ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1829 แย่งของของข้าหรือ ตอนที่ 1830 สิบสามเยว่พูดเกินจริงไปแล้ว
- Home
- ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
- ตอนที่ 1829 แย่งของของข้าหรือ ตอนที่ 1830 สิบสามเยว่พูดเกินจริงไปแล้ว
ตอนที่ 1829 แย่งของของข้าหรือ ตอนที่ 1830 สิบสามเยว่พูดเกินจริงไปแล้ว
………………..
ตอนที่ 1829 แย่งของของข้าหรือ
คนทั่วไปสามารถฟังน้ำเสียงประจบประแจงนี้ออก
แต่เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกจากปากของเขากลับฟังแล้วดูจริงใจมากเป็นพิเศษ
จากนั้นเขาก็โค้งคำนับทำความเคารพคนทั้งสอง ก่อนจะยืดตัวเหยียดหลังตรง แล้วกล่าวกับฉู่หลิวเยว่ด้วยความชื่นชมว่า
“นายท่าน เดิมทีข้าคิดว่าไม่มีผู้ชายคนใดบนโลกนี้ที่จะเหมาะสมกับนายท่าน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ข้าจะคิดผิดไปอย่างมหันต์!”
มุมปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้น
ซานซานผู้นี้สมคำร่ำลือจริงๆ
แม้ว่าเขาจะรู้เจตนาของอีกฝ่าย แต่น้ำเสียงของเขาก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นราวกับอาบน้ำในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย จึงทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อใจอย่างไม่รู้ตัว
เรื่องที่พูดนี้เป็นความจริง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วภายในสถานที่อย่างท่าเรือดอกท้อแห่งนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของซานซาน มุมปากของฉู่หลิวเยว่ก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่ปี แต่เขาก็เก่งขึ้นไม่น้อยเลย
นางใช้สายตากวาดสำรวจซานซานขึ้นลง
“ดูเหมือนว่าช่วงที่ผ่านมานี้เจ้าจะอยู่อย่างสุขสบายทีเดียว หึๆ ดูสิคางของเจ้ามีสามชั้นแล้ว”
ซานซานหัวเราะขึ้นเบาๆ จนดวงตาหยีเล็กลง เขาตัวขาวและนุ่มนิ่ม ทำให้ผู้คนรักใคร่เอ็นดูยิ่ง
เขาไม่ได้เจอฉู่หลิวเยว่เป็นเวลานานมากแล้วจริงๆ ดังนั้นเขาจึงคิดถึงนางเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งได้ยินคำหยอกล้อที่คุ้นเคย เขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“นั่นก็เป็นเพราะข้าดีใจที่นายท่านและโอรสสวรรค์กำลังจะแต่งงานกัน ข้าที่ดีใจมากก็เลยกินข้าวเพิ่มสองถึงสามถ้วยเชียว!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
“นายท่าน พี่สามแค่ไม่ใช่คนเลือกกิน แต่เมื่อใดที่เขาอารมณ์ดี เขาก็จะกินมากกว่าเดิมสองสามถ้วยจริงๆ”
ไม่เหมือนกับเขาเลย เขาเลือกกินมาก ดังนั้นจึงทำให้กินข้าวได้ไม่เยอะ
ซานซานหนังตากระตุก เขาเป็นคนที่ผิวหยาบและหนังหนามาโดยตลอด คนรอบข้างพูดอันใด เขาไม่มีทางเก็บมาใส่ใจ
แต่ทุกครั้งที่สือฟังอ้าปากคำพูดของอีกฝ่ายเหมือนเป็นมีดที่แทงเข้ามาอย่างรุนแรง
เขาเหลือบสายตาหันมองทางสือฟัง
“สือฟัง เจ้าไม่ต้องพูดบ้างก็ได้นะ”
สือฟังหดคอลง เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย ดังนั้นจึงตอบรับอย่างเชื่อฟัง
“อื้อ”
“เถ้าแก่?”
เด็กรับใช้ที่อยู่ด้านข้างรู้สึกมึนงงไปตั้งนานแล้ว เขาจึงเรียกซานซานด้วยท่าทีเหม่อลอย
“ท่าน…”
สายตาของเขามองสลับไปมาระหว่างซานซานและฉู่หลิวเยว่
คาดไม่ถึงว่าเถ้าแก่ของเขาจะเรียกฮูหยินผู้นี้ว่า…นายท่าน?
ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
นางเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“ซานซาน ร้านนี้…เป็นร้านของเจ้าหรือ?”
ซานซานพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
“ใช่แล้ว!”
