ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1828 กิ่งทองใบหยก
ตอนที่ 1828 กิ่งทองใบหยก
………………..
สือซานได้รับการฝึกฝนจากพี่ใหญ่มานานปี ได้รับบาดเจ็บมาก็ไม่รู้กี่ครั้ง
นอกจากนี้หากคนอื่นได้รับบาดเจ็บแล้วไม่สามารถจัดการด้วยตัวเองได้ พวกเขาก็มักจะมาหาสือซาน
เมื่อเวลาผ่านมาความชำนาญก็เพิ่มมากขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ “…”
แต่อย่างใดก็ตามเมื่อได้รับคำชม สือซานก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาเปล่งประกาย
“ขอบคุณทุกท่านมาก”
เด็กรับใช้คนนั้นเดินกลับมาอีกครั้ง และโค้งคำนับขอโทษพวกเขาจากใจจริง
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า เมื่อนึกถึงท่าทางเคยชินของเด็กรับใช้คนนั้น อีกทั้งเขายังวางโอสถพร้อมกับผ้าพันแผลเอาไว้ที่โต๊ะชำระเงินด้วย…
เกรงว่าสถานการณ์เช่นนี้คงไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกแน่นอน
“คนเหล่านั้นเป็นใครกันหรือ คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเผด็จการขนาดนั้น”
เด็กรับใช้ได้ยินดังนั้น ก็เผยสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที เขากวาดสายตามองรอบข้าง เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้อื่นได้ยิน เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะพูดด้วยความขมขื่นว่า
“ฮูหยินท่านนี้ หากท่านยังอยากอยู่ในท่าเรือดอกท้อต่อไป ท่านห้ามพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาอีกเด็ดขาดนะขอรับ!”
คำพูดอันใด?
ห้ามพูดว่าคนเหล่านั้นเผด็จการอย่างนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่แทบจะหัวเราะออกมา
อีกฝ่ายก็เผด็จการจริงๆ นั่นแหละ แม้กระทั่งคำพูดว่าเผด็จการยังไม่ให้คนอื่นพูด
“หากคนสำนักกระบี่ทมิฬได้ยินเข้า ผลที่ตามมาอาจไม่สามารถจินตนาการได้!”
“สำนักกระบี่ทมิฬ?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
“หากพูดไปเกรงว่าเรื่องจะยาว สำนักกระบี่ทมิฬนี้ ความจริงแล้วเพิ่งมาที่นี่ได้แค่ปีกว่าๆ ตอนนั้นพวกเขามีเพียงแค่สิบกว่าคนเท่านั้น แต่ว่าแต่ละคนมีฝีมือแข็งแกร่ง หลังจากนั้นไม่นานชื่อเสียงของเขาก็ประจักษ์ในท่าเรือดอกท้อ พวกเขาได้ตั้งรกรากกันที่นี่ อีกทั้งยังดึงผู้คนให้เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาสั้นๆ เพียงปีกว่า พวกเขาก็กลายเป็นอันธพาลที่ทุกคนในท่าเรือดอกท้อจะต้องเชื่อฟัง”
“เมื่อครู่นี้พวกท่านก็ได้เห็นไปแล้ว ร้านค้าของพวกเราจะต้องส่งโอสถและสมุนไพรระดับสูงให้แก่พวกเขาทุกเดือน หากสินค้ามีระดับไม่สูงพอ หรือไม่สามารถจัดหาได้ตรงตามเวลา พวกเราก็จะถูกลงโทษ…”
เด็กรับใช้คนนั้นพูดเสียงต่ำมาก เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็กวาดสายตาไปรอบข้างอย่างไม่รู้ตัว ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและหวาดระแวง
เห็นได้ชัดว่าสำนักกระบี่ทมิฬนี้จะทิ้งปมในใจให้แก่พวกเขาเอาไว้ลึกมากทีเดียว
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจแล้ว
ในเมื่อเป็นคำว่า “ส่ง” แน่นอนว่าไม่ได้เงิน
ไม่รู้ว่าภายในแหวนเฉียนคุนนั้นมีของวิเศษอันใดบ้าง แต่ด้วยระดับของร้านค้าแห่งนี้ ของที่ถูกส่งออกไปจะต้องเป็นของวิเศษระดับสูงแน่นอน
เพียงแค่หญ้าผสานวิญญาณ
หุบเขาวาโยโอสถของสำนักหลิงเซียวก็มีเพียงปีละเล็กน้อยเท่านั้น
แต่คนเหล่านี้กลับต้องการทุกเดือน หากไม่เตรียมให้พร้อมตรงตามเวลา เถ้าแก่ของพวกเขาก็จะต้องไปส่งโอสถด้วยตนเอง
เรื่องแบบนี้มัน…
“ผู้กุมอำนาจของสำนักกระบี่ทมิฬคือใคร?”
