ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1827 ความชำนาญเริ่มจากการปฏิบัติ
ตอนที่ 1827 ความชำนาญเริ่มจากการปฏิบัติ
………………..
ระหว่างคิ้วของเด็กรับใช้เต็มไปด้วยความสุข
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว! ทั่วทั้งท่าเรือดอกท้อไม่มีสถานที่ใดจะมีสมุนไพรและโอสถครบครันและเต็มจำนวนได้อย่างเช่นของพวกเราอีกแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่เชื่อในคำพูดนี้อยู่หลายส่วน
ก่อนหน้านี้ที่นางเคยมาที่นี่ นางเคยไปหอโอสถมาหลายแห่ง
แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับร้านนี้ได้เลย
ไม่รู้เถ้าแก่ร้านนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอันใด ถึงได้มีอำนาจที่น่าทึ่งเช่นนี้
ทางด้านท่าเรือดอกท้อ แม้ว่าจะมีพลังสวรรค์และโลกท่วมท้น แต่เหมือนว่าจะไม่มีของวิเศษอันใดเทือกนั้น
สมุนไพรและโอสถคุณภาพดีล้วนอยู่ในตลาดแห่งนี้ แต่กรรมวิธีในการจัดการก็ยากมาก
ด้านหนึ่งจะต้องมีวิธีที่จะขนส่งของเหล่านั้น อีกด้านหนึ่งก็ต้องมีฝีมือเพียงพอที่จะรับประกันได้ว่าของเหล่านั้นจะสามารถส่งมาได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังขายดี
ก่อนหน้านี้ท่าเรือดอกท้อมีคนล้มตายมากมาย มีการบุกชิงปล้นฆ่าเป็นระยะ
นอกจากหมัดของเจ้าจะแข็งมากพอ ถึงจะสามารถตั้งรกรากที่นี่ได้
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงสัยกับเถ้าแก่คนนี้เล็กน้อย
“สมุนไพรเหล่านี้มาจากท่าเรือดอกท้อหรือ?”
หรงซิวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เด็กรับใช้คนนั้นพยักหน้า “ใช่แล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันเป็นของวิเศษของผาธารใสด้วย! ซึ่งของทั้งหมดมีคุณสมบัติอยู่ในระดับสูง!”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ผาธารใส?”
นางรู้จักสถานที่แห่งนี้ แต่ที่นั่นเป็นเพียงหน้าผาธรรมดาเท่านั้น นับว่าเป็นสถานที่ที่ไม่โดดเด่นในท่าเรือดอกท้อเลย
เหตุใดตอนนี้ถึงกลายเป็นสถานที่ที่มีของวิเศษปรากฏออกมาได้
“พวกท่านอาจจะยังไม่รู้ เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ที่ท่าเรือดอกท้อมีทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาอย่างรุนแรง และผ่าลงมาที่ผาธารใสพอดี ทำให้ผาธารใสถูกแบ่งเป็นสองส่วน ซึ่งทุกคนถึงค้นพบว่า ภายในด้านในมีพื้นที่มิติขนาดเล็กอยู่ด้วย! และที่แห่งนั้นมีของวิเศษมากมายจำนวนนับไม่ถ้วน! ในตอนนี้ผาธารใสจึงกลายเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ยิ้มออกมา
“ร้านของพวกเราไปถึงก่อน ดังนั้นจึงได้เปรียบมากกว่า อีกทั้งตอนนี้ร้านค้าของพวกเราก็กำลังเติบโตขึ้นแล้ว!”
พื้นที่มิติขนาดเล็กภายในผาธารใส?
อีกทั้งยังมีของวิเศษจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน?
ฉู่หลิวเยว่หันไปสบสายตากับหรงซิว
เรื่องนี้ทำให้ผู้คนตกใจได้มากทีเดียว
“พวกเราไม่ได้มาที่นี่หลายปีก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องเหล่านี้ แต่ว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้เหตุใดที่ด้านนอกถึงไม่มีข่าวคราวอันใดเลย?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
เด็กรับใช้คนนั้นเผยสีหน้าลึกลับออกมา
“ฮูหยินผู้นี้ ในเมื่อท่านเคยมาที่นี่แล้ว แล้วเหตุใดถึงไม่รู้ว่าท่าเรือดอกท้อเป็นสถานที่แบบใด? ของวิเศษเหล่านี้ไม่เพียงพอต่อคนในท่าเรือดอกท้ออยู่แล้ว แล้วเหตุใดพวกเราถึงต้องยินยอมป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปด้วยล่ะ?”