ที่แท้ซานซานก็เป็นเถ้าแก่คนนั้นนั่นเอง
ฉู่หลิวเยว่ดึงสติกลับมา ในตอนนั้นนางก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ตอนนี้เด็กรับใช้คนนั้นตกใจมากจนยังไม่สามารถดึงสติกลับคืนมาได้ แต่เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็รีบตอบว่า
“หา? อื้อ! ขอรับ! ผู้น้อยคารวะนายท่าน!”
ขณะที่พูดเขาก็คุกเข่าทำความเคารพฉู่หลิวเยว่
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับยกมือขึ้น
“เจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่ ไม่ต้องมากพิธีหรอก”
ในตอนนั้นซานซานถึงเพิ่งสังเกตถึงผ้าพันแผลที่อยู่บนแขนของเสี่ยวจ้าว ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมาในทันที
สีหน้าเคร่งเครียด
“คนของสำนักกระบี่ทมิฬมาที่นี่อีกแล้วหรือ?”
เด็กรับใช้คนนั้นพยักหน้าด้วยความขื่นขม
ตอนนี้ภายในท่าเรือดอกท้อ คนที่กล้าลงมืออย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้มีเพียงสำนักเดียวเท่านั้น
“พวกเขายังพูดว่า…อีกสามวันให้หลังให้ท่านนำหญ้าผสานวิญญาณไปมอบให้เขาด้วยตนเอง…”
ใบหน้าของซานซานสั่นระริก
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้น นางรู้สึกโกรธจนหัวเราะออกมา
“เช่นนั้นก็หมายความว่า…คนกลุ่มเมื่อครู่นี้กำลังแย่งของของข้า ต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?”
ตอนที่ 1830 สิบสามเยว่พูดเกินจริงไปแล้ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารบนร่างกายของนายท่าน ซานซานก็ตัวสั่นสะท้าน
เขาติดตามนายท่านของตนเองมาเป็นเวลานาน เพราะรู้ว่าสิ่งที่นางเกลียดมากที่สุดคือ คนอื่นมาแย่งของของนาง
แต่เหตุการณ์นี้กลับเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตานาง…
“ท่านเดินทางมาไกลคงจะเหนื่อยมาก ผู้น้อยไม่ได้เตรียมการต้อนรับ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างมาก! สถานที่แห่งนี้ซอมซ่อมากเกินไป ถ้าเช่นนั้นเชิญท่านกับฝ่าบาทไปพักผ่อนที่บ้านของผู้น้อยก่อนดีหรือไม่?”
เขาเตรียมสถานที่เอาไว้ตั้งนานแล้ว ท้ายที่สุดแล้วทุกสิ่งที่เขาสร้างมาก็เพื่อนายท่าน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า วันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
สถานการณ์ของท่าเรือดอกท้อนั้นซับซ้อนมากกว่าที่นางคิดเอาไว้ ดังนั้นนางจึงต้องทำใจเย็นๆ หลังจากเข้าใจสถานการณ์โดยละเอียดแล้ว ค่อยตัดสินใจต่อไป
“ไปกันเถอะ ไปดูถิ่นของเจ้าหน่อย!”
หลังจากเดินออกไปสองสามก้าว นางก็เหลือบสายตามองเด็กรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง
“เขาได้รับบาดเจ็บ ปล่อยให้เขากลับบ้านไปพักรักษาตัวสักสองสามวันเถอะ”
ซานซานรีบตอบขึ้นมาว่า
“เอ๋! ได้เลยขอรับ!”
เขาโบกมือให้กับเด็กรับใช้คนนั้น
“เสี่ยวจ้าว นายท่านออกปากด้วยตนเองแล้ว นี่ถือว่าเป็นความโชคดีของเจ้า! สองสามวันนี้เจ้าก็กลับบ้านไปรักษาตัวก่อนเถอะ ค่าจ้างข้าจะยังจ่ายอยู่เหมือนเดิม!”
