินก้อนใหญ่ก็มิปาน
เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แต่จิตใจกลับดีเยี่ยมอย่างยิ่ง
ระหว่างคิ้วเรียวที่ให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ถึงกับเปี่ยมด้วยความกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเก่า
แน่นอนเลยว่าพระโอรสอารมณ์ดีมากทีเดียว
เขาก้าวยาวๆ สาวเท้าไปยังข้างหน้าต่างอย่างว่องไว
เมื่อรับรู้ได้ถึงการมาของเขา เสวี่ยเสวี่ยก็หยัดตัวขึ้นอย่างยินดี
จะเปิดประตูแล้วหรือ
ยอมให้มันเข้าไปแล้วใช่หรือไม่
สุ้มเสียงเย็นเฉียบของหรงซิวลอยแว่วเข้ามา
“ดูเจ้าจะว่างมากสินะ เช่นนั้นไปวิ่งที่ทะเลทรายจันทราสีชาดสักรอบไป”
เสวี่ยเสวี่ยพลันรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า เจ้าสิงโตถึงกับตกอยู่ในสภาพย่ำแย่
ทะเลทรายจันทราสีชาดรึ!
ต้องไปอีกหรือ?
ไม่เอา!
มันตะกุยกำแพง ร้อง “โฮก” เสียงเบาๆ หวังจะปลุกเจ้านายอีกคนให้ตื่นมาจากห้วงสติสุดท้าย
ในที่สุด สุ้มเสียงของหรงซิวพลันแว่วขึ้นมาอีกรอบ
“เพิ่มเป็นสองเท่า”
ไม่เพิ่มสองเท่า ไม่เอา!
มันยังไม่ทันได้ไปเลยด้วยซ้ำ!
เสวี่ยเสวี่ยวิ่งหนีไปอย่างตื่นตระหนกเสียจนกลายเป็นเส้นสีขาวบนผืนฟ้า จากนั้นห็หายวับลับไปจากสายตา
ไกลออกไป อวี๋โม่ถองเรียกเยี่ยนชิง
“จิ๊ เห็นรึเปล่านั่น? ถ้าเมื่อวานเจ้าดึงดันต่อ ก็ได้เจอชะตากรรมเดียวกับมันแล้ว!”
เยี่ยนชิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
“รู้แล้ว”
…
ฉู่หลิวเยว่ตื่นขึ้นมาอีกทีก็บ่ายคล้อยแล้ว
ทันทีที่นางขยับตัว หรงซิวก็เดินเข้ามา
“ตื่นแล้วหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า ยื่นมือออกมาจากผ้าห่ม
แขนเพรียวเกลี้ยงเกลาดุจหยกที่ตัดกับผ้านวมปักดิ้นสีแดงดูดึงดูดตายิ่งนัก
แววตาของหรงซิวมืดครึ้ม ทว่าสุดท้ายก็ยังคงยับยั้งตัวเองไว้ได้ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่จากด้านข้างส่งไปให้
เขาเอนกายน้อยๆ อุ้มคนออกมาจากผ้านวมอย่างอ่อนโยนและระมัดระวัง ก่อนจะช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อย
แม้เรือนผมดำสนิทจะสยายลงมาปิดบังผิวกายส่วนใหญ่ของนางไว้ แต่ก็ยังมองเห็นรอยแดงได้จางๆ
ดวงหน้าของฉู่หลิวเยว่แดงระเรื่อเล็กน้อย เดิมคิดจะสวมชุดเอง แต่ถูกคนอุ้มออกมาจากผ้านวม ทั้งง่วงงุนและอ่อนล้า ขัดขืนอยู่สองสามทีก็ปล่อยเลยตามเลย
ปล่อยให้เขาจัดการรับใช้นางตั้งแต่หัวจรดเท้า
สวมชุดเสร็จแล้ว หรงซิวก็เทน้ำชา ก่อนจ่อริมฝีปากนาง
“แก้คอแห้ง”
คำพูดนี้ฟังดู…
เหตุใดถึงฟังดูไม่ค่อยถูกต้องนัก?
เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว นางพลันรู้สึกโมโหขึ้นมาไม่น้อย
ทำไมตัวนางทรมานเกือบตาย แต่หรงซิวกลับดูกระปรี้กระเปร่าขนาดนี้เล่า!