มีแต่คนที่เข้ามาในท่าเรือดอกท้อเท่านั้นถึงจะรู้เรื่องเหล่านี้
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด ก็คิดว่าอีกฝ่ายกล่าวได้ถูกต้อง
คนของท่าเรือดอกท้อคงอยากจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับตลอดกาล โดยที่ไม่เปิดเผยให้คนภายนอกรู้
ไม่เช่นนั้นจะต้องเป็นการดึงดูดคนให้เข้ามาแย่งชิงกันมากมายแน่นอน เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อพวกเขาเลย
ก่อนหน้านี้ท่าเรือดอกท้อก็ไม่ได้มีของวิเศษอันใด ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ตระกูลส่วนใหญ่ไม่อยากจะมาที่นี่
แต่ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป…
ก็ไม่รับประกันว่าจะดึงดูดคนแบบไหนเข้ามา
ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
จิตสังหารที่น่าประหวั่น พร้อมกับความอันตรายที่ไม่สามารถอธิบายได้
ผู้มาเยือนมีทั้งหมดสี่คน และทุกคนล้วนแต่งตัวเหมือนกันทุกประการ
เมื่อเด็กรับใช้ที่อยู่ในร้านเห็นดังนั้นก็รีบออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มกระตือรือร้น แต่ในแววตามีประกายความหวาดกลัว
“วันนี้ท่านทั้งหลายมีเวลาว่างมาที่นี่หรือ? ผู้น้อยไม่ได้เตรียมการต้อนรับล่วงหน้า หวังว่าพวกท่านจะให้อภัย!”
ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดมองเขาด้วยความเย็นชา
“แน่นอนว่าข้ามาที่นี่เพื่อมาเอาของ!”
เด็กรับใช้คนนั้นเผยสีหน้าลำบากใจ
“ท่าน คือว่า…ยังเหลือเวลาอีกสามวันกว่าจะถึงกำหนดการ ของนั้นเรายังจัดเตรียมไว้ไม่ครบ ถ้าเช่นนั้นเชิญท่านรอก่อน…”
ฉึก!
ชายสวมชุดคลุมสีดำคนนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาชักดาบขึ้นมาแล้วแทงเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายในทันที!
เด็กรับใช้คนนั้นตกใจแล้วรีบหลบในทันที แต่ดาบนั้นก็ยังฟันเข้าที่ต้นแขนของเขา เลือดสดๆ ไหลรินออกมา
“นี่เป็นของที่นายท่านของพวกเราต้องการ จะล่าช้าไม่ได้เด็ดขาด! ตอนนี้เจ้าจะจัดเตรียมได้แล้วหรือยัง?”
น้ำเสียงของชายสวมชุดดำคนนั้นเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ที่ติดตามมาอยู่ด้านหลังก็เตรียมตัวลงมือแล้วเช่นกัน
เด็กรับใช้คนนั้นกุมบาดแผลของตัวเองเอาไว้แน่น ใบหน้าซีดขาว และยังพูดขึ้นมาอีกว่า
“…หากพวกท่านจะนำของไปในตอนนี้ก็ได้ เพียงแต่ว่า…ยังขาดหญ้าผสานวิญญาณ…พวกท่านทั้งหลายก็รู้ว่า ของสิ่งนี้มักขาดแคลนอยู่เสมอ ไม่เพียงแค่ร้านค้าเล็กๆ แต่ร้านโอสถอื่นๆ ภายในท่าเรือดอกท้อก็ไม่มีเหมือนกัน…”
ชายที่สวมชุดคลุมสีดำเชิดคางขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเอาอย่างอื่นไปก่อน! สามวันให้หลัง เถ้าแก่ของพวกเจ้าจะต้องนำหญ้าผสานวิญญาณไปส่งที่จวนของนายท่านข้าด้วยตนเอง!”