หรงซิวถามขึ้นอย่างกะทันหัน
เด็กรับใช้คนนั้นเผยสีหน้ามึนงงชั่วขณะ ก่อนจะส่ายหน้า
“คือว่า…พวกเราก็ไม่รู้ ทั่วไปแล้วพวกเราก็จะเห็นแต่ใต้เท้าเหล่านี้ไปมาอยู่เสมอ แต่นายท่านของพวกเขานั้น…พวกเราก็ไม่เคยเจอมาก่อนเลย อีกทั้งพวกเราก็ไม่รู้ว่าที่คนผู้นั้นไม่ออกจากสำนักกระบี่ทมิฬ เขายังอยู่ด้านในหรือไม่”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เด็กรับใช้คนนั้นก็รู้สึกตัวว่าตนเองพูดมากเกินไป ดังนั้นจึงรีบปิดปากด้วยความตื่นตระหนก ราวกับกำลังกลัวว่าคนของสำนักกระบี่ทมิฬจะกลับมาอย่างกะทันหัน
สำนักกระบี่ทมิฬแห่งนี้…ไม่ธรรมดาเลย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีตระกูลและสำนักจำนวนนับไม่ถ้วนที่ต้องการจะมาตั้งรกรากที่นี่ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้รับกลับไปเพียงแค่ความล้มเหลว
แต่สำนักกระบี่ทมิฬที่มาจากไหนก็ไม่รู้ กลับใช้เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปีก็สามารถกลายเป็นเจ้าถิ่นของที่นี่ได้สำเร็จ
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ตอนนี้ทั่วทั้งท่าเรือดอกท้อกลายเป็นของเขาหมดแล้วหรือ?”
เด็กรับใช้คนนั้นพูดขึ้นอย่างลังเลว่า
“นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด…”
ท้ายที่สุดแล้วในท่าเรือดอกท้อก็มีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถทนกับพฤติกรรมของสำนักกระบี่ทมิฬได้
เพียงแต่ว่าการต่อต้านนั้นมีจำนวนน้อยมาก
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
สำนักกระบี่ทมิฬต้องการที่จะควบรวมท่าเรือดอกท้อ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก
พวกเขาได้ทำเรื่องที่ตระกูลและสำนักอื่นๆ มากมายไม่สามารถทำได้
หากให้เวลาพวกเขาอีกสักหน่อย…ผลลัพธ์เป็นอย่างใดนั้น ก็ยากจะคาดเดา
เด็กรับใช้คนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ผู้น้อยไม่รู้ว่าพวกท่านมาที่ท่าเรือดอกท้อนี้ด้วยสาเหตุอันใด แต่หากท่านไม่มีเรื่องอันใดเร่งด่วน ก็รีบออกจากที่แห่งนี้ไปเถอะขอรับ! เมื่อครู่นี้ผู้น้อยเห็นว่าสำนักกระบี่ทมิฬกำลังจะตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกท่าน…ที่แห่งนี้จึงอันตรายเป็นอย่างมาก”
หากไม่ได้เจอกับคนของสำนักกระบี่ทมิฬก็ช่างเถอะ หรือฐานะของพวกท่านธรรมดามาก จนไม่ได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขา ก็นับว่าที่แห่งนี้ปลอดภัยอย่างมากเลยทีเดียว
แต่ว่าถ้าใครไม่ได้ตาบอดก็จะเห็นว่าคนเหล่านี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
คนของสำนักกระบี่ทมิฬจะต้องมาหาเรื่องพวกเขาอีกแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา นางรู้ว่าเด็กรับใช้คนนี้มีเจตนาดี
แต่พวกเขาเพิ่งจะมาถึงที่นี่จะให้รีบกลับไปในตอนนี้…
“นายท่าน!”
ทันใดนั้นก็มีกระแสเสียงสายหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมา
เมื่อนางหมุนตัวกลับมาก็เห็นชายคนหนึ่งตัวอ้วนกลมสวมชุดคลุมหรูหรากำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว
แม้ว่ารูปร่างของเขาจะเป็นทรงกลม แต่การเคลื่อนที่ของเขาก็คล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างมาก
ภายในชั่วพริบตาเดียวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้แล้วพูดขึ้นว่า
“ซานซาน ไม่เจอกันนานเลยนะ แต่เหตุใดดูเหมือนเจ้าจะตัวกลมขึ้นล่ะ?”
เมื่อชายตัวอวบได้ยินดังนั้น ก็รีบวิ่งพุ่งตรงเข้ามา
“นายท่าน! ในที่สุดท่านก็มาแล้ว! ซานซานคิดถึงท่านเหลือเกิน!”
หรงซิวเหลือบสายตามามองทางเขา
ทันใดนั้นซานซานก็รู้สึกหนาวสั่นจับขั้วหัวใจ!
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่แรงกล้าของเขาสั่งให้เขาชะงักฝีเท้า เขาหยุดอยู่ห่างจากฉู่หลิวเยว่สามก้าว
จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาจนตาหยี ก่อนจะหันไปพูดกับหรงซิวด้วยความกระตือรือร้นว่า
“นายท่าน สามีของท่านผู้นี้…คือโอรสสวรรค์ใช่หรือไม่? เขามีรูปร่างงดงามเหนือธรรมดาจริงๆ ช่างเหมาะสมกับท่านราวกับกิ่งทองใบหยก”