เด็กรับใช้รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แล้วกล่าวขอบคุณอยู่หลายครั้ง
ภายในใจของซานซานก็รู้สึกตื่นเต้นและยินดี เขานำทางไปพลาง พร้อมกับถูมือไปมาแล้วถามอย่างคาดหวังว่า
“นายท่าน ท่านกับฝ่าบาทเพิ่งแต่งงานกันได้ครึ่งเดือน แล้วเหตุใดถึงมาที่นี่แล้วขอรับ? หรือว่า…หรือว่า…”
เดิมทีเขาอยากจะถามว่า ในใจของนายท่านก็คิดถึงเขาอยู่เหมือนกันใช่หรือไม่
แต่เขายังไม่ทันถามจนจบ หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรอยยิ้มแต่ดวงตากลับเย็นชาของหรงซิว
ซานซานกลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก ก่อนจะกลืนคำพูดที่เหลือลงคออย่างชาญฉลาด
“อะแฮ่ม! นายท่าน ฝ่าบาท เชิญทางนี้ขอรับ…”
แต่ว่าดูแล้วมีท่าทางสง่างามไม่เหมือนกับคนทั่วไปจริงๆ …
นายท่านของเถ้าแก่เป็นคนที่เหนือธรรมดาจริงๆ
เมื่อคิดถึงของที่คนของสำนักกระบี่ทมิฬเอาไปก่อนหน้านี้ หัวใจของเด็กรับใช้ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
เหมือนว่านายท่านคนนี้จะไม่สามารถยั่วโมโหได้เลย…
ไม่รู้ว่าครั้งนี้นางจะมีปัญหากับสำนักกระบี่ทมิฬหรือไม่
…
ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ เดินเข้าไปในเมือง
ซานซานเดินติดตามอยู่ด้านข้าง และพูดตลอดทางไม่หยุด
ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการเล่าเรื่องที่เขาได้พบเจอตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ และเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด
ฉู่หลิวเยว่เคยชินกับท่าทางเช่นนี้แล้ว ดังนั้นนางจึงฟังอยู่เงียบๆ
ใช่แล้ว
ซานซานไม่ชอบเขียนจดหมาย แต่กลับชอบพูด
แต่ซานซานรู้ว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด
เหมือนกับในตอนนี้ เขารู้ว่าหรงซิวและฉู่หลิวเยว่ไม่ได้มาที่ท่าเรือดอกท้อมาเป็นเวลานาน และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กลับมาที่นี่ ดังนั้นจึงเริ่มพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของท่าเรือดอกท้อให้พวกนางฟังหนึ่งรอบ
หากฟังแค่ผ่านๆ ก็คิดว่าเขาคงพูดพล่อยๆ ความจริงแล้วเนื้อหานั้นกระจ่างชัดเจน อีกทั้งยังจับประเด็นได้ตรงจุดเป็นอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเป็นครั้งคราว
ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขายังอยู่ภายในร้าน แม้ว่าเด็กรับใช้คนนั้นจะพูดออกมาไม่น้อยแล้ว แต่แต่ละเรื่องราวก็ไม่ได้ต่อเนื่องกัน
ตอนนี้เมื่อได้ยินซานซานอธิบาย ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวเข้าด้วยกันได้แล้ว
…
สิงโตหินหน้าประตูทองคำบริสุทธิ์ ที่ขั้นบันไดมีพรมสีแดงปูอยู่ เหมือนว่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในจวน จะมารวมตัวกันในเวลานี้ พร้อมยืนเข้าแถวสองข้างทางด้วยความเคารพ
“ยินดีต้อนรับนายท่านกลับจวน!”
กระแสเสียงนั้นดังกังวาน สง่างามเป็นพิเศษ
นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ป้ายหน้าประตูแขวนที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ เขียนด้วยอักษรตัวใหญ่คำว่า “จวนเยว่”
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองคฤหาสน์ที่หรูหรา สีทองที่เปล่งประกายแสบตา มุมปากของนางกระตุกขึ้นอีกครั้ง
เหตุใดซานซานถึงทำสิ่งที่เขาพูด เป็นสิ่งที่เกินกว่านางจะจินตนาการได้ทุกครั้ง…
“เป็นอย่างใดบ้าง! นายท่าน ท่านชอบหรือไม่?”
ซานซานหัวเราะออกมาจนดวงตาหยีเล็กลง เหลือเพียงขีดเดียวเท่านั้น
“เวลากระชั้นชิดเป็นอย่างมาก ข้ายังไม่ทันได้เตรียมการแสดงเลย! โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ในตอนนั้นนางมีความคิดที่อยากจะหนีออกจากที่นี่จริงๆ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉู่หลิวเยว่ ซานซานก็เริ่มไม่แน่ใจเล็กน้อย
หรือว่านายท่านจะไม่ชอบ?
แต่นี่คือคฤหาสน์ที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อยเลย พิธีต้อนรับเช่นนี้ เขาก็ได้วางแผนเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว
ประตูบานใหญ่ก็อลังการเป็นอย่างมาก!
การต้อนรับก็ครึกครื้นเป็นที่สุด!
เหตุใดนายท่านถึงไม่ชอบล่ะ?
ซานซานเหลือบสายตาหันไปมองหรงซิวที่อยู่ด้านข้าง
“ฝ่าบาท ท่านคิดว่าเป็นอย่างใดบ้าง?”