“อ้าปาก”
หรงซิวราวกับรู้ว่านางกำลังคิดอะไร คิ้วกระบี่เลิกขึ้นน้อยๆ ถ้วยชาถูกยื่นไปข้างหน้า
ไอน้ำสีขาวที่ลอยฉุยขึ้นมาบดบังดวงหน้าใสกระจ่างไร้สิ่งใดเทียบของเขา
ฉู่หลิวเยว่เองก็กระหายน้ำเช่นกัน จึงยึดมือเขาเอาไว้ ก่อนจิบชาเข้าไปทีละน้อย
อุณหภูมิของชากำลังดี อุ่นร้อนและชุ่มคอนัก
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกสบายตัวขึ้นมามากทีเดียว
“เด็กดี”
หรงซิววางถ้วยชากลับไป ก่อนเอ่ยถามว่า
“ยังอยากนอนต่อหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะ
นางหันไปมองด้านนอกแวบหนึ่ง
“หลับมาถึงป่านนี้แล้ว”
นางรู้สึกกระดากอายอยู่หลายส่วนอย่างหาได้ยาก
หรงซิวหัวเราะ เอ่ยปลอบว่า
“วางใจเถอะ ฝั่งของพระราชวังเมฆาสวรรค์ไม่มีใครมาแสดงความยินดีกับเจ้าแต่เช้าหรอก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าคือพระชายา มีเกียรติมีศักดิ์สูงสุดแล้ว”
ตามหลักแล้ว หลังจากอภิเษกสมรสเรียบร้อย พวกเขาจะต้องไปคำนับประมุขพร้อมกัน
หรงซิวมองดูนาง ก่อนก้มลงไปประทับจูบลงบนริมฝีปากนางอย่างห้ามใจไม่อยู่
ทว่าการเคลื่อนไหวของเขาได้รับการยับยั้งชั่งใจอย่างยิ่ง เพียงแค่แตะเบาๆ เท่านั้น มิได้ถลำลึกไปมากกว่านี้
“อยากออกไปเดินเล่นหรือไม่?”
ได้ยินข้อเสนอนี้ของเขา ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกประหลาดใจ ทว่าเมื่อลองคิดดู ก่อนหน้านี้นางเองก็เหมือนจะไม่เคยเดินสำรวจพระราชวังเมฆาสวรรค์มาก่อน
เวลาส่วนใหญ่ล้วนอยู่บนยอดเขาซู่หมิง
นางพยักหน้าตกลง
“ได้”
…
ณ เขาฉางอี๋
เฉินอีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่
อู่เหยากำลังฝึกต่อยมวย
น้องแปดกำลังครุ่นคิดว่าจะสั่งสอนเยี่ยนชิงอย่างไร
อวี๋จิ่วกำลังฝึกกระบี่
สือฟาง…กำลังรดน้ำแปลงผัก
สิบสามวิ่งหนีหายไปแบบไม่เห็นเงาแต่เช้าแล้ว
เคร้ง!
เสียงแตกร้าวดังแหลมแว่วขึ้นมา
อวี๋จิ่วมองดูกระบี่ไม้ในมือด้วยใจห่อเหี่ยว
นี่เป็นกระบี่เล่มที่สองแล้วที่เขาทำหักไปภายในหนึ่งเดือน
เขามองไปทางเฉินอี
พูดพลางก็สะบัดชายเสื้อคลุมคราหนึ่ง ของสิ่งหนึ่งพลันลอยเข้ามา!
ฉึบ!
อวี๋จิ่วรีบรับมันเอาไว้
ก่อนจะพบว่าเป็นกระบี่ไม้เล่มหนึ่งดังเคย
เพียงแต่กระบี่ไม้เล่มนี้ดูจะแข็งแรงกว่าเล่มก่อนหน้านี้อยู่บ้าง
อวี๋จิ่วมองดูพลางพลิกมันกลับไปกลับมารอบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาในที่สุด
“พี่ใหญ่ นี่ท่านเตรียมกระบี่ไม้เอาไว้กี่เล่มกันแน่?”
เฉินอีพลิกหนังสือหน้าถัดไป
“มากพอให้เจ้าใช้”
เป็นอันสิ้นสุด
นี่นับว่ายังไม่จบดีสินะ
อวี๋จิ่วยอมรับชะตากรรมของตัวเองก่อนจะเริ่มฝึกฝนใหม่อีกรอบ
จู่ๆ น้องแปดก็ผุดลุกขึ้น ก่อนจะรีบร้อนมุ่งหน้าเดินออกไปข้างนอก
สือฟางเงยหน้าขึ้นมาถามว่า
“พี่แปด ท่านจะไปไหน?”
น้องแปดปรายตามองเขาแวบหนึ่ง
สือฟางพลันรู้สึกถึงความเจ็บจางๆ ที่จมูก รีบร้อนเอ่ยต่อว่า
“น้อมส่งพี่แปด! ขอให้พี่แปดได้รับชัยชนะกลับมา!”
น้องแปดจึงได้หยักยกริมฝีปาก ก่อนจะเดินนวยนาดจากไป
อู่เหยาต่อยมวยเสร็จแล้ว เขาเช็ดเหงื่อที่ออกเต็มใบหน้า
“พี่ใหญ่ เรื่องที่สิบสามถามเมื่อวาน…ท่านตัดสินใจแน่ชัดแล้วหรือยัง?”
เฉินอีเหลือบสายตาขึ้นมา
อู่เย่ากระแอมไอคราหนึ่ง
“ความหมายของเขาก็คือ…หากยืดเยื้อต่อไปก็ดูจะไม่ดีเท่าใดนัก…”
เฉินอีพยักหน้า ก่อนเก็บหนังสือกลับไป
“ข้าจะไปเจอนายท่าน พวกเจ้าแต่ละคนรออยู่ที่นี่ไปก่อน”
พูดจบ เขาก็สาวเท้าก้าวไปยังด้านนอก