ใบหน้าเด็กรับใช้คนนั้นซีดเซียวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เมื่อพูดจบเด็กรับใช้คนนั้นก็เดินไปที่โต๊ะชำระเงิน ก่อนที่จะใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเปิดลิ้นชักแล้วหยิบแหวนเฉียนคุนวงหนึ่งออกมา พร้อมส่งให้อีกฝ่ายด้วยท่าทางเคารพอย่างสูง
“ของ…นี่ของขอรับ…”
ชายคนนั้นเดินก้าวขึ้นไปด้านหน้า ก่อนจะหยิบแหวนเฉียนคุนในมืออีกฝ่ายมา
หลังจากตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าสินค้าที่สั่งไปขาดเพียงหญ้าผสานวิญญาณเท่านั้น เขาก็เก็บแหวนเฉียนคุนลง และส่งสายตาเป็นคำเตือนแก่บ่าวผู้นั้น
“ครั้งนี้ก็แล้วกันไป หากเดือนหน้ายังเป็นเช่นนี้อยู่…ก็ระวังชีวิตของเจ้าเอาไว้ให้ดี!”
เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็หมุนตัวเดินกลับไป
ตอนที่เดินออกจากประตู ชายที่อยู่ด้านหน้าสุดก็เหลือบสายตามามองทางฉู่หลิวเยว่โดยเฉพาะ
ฉู่หลิวเยว่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสายตาของอีกฝ่ายนั้นกำลังจับจ้องมาที่นางและหรงซิว อีกทั้งยังนิ่งค้างไปหลายวินาทีด้วย
สีหน้าของนางราบเรียบ แสร้งทำเป็นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงของอีกฝ่าย
หรงซิวเดินมาด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วโอบเอวของนางเอาไว้ ช่วยบังสายตาจากชายผู้นั้น
“เยว่เออร์ เจ้าดูซิว่าอยากจะซื้ออันใดที่นี่หรือไม่”
ความเงียบงันปกคลุมอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ในที่สุดคนเหล่านั้นก็จากไป
…
รอจนกระทั่งเงาร่างของพวกเขาจางหายไป ลมปราณที่มีกลิ่นคาวเลือดก็จางลงไปเป็นจำนวนมาก
บ่าวที่ได้รับบาดเจ็บคนนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา
“ขออภัยทุกท่านมาณ.ที่นี่ด้วยนะขอรับ…”
ฉู่หลิวเยว่ขยิบตาให้แก่สือซาน สือซานจึงสาวเท้าไปด้านหน้าแล้วช่วยทำแผลให้แก่เด็กรับใช้ผู้นั้น
เด็กรับใช้คนนั้นรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ได้รับการดูแลเช่นนี้ จึงรีบพูดขึ้นมาว่า
“ขอบคุณคุณชายมาก ข้าบาดเจ็บแค่เล็กน้อยซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด!”
ขณะที่พูดเขาก็หยิบโอสถจากในลิ้นชักออกมาแล้วกลืนลงคอ ก่อนจะหยิบผ้าพันแผลขึ้นมา
แต่น่าเสียดายที่บาดแผลของเขาอยู่บริเวณต้นแขน ดังนั้นจึงไม่สามารถทำแผลได้ด้วยมือข้างเดียวได้
“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า”
สือซานพูดอีกครั้ง
ในตอนนี้เด็กรับใช้คนนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงก้มหน้าแล้วพูดขอบคุณเสียงเบา
สือซานทำแผลด้วยความชำนาญ หลังจากผ่านไปสักพักก็ช่วยเขาพันผ้าพันแผลจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเขาก็ถอยหลังกลับมายืนที่ตำแหน่งของตนเอง
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขาอย่างชื่นชม ก่อนจะยกย่องขึ้นมาว่า
“คิดไม่ถึงเลยว่าสือซานจะมีความรู้ในด้านนี้ด้วย”
เสี่ยวปาลูบศีรษะของตนเอง ก่อนจะยิ้มออกมา
“การฝึกฝนทำให้เกิดความชำนาญขึ้นมา”