นางเหลือบสายตาไปมองหรงซิวอย่างเงียบเชียบ
ความรู้สึกอับอายขายขี้หน้าที่อธิบายไม่ได้นี้มาจากที่ใดกัน?
โอรสสวรรค์เปิดเผยจริงใจ อบอุ่นราวกับหยก สวมชุดสีขาวทั้งร่าง เหมือนกับเทพเซียน
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็พยักหน้าเบาๆ คางเรียวสวยสมบูรณ์แบบราวกับหยกแกะสลัก
“ไม่เลว เหมือนว่าเจ้าจะใส่ใจเจ้านายของเจ้ามากเลยทีเดียว”
ซานซานยิ้มแย้มด้วยความยินดีในทันที
“ฝ่าบาทสุดยอดมากจริงๆ! หากท่านทั้งสองชอบก็ดีแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
หรงซิวหันไปมองหน้านาง ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น รอยยิ้มส่งไปถึงดวงตาและระหว่างคิ้ว
“เยว่เออร์ เหมือนว่าสิบสามเยว่จะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดีเชียวนะ”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
“เข้าไปดูด้านในเถอะ”
ขณะที่พูด หรงซิวก็จับมือนางแล้วเดินเข้าไปด้านใน
ซานซานเดินตามไปด้านในด้วยความยินดี
น้องแปดจ้องสิงโตทองคำบริสุทธิ์ด้านหน้าประตูทั้งสองตัวตาเขม็ง
“พี่ใหญ่ ข้าไม่เข้าไปได้หรือไม่?”
ที่แห่งนี้มันอัปลักษณ์มากเกินไป!
อัปลักษณ์ที่สุด!
เฉินอีมีสีหน้าราบเรียบ เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วเดินติดตามเข้าไปด้านใน
“ได้ ซานซานยังมีคฤหาสน์แห่งอื่นอีก เจ้าลองไปดูสิ”
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามมันก็อยู่ในระดับเดียวกันหมด
แค่น้องแปดคิดว่าเขาจะต้องรู้สึกอุจาดลูกตาอีกหลายครั้ง เขาก็รู้สึกว่าชีวิตสิ้นหวังขึ้นมา
“หากจะต้องนอนที่นี่จริงๆ ชุดของข้าคงหม่นสีลงแน่นอน!”
ต้องไปอยู่โรงเตี๊ยม!
คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่นางหมุนตัวกลับมาก็มีเงาร่างกำยำล่ำสันมาขวางอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว
นางไม่ทันได้สังเกตจึงชนเข้าไปอย่างแรง
“โอ๊ย…”
ในตอนที่นางกำลังจมลงไปในอกของอีกฝ่าย เงาร่างที่อยู่ตรงหน้าก็ขยับไปด้านข้างอย่างกะทันหัน จากนั้นก็หายไปแล้ว
หายไปแล้ว
หายไป…
หาย?
ร่างกายของน้องแปดสูญเสียการควบคุมและล้มลงพื้นในทันที
นางเบิกตากว้าง… คนผู้นี้เป็นบ้าหรือ?
หากนางล้มลงกับพื้น ชื่อเสียงทั้งหมดของนางจะต้องถูกทำลายลงแล้ว!
ในตอนนั้นนางก็กำลังคิดว่าจะต้องล้มอย่างใดถึงจะสวยงามที่สุด แต่ก็มีแรงมหาศาลดึงนางเอาไว้จากด้านข้าง
ฝ่ามือที่หยาบและใหญ่ คว้าแขนเรียวของนางเอาไว้ แล้วลากกลับไป
ด้วยพลังนี้ ทำให้นางสามารถกลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง
เมื่อถูกฉุดกระชากเช่นนี้ ลูกปัดหยกที่อยู่บนข้อมือและข้อเท้าของนางก็แตกกระจาย
นางรีบหันกลับมามองด้วยความตกใจ
เยี่ยนชิงปล่อยมือแล้ว
แต่ดวงตากลมโตของน้องแปดยังคงเบิกกว้างอยู่
“เจ้า! เมื่อครู่นี้เจ้าจะหลบเหตุใด!”
เหมือนกับกลัวว่านางจะทำอันใดอย่างนั้นแหละ!
เยี่ยนชิงขมวดคิ้วขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วนางก็เป็นผู้หญิง หากชนกัน แล้วคนอื่นเข้ามาเห็น มันจะเหมาะสมได้อย่างใด
หรือว่าที่เขาหลบทางให้นั้นเป็นความผิด?
นอกจากนี้ เขาก็ยังไม่ได้ปล่อยให้นางล้มนี